สิ่งที่ได้กลับมาจากการไปศึกษาดูงาน
ผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการศึกษาดูงานในประเทศ เรื่อง ตามรอยพ่อ : แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการพัฒนาตนเองสู่การพัฒนาองค์กร ซึ่งจัดโดยสำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยศิลปากร ระหว่างวันที่ 16-18 มีนาคม พ.ศ. 2559 ณ จังหวัดชุมพร
วันแรกของการเดินทางได้เข้าศึกษาดูงานที่โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ จากการชมวิดิทัศน์และข้อมูลจากวิทยากรนำชม ได้ทราบว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากอุทกภัยในเขตจังหวัดชุมพร ในช่วงฤดูมรสุม อุทกภัยจะสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินให้กับชาวชุมพรอยู่เสมอ โดยในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2540 ได้เกิดพายุไต้ฝุ่นซีต้า สร้างความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินให้กับชาวชุมพรเป็นจำนวนมาก และกรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศแจ้งเตือนว่าในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2540 ก็จะเกิดพายุลินดาอีก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยความเดือดร้อนของชาวชุมพร จึงมีพระราชดำริให้เร่งขุดคลองหัววัง-พนังตักเพื่อระบายน้ำจากแม่น้ำท่าตะเภาออกสู่ทะเล
การขุดคลองหัววัง-พนังตักนี้กรมชลประทานได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้แล้วหลายปี เพื่อต้องการระบายน้ำจากแม่น้ำตะเภาลงสู่อ่าวพนังตัก โดยคลองที่ขุดมีความยาว 8,100 เมตร กำลังดำเนินการอยู่เหลืออีก 1,460 เมตร คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2541 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเร่งให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนพายุลินดาจะเข้าชุมพรหรือให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้สนับสนุนเงินจากมูลนิธิชัยพัฒนา จำนวน 18 ล้านบาทเพื่อการนี้ด้วย จากความร่วมมือกันหลายหน่วยงานทำให้การขุดคลองหัววัง-พนังตัก ระยะทางที่เหลือ 1,460 เมตร แล้วเสร็จในวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540 ก่อนพายุลินดาเข้าเพียง 1 วัน ทำให้ชาวชุมพรรอดพ้นจากอุทกภัยน้ำท่วมในครั้งนี้ไปได้ และต่อมาจนถึงปัจจุบันก็ไม่เกิดอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ที่ชุมพรอีกเลย
หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2541 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จมาประกอบพิธีเปิดโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ และทรงมีพระราชดำริให้แก้ไขปัญหาอุทกภัยให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นอีก เช่น การทำแก้มลิงหนองใหญ่เพื่อเก็บกักน้ำและเป็นแหล่งน้ำสำรองสำหรับการเกษตรของราษฎร การขุดคลองให้เชื่อมต่อกันเพื่อให้น้ำไหลลงทะเลให้เร็วขึ้น การติดตั้งประตูระบายน้ำ เป็นต้น
นอกจากนี้จังหวัดชุมพรยังได้ขยายผลโครงการโดยการนำแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เพื่อให้ราษฎรในจังหวัดชุมพรอยู่ดีมีสุขอีกด้วย
สถานที่ดูงานแห่งที่สองคือ ชุมพรคาบาน่า รีสอร์ต ตั้งอยู่ที่หาดทุ่งวัวแล่น อำเภอประทิว
ชุมพรคาบาน่า รีสอร์ต เปิดกิจการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 จนถึงปี พ.ศ. 2540 เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้มีหนี้สินมากมายจนคิดจะเลิกกิจการ
ในช่วงเวลานั้น คณะทำงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มาแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในจังหวัดชุมพรได้เข้ามาพักที่ชุมพรคาบาน่า รีสอร์ต ผู้บริหารของชุมพรคาบาน่า รีสอร์ตได้เห็นการทำงานของคณะทำงานเหล่านั้น จึงมีแนวคิดที่จะนำทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการบริหารจัดการรีสอร์ตเพื่อเป็นการพึ่งพาตนเอง และได้ดำเนินการตามทฤษฏีเศรษฐกิจพอเพียงตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน เช่น การปลูกพืชผัก ไม้ยืนต้น การทำปุ๋ยชีวภาพจากเศษอาหาร การผลิตสบู่เหลว ยาสระผม ผงซักฟอก น้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำยาเช็ดกระจก น้ำมันไบโอดีเซล และอื่น ๆ สำหรับใช้ในกิจการต่าง ๆ ของรีสอร์ต โดยให้พนักงานช่วยกันทำ ซึ่งสามารถลดต้นทุนลงได้มาก ทำให้รีสอร์ตสามารถดำเนินกิจการอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้
ชุมพรคาบาน่า รีสอร์ต ยังได้ฝึกฝนให้พนักงานเป็นวิทยากรในการเผยแพร่ความรู้ให้กับผู้สนใจที่เข้ามาศึกษาดูงานด้านเกษตรกรรมธรรมชาติ และการพึ่งพาตนเองอื่น ๆ อีกด้วย
จากการพึ่งตนเองจนประสบความสำเร็จของชุมพรคาบาน่า รีสอร์ต จึงเป็นแรงบันดาลใจให้พนักงานและคนในชุมชนใกล้เคียงนำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในครัวเรือนเพื่อเป็นการประหยัดรายจ่ายและสร้างรายได้ให้กับครอบครัวอีกด้วย
สถานที่สุดท้ายที่ไปศึกษาดูงานคือ เกาะพิทักษ์ ตั้งอยู่อ่าวท้องครก อำเภอหลังสวน อยู่ฝั่งทะเลอ่าวไทย ห่างจากฝั่งประมาณ 1 กิโลเมตร การเดินทางไปยังเกาะจะโดยสารเรือขนาดเล็ก บรรจุคนได้ประมาณ 10 คน
บนเกาะมีคนอาศัยอยู่ประมาณ 40 ครัวเรือน ผู้คนบนเกาะยังใช้ชีวิตแบบพอเพียง มีอาชีพประมง ทำสวน ขายของที่ระลึก ของฝากแก่นักท่องเที่ยว และทำบ้านพักโฮมสเตย์
ชาวบ้านได้ประดิษฐ์เครื่องมือสำหรับดักจับปู โดยใช้ใบไม้ที่หาได้บนเกาะพลางไว้ แล้วนำไปไว้ในทะเลเพื่อดักจับปู
ชุมชนได้จัดทำทางเดินรอบเกาะเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสบรรยากาศได้อย่างทั่วถึงและเรียนรู้วิถีของคนบนเกาะได้อย่างสะดวก
สวนผลไม้ส่วนใหญ่จะเป็นมะพร้าว แต่ก็มีการปลูกพืชสำหรับเป็นอาหารอื่น ๆ อีก เช่น มะม่วงหิมพานต์ มันสำปะหลัง สับปะรด เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีการปลูกพืชอื่น ๆ อีก เช่น โกงกาง ปอทะเล เป็นต้น
บ้านพักโฮมสเตย์ ที่ชาวบ้านสร้างไว้รับรองนักท่องเที่ยวผู้มาเยือน จะเป็นบ้านชั้นเดียวมีชานยื่นออกไปในทะเล มีไฟฟ้าและน้ำประปาที่ต่อมาจากบนฝั่งแผ่นดินใหญ่เข้ามาใช้บนเกาะ และนักท่องเที่ยวสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ เช่น ตกปลา ตกปลาหมึก พายเรือ ว่ายน้ำ เป็นต้น
และในช่วงกลางวันจะมีปรากฏการณ์ทะเลแหวกให้นักท่องเที่ยวได้เดินเล่น บางครั้งนักท่องเที่ยวสามารถเดินข้ามไปถึงฝั่งแผ่นดินใหญ่ได้
ชาวบ้านจะนำของที่ระลึก ของฝาก มาวางขายบริเวณที่พักของชาวบ้าน เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อได้ตลอดเวลา พร้อมกับชาวบ้านได้ทำงานประจำของตนเองด้วย เช่น ตากปลาหมึก ตากปลา บางบ้านติดป้ายไว้ว่าหากต้องการซื้อของแล้วคนขายไม่อยู่ให้เรียกได้ หรือให้ไปตามที่สะพานปลา
ในการไปศึกษาดูงานครั้งนี้ ผู้เขียนได้อะไรกลับมาหลายอย่าง เช่น ได้เห็นความร่วมมือ ร่วมใจ ร่วมแรงกาย ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ทำให้การขุดคลองหัววัง-พนังตักสำเร็จลงได้ด้วยระยะเวลาอันสั้น ได้เห็นการดำรงชีวิตอย่างพอเพียงและการน้อมนำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้จนประสบผลสำเร็จ ซึ่งสามารถนำมาเป็นแบบอย่างให้ปฏิบัติตาม ไม่ฟุ้งเฟื้อ ไม่ติดหรู ไม่ใช้ของฟุ่มเฟือย ไม่ติดความสะดวกสบายจนเกินไป ให้ใช้ชีวิตแบบสายกลาง มีความพอดีตามวิถีของตนเองก็สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ การไปท่องเที่ยวตามที่ต่าง ๆ การไปพักค้างแรมตามโฮมสเตย์ การซื้อของกิน ของใช้ ของฝากที่ชาวบ้านนำมาขาย ยังเป็นการสนับสนุนให้คนในชุมชนมีรายได้ สามารถพึ่งพาตนเองได้ เป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนอีกรูปแบบหนึ่ง และทำให้คนในชุมชนสามารถดำรงชีวิตอยู่ในชุมชนของตนเองได้โดยไม่ต้องออกไปหางานทำที่อื่นอีกด้วย