อาม่า – Mobile Knowledge

อาม่า ผมสีดอกเลา ความสูงไม่มากนัก แต่เดินเหินสะดวก อาม่าเคยเป็นอัมพฤก แต่ดูแลตัวเอง รักษตัวเองระดับหนึ่ง ทุกวันนี้อาม่าเดินมาจากบ้านเพราะเป็นโรคกระดูกพรุนเลยกลัวถ้าขี่จักรยานแล้วเกิดล้มขึ้นมาจะลำบาก มาเดินออกกำลังกายในพระราชวังสนามจันทร์เกือบทุกวัน  ผมเคยเจอ เห็นและพูดคุยเห็นระยะ ระยะ คุยสัพเพ สัพตา ในหลายเรื่องจากท่าออกกำลัง อาม่ายังเหล่าถึงสมุนไพร ไทย จีน รอบบ้านที่ปลูกไว้หรือไกลบ้านในที่ต่างๆ สรรพคุณบอกเสร็จสรรพพร้อมวิธีใช้ ระบบความคิดของแกเกิดเองตามธรรมชาติในตัวในการจัดการตัวเองสุดยอดเพราะนี่คือระบบการจัดการวิถีชีวิตในวัยนี้แต่ยังใช้สังขารที่มีอยู่ได้กับกิจกรรมชีวิตประจำวัน
สองสามอาทิตย์นี้ผมไปออกกำลังกายตอนเช้าบ่อยก็วิ่งๆๆเดินๆๆ สองสามรอบไม่เกินกว่านี้เพราะเด๊วอาจจะหลัยได้ตอนมาทำงาน วิ่งผ่านๆ เห็นเ ชุมชนอาม่า  ยืนล้อมวงอยู่มุมซ้ายมือของพระบรมราชานุสาวดีรัชกาลที่หก ยกมือยกไม้ ทำท่าต่างๆ เหมือนสอนกันไปสอนกันมาในวง และยังมีชุมชนอื่นๆ หลายกลุ่ม หลายก้อน แล้วก็ดูท่าจะขยายทั้งจำนวนกลุ่มและคนในแต่ละกลุ่ม ถึงจะไม่มากแต่ก็เห็นได้ กระจายกันไปโดยรอบไม่ว่าจะเป็นตรงมุมที่มีสนามบาสก็เป็นชุมชนรำไท่เก็ก รำพัด มีชุมชนโยคะอีกสองสามกลุ่มรอบๆ พระที่นั่งชาลีมงคลอาสน์  ผมเห็นชุมชนอาม่าหลายวันเข้าเลยสนใจ หยุดเดินไปเลียบๆเคียงๆดู ดูแล้วก็ขมวดคิ้ว เอทำอะไรกันหว่า ออกกำลังกายธรรมดาหรือว่าอะไรดูขมักเขม้น เห็นการถ่ายทอดระหว่างกันและกัน ฝึกปฏิบัติเอาใจใส่ พูดคุย จัดท่าทาง และดูแลกัน ก็เก็บความสงสัยไว้เพราะไม่อยากเข้าไปรบกวนอาม่าที่น่าจะใช้สมาธิแต่ก็เห็นความผ่อนคลายกับการออกกำลังกายที่เป็นงานอย่างหนึ่งของชีวิตนี้ แต่อาม่าบอกว่าการทำงานไม่ใช่ออกกำลังกายนะจะบอกให้ ไม่ใช่ไม่ใช่ การได้มาออกกำลังพักสมอง สูดอากาศบริสุทธิรับแสงแดดยามเช้านี่คือการออกกำลังกาย ที่ดีแล้ว
จนเมื่อเช้านี้ ผมตื่นสายไปหน่อยความจริงตื่นแล้ว  จริงนะเจ๊ดัน ตื่นไม่เกินหกโมงทุกวันแต่ตามันไม่ค่อยอยากลืม ก็เลยบอกสมองว่าเอ็งนอนอีกหน่อยเถอะรอให้ระบบเตือนภัยร้ายแรงทำงานก็ลุกไปทิ้งระเบิดก๋็จะตื่นพอดีแล้วก็ดูอาการว่ามีมึนๆๆงงๆๆไหม ถ้าเช็คร่างกายโอเคก็เตรียมพร้อมแต่งตัว ไปเอาเหงื่อสักหน่อย ไปถึงก็เดิน แดดแรงดีมาก ชอบเพราะไปตรวจกระดูกมามวลเริ่มลดก็เลยว่าจะไปให้แดดมันแผดมันเผาให้ได้วิตามินดีมาช่วยสร้างซ่อมกระดูกหน่อย นึำกถึงคำพูดว่า ชาวนาเป็นกระดูกสันหลังของชาติแล้วก็เออว่าทำไมมันช่างเหมาะเจาะกับแสงแดดและกระดูกได้ยังไง เดินไปสองรอบไม่อยากวิ่งเพราะลืมดื่มน้ำมาก็เลยไม่อยากเสียเหงื่อมากเด็วจะเป็นลมเอา เริ่ิมรู้ตัวว่าแก่ เห็นกลุ่มอาม่ายังทำท่าทางกันอยู่พอเดินเลยอ้อมผ่านองค์พระพิคเณศมาก็เจออาม่ามานั่งที่ม้าหินฝั่งตรงข้ามเยื้องๆ พระบรมรูป พอดีกำลังจะไปตากแดดตรงนั้นพอดีก็เลยเดินเข้าไปคุยกับอาม่าสักหน่อย
เจอแกก็ยิ้มจำได้ ก็เลยทำว่าออกกำลังหรือทำอะไรกันอยู่เป็นกลู่ม แกบอกว่าทำท่าเรียกว่า ลมปราณหอม (ผมยังงงงงต้องไปตามหาความหมายนี้ต่อ) มีหลายชุด ชุดละ 15 ท่า ท่าละ 36 ครั้ง มีทั้งการแกว่งนิ้ว แกว่งมือไปมา แล้วก็ขยับไปในทุกส่วน แกยังสอนวิธีแกแขน มือ นิ้วมือ ที่ชาๆไม่มีแรง ด้วยการแช่นำ้อุ่นๆ แล้วใช้ข้อศอกหมุนคลึงไปตามแขนขา ฝ่ามือ แล้วไล่ไปตามนิ้ว คลึงวนไปเรื่อยๆแล้วแกก็หายไม่เป็นจากอาการนั้นไม่เป็นอีกเลย สลับกับการบอกว่าออกกำลังกายดีทุกอย่าง ดีทุกท่า มาออกบ่อยไหม ผมก็ว่ามาเกือบทุกวันเช้าเย็น ยังดูกลุ่มอาม่าอยู่เลย แกก็ยิ้มๆ ถามว่าแม่ผมอายุเท่าไหร่ ทำอะไรอยู่ ปรากฏว่าอ่อนกว่าแม่ผมสองปี แล้วก็เล่าเรื่องสมัยก่อนเริ่มจากแกมาจากเมืองจีนเมื่ออายุเก้าขวบ มีหลายครอบครัวที่รู้จัก มาแล้วก็ทำมาหากิน ครอบครัวบางครอบครัวก็จนต่อสู้กันมาจนร่ำรวย แต่ก็มีตกต่ำลง ซึ่งก็มีเรื่องเล่าในเรื่อง ฮวงจุ้ยของบรรพบุรุษ ก๋ง ม่า พ่อ หรือ แม่ บางครอบครัวจนจนต้องเอาศพพ่อแม่พ่อด้วยเสื่อแล้วฝังไว้ในที่ที่อยู่นั้นแล้วทำเป็นฮวงซุยไว้ ต่อมาทำมา่ค้าขายรุ่งเรือง เลยคิดจะฮวงซุยให้ใหม่แต่ไม่ได้ปรึกษาซินแซ ไม่ได้คิดรอบคอบ ปรากฏว่าเกิดเหตุให้ธุรกิจต้องล้ม เกิดหนี้สินจนต้องหนี แต่อีกครอบครัวกลับกันเอากระดูกไว้ในไหซีอิ๋วแล้วปิดอย่างดี ซินแซบอกว่าว่าห้ามแกะ ห้ามทุบ ห้ามให้มีอะไรเข้าไปกล้ำกลายในไห จะทำการเซ่นไหว้ก็ทำภายนอกคือเอากระดาษสีวางพาดหรือรอบไห้แล้วก็กราบไหว้ตามปกติ แกบอกว่าส่ิงดีอยู่ในไห ถ้าแตกจะออกมาแล้วสลายไปหมด แกยังเล่าถึงฮวงซุยว่าอย่ารื้อทำลาย แกบอกว่าอย่าทำให้แตกหักด้วยเหตุผลเดียวกันคือสิ่งดีจะหายไปหมด
ฟังแกแล้วผมก็บอกแกเรื่องฮวงซุยของอากง อาม่าที่สุสานของบ้านผมไปด้วย แกก็บอกว่าเหมือนเค้าเป็นสิ่งดีอยู่ที่จะปกปักรักษาให้ครอบครัว ตระกูลและลูกหลานไปชั่วกาลนาน แต่ในใจผมคิดว่าอากงอาม่าแกไปไหนแล้ว อยากจะรื้อแลัวก็ทำบุญ ส่งผลบุญที่เรามี เราทำตอนนี้ไปให้แก ทำแกไปเกิดแล้วก็จะได้ช่วยให้แกสบายขึ้น ถ้าแกอยู่บนสวรร์หรือที่ไหนสักแห่งก็จะได้รับพลังดีที่เราน่าจะมีบ้างไปให้แก แล้วพลังความดี การทำงานที่เรามีก็น่าจะสะท้อนกลับมาที่ตัวเราเอง แต่อาม่าพูดก็น่าคิด ไม่ใช่กลัวเรื่องความรวย ความจนหรอกครับ คิดแล้วก็เหมือนแกทัก เพราะพลังต่างๆที่มองไม่เห้นในจักรวาลมีเยอะมากมายและรอบๆๆตัวเราก็คงมีไม่น้อย พี่ปองให้อ่านหนังเรื่อง CERN ที่เป็นองค์กรศึกษาเรื่องจักรวาล พลังงานและอนุภาคเกินที่ตาคนจะเห็นหรื่อเครื่องมือทางฟิสิกส์จะจับมันได้ทันแต่มนุษย์ก็เริ่มคิดค้นเครื่องมือเพื่อจะอธิบายมัน การจะอธิบา่ยสิ่งเหล่านี้กับความเชื่อ ความศรัทธา เป็นสิ่งไม่เหมือนจะไม่ยาก เหมือนจะไม่ง่าย แต่สำหรับผมอาม่าคือแหล่งพลังงานอย่างหนึ่งที่ดึงดูดให้เราเข้าไปหาแล้วได้พลังดีๆกลับออกมาเพื่อเจอกับพลังอีกหลายอย่างซึ่งเราจะแปลงกลับมาเป็นพลังงานที่ดีหรือพลังงานที่สูญเปล่ามีตัวเราที่จะต้องคิดต่อไป
ผมกลับมาอาบน้ำ มาทำงาน ไปนั่งกินข้าวที่โรงอาหารยูเนี่ยน นั่งกินไปก็มองแสงแดดที่กระทบสระแก้่วไปพลางๆ แล้วก็เห็นน้องๆที่นั่งกินข้าว ธรรมดาครับก็มองไปเรื่อย ความสดใส จากบางคนก็มีเดินมาให้เห็น ความสดใสที่เติมแต่งก็มีบ้าง ผมเห็นน้องกลุ่มนึงคุยกันอย่างออกรสชาติผมก็เลยลองเอาความรู้สึกและพลังที่ได้จากอาม่ามาเมื่อกี้ลองมอง แล้วสังเกตุเข้าไปในกลุ่มน้องกลุ่มหนึ่ง ครับแน่นอนกลุ่มผู้หญิง ยอมโดนว่าว่าหัวงูดีกว่าเป็นเกย์ แฮะๆ ผมคิดว่าน้องเค้าน่าจะรู้ตัวแต่ก็ไม่มีสายตาตำหนิ และก็ไม่มีปฏิกิิริยาว่าผมได้มองอย่างเจตนาไปในทางที่ไม่ดี หรือน้องเค้าสายตาสั้นอันนี้ก็เป็นไปได้  แต่ใช่ครับความรู้สึกมันวัดไม่ได้ มันตู่กันสะส่วนใหญ่ว่า ดี ไม่ดี เหมือนอนุภาคและพลังต่างๆ เกิดดับกันเร็วกว่าการกระพริบตาหลายแสนล้านเท่ามันก็ให้พลังด้านดีด้านไม่ดี (บวก และ ลบ )แตกกระจายกันไป แต่เมื่อผมนึกถึงเมื่อตอนเป็นนักศึกษาที่นี่ การมองกัน สิ่งแวดล้อมในสังคมรุ่นนั้น 17 ปีแล้วครับ ผมยังคิดว่าผมจะยังคงมีพลังและความรู้สึกแบบนั้นอยู่ เป็นพลังจากการมองโลกที่มีความรู้สึกดีแฝงอยู่ ชั่วก็มีแน่นอน กุล่มวัยรุ่นสมัยนั้น ส่วนใหญ่จะแซวกันว่า เป้นได้แค่หมาเห่าเครื่องบิน ดอกฟ้าต้องเอาชนะด้วยความดี=พลังงานที่ดี การได้เห็นคนที่ต้องใจ ต้องตาเค้าไปได้สิ่งดีๆ แล้วรู้สึกดีมีความสุข ไม่จำเป็นต้องครอบครอง แต่สมัยนี้คงเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ เหมือนกับผมที่เพ้ิอเจ้ออยู่ตอนนี้มั้ง พลังเหล่านั้นมันหายไปไหนหรือหมดไปแล้ว
ขอบคุณอาม่าครับ อาม่าเป็นแหล่งความรู้เก่าแก่ร่วมสมัยที่เคลื่อนที่ได้และมีชีวิตพร้อมกับวิถีชีวิตที่มีประวัติและความเป็นมา ทำให้ความหมายของ Mobileไม่ใช่โทรศัพท์มือถือเพียงอย่างเีดียวหรือระบบโทรคมนาคมขนาดมหึมาแต่ไม่มีเนื้อหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์และสร้างพลังงานความดีขึ้นมา แล้วก็ IT ไม่ใช่เป็นผู้นำครับ แต่ IT จักตอบสนองการใช้งานและทำให้คนใช้รู้สึกดีและเห็นคุณค่าของ IT เท่ากับคุณค่าของผลที่ได้จาก IT  เป็นผุ้ปิดทองรอบพระแต่คนก็จะเห็นพระมากกว่า เหมือนที่เราเริ่มสร้างอะไรกันใน Blog ขณะนี้ เมื่อผลที่ได้ต่อไปในอนาคต อ้าย Blog อาจจะไม่มีคนพูดถึงมันแต่จะมีคนพูดถึงหอสมุดสนามจันทร์แทน และเพราะฉะนั้นความรู้ก็ไม่ใช้จะอยู่กับที่หรือในระบบการเรียนรู้ต่างๆ ผมคิดว่าผมเจอ Mobile Learning ที่ใกล้ตา แล้วก็ได้ปลูกและปลุกต้นที่ไม่มีอยู่ในป่า….เพื่อสนับสนุนกำลังใจในการทำงานให้ขึ้นมาอีก  Mobile  Learning การเรียนรู้กับสิ่งมีชีิวิตที่เคลื่อนที่ได้ ไม่ใช่การเรียนรู้แค่มีเครื่องมือถือ notebook หรือ  netbook แต่นี้คือการทำให้เกิดบรรยากาศของการก่อเกิด สะสม และเป็นรูปร่างของสิ่งที่จะเรียกกันว่า KM หรืออะไรก็แล้วแต่ Mobile Knowledge แหล่งนี้ผมคงต้องติดตามต่อไป ใครมีเรื่องอะไรจะฝากไปถามอาม่าก็บอกได้นะครับ ผมก็ต้องไปหาเวลาให้ว่างมากขึ้นเพื่อจะได้มีพักสมองไปออกกำลังกายพร้อมกับได้เข้าคลาสเล็กเชอร์ หรือ workshop กับ อาม่า – Mobile Knowledge วันอื่นๆต่อไป
TaKiatShi ไปล่ะ

One thought on “อาม่า – Mobile Knowledge

  • อืมม…ไอทีเป็นเครื่องมือ blog ก็เป็นเครื่องมือ หรือ บันทึกข้อความ ป้ายประกาศ ทุกทรัพยากรสารสนเทศ การคุยกัน หรือจะเป้นสังคมนินทา ต่างก็เป็นเครื่องมือทั้งนั้น อยู่ที่จะว่ามันจะรับใช้แบบไหน และเราไปใช้มันอย่างไรก็คงต้องเลือกเอา ประเภทสุดแต่ใจจะไขว่คว้า
    ส่วนเรื่องอาม่ามีประเด็นที่น่าสนใจมากมาย น่าจะเชิญมาคุยกันวันละเรื่อง ตั้งแต่การดูแลรักษาสุขภาพ ความเชื่อแบบจีน หรือคนจีนที่อยู่ในจังหวัดนครปฐม ประเด็นหลังเคยคุยกับอาปาพี่สมศรีมีเรื่องราวมากมายจริงๆ ทั้งประวัติศาสตร์ท้องถิ่นและการใช้ชีวิต มีงานวิจัยอยู่เรื่องหนึ่งซึ่งเคยอ่านนานแล้วคือ บทบาทของชาวไทยเชื้อสายจีนต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคตะวันตก : ศึกษากรณีจังหวัดนครปฐม ของ ต้วน ลี เซิง คงต้องกลับไปอ่านแล้วฝากไปถามอาม่าในฐานะคนพื่นที่เพิ่มเติม… อาจมีเรื่องอะไรที่น่าสนุกนะ งานเข้ายัยอ้อเช่นเดิม อิอิ หรือจะให้เกลอไปก่อน เออออ..แบบนี้น่าดีกว่านะ

Leave a Reply

Tags

blog CONSAL KPI PULINET การจัดการความรู้ การดูแลสุขภาพ การทำงาน การท่องเที่ยว การบริการ การปฏิบัติงานล่วงเวลา การประชาสัมพันธ์ การพัฒนาตนเอง การพัฒนาบุคลากร การลงรายการ การศึกษาดูงาน การอ่าน การเรียนออนไลน์ กิจกรรมสำหรับเด็ก กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน กิจกรรมห้องสมุด ความสุข ค่ายห้องสมุด งานบริการ ธรรมะ นวนิยาย นักเขียน บรรณารักษ์ บริการชุมชน ประกันคุณภาพ ภาพถ่าย ภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยศิลปากร ระบบห้องสมุดอัตโนมัติ วัด วันสำคัญ วารสาร สัมมนา สุขภาพ หนังสือ หนังสือบริจาค หนังสือและการอ่าน หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ ห้องสมุด ห้องสมุด 24 ชั่วโมง อาหาร