KM ที่ MK

ป่านนี้ไม่ทราบว่าเจ้าของ MK จะรู้กันหรือปล่าวว่าผลิตภัณฑ์ของท่านมักจะโดนพวกเราพาดพิงถึงเมื่อเวลาพูด ถึงเรื่องการจัดการความรู้หรือ KM เช่น KM ไม่รู้ว่าคืออะไร รู้จักแต่ MK หรือ KM ไม่อร่อย ที่ถ้าจะให้อร่อยต้อง MK ประมาณนี้
ตัวเองเข้าไปจับงาน KM ตั้งแต่สิงหาคม ปี 49 จับไปจับมาชักงง สับสน วุ่นวาย นับมือได้ก็เกือบ 4 ปีเต็ม ทั้งที่น่าจะช่ำชอง แต่ดูท่าจะชอกช้ำมากกว่า ตั้งใจว่าจะเลิก “เล่น” หันไปทำอย่างอื่นแทน
เนื่องจากเป็นคนขี้เกียจเรียนหนังสือ แต่ชอบอ่านหนังสือที่ไม่ใช่ตำราเรียน ดังนั้นหนึ่งวิชาอาจมีตำราที่อ่านเป็นหลักซักเล่มสองเล่ม ส่วนที่ไม่เป็นหลักคือหนังสือทุกเล่มที่อ่าน ดังนั้นหนังสือหนึ่งกองจึงตอบได้ทุกวิชา อยู่ที่จะหยิบเนื้อหาตรงไหน ของเล่มใดไปตอบตามหลักการของวิชานั้นๆ ส่วน “ตำรา” ตอนเรียนเรียกว่ายานอนหลับ เพราะอ่านเมื่อไรอาการง่วงเหงาหาวนอนจะมาทุกครั้ง
พอมาทำงานก็ขี้เกียจคิดงานที่ละเรื่องดังนั้นจึงคิดงานทีเดียวจะได้ตอบ ทั้งเรื่อง KPI KM QA IL (information literacy) RM (risk management) CRM ฯลฯเ พราะคิดมากจะปวดสมอง เพราะสมองมีน้อยต้องดูแลรักษาให้ดีๆ จะได้อยู่กับเรานานๆ จึงไม่ชอบทำงานเป็น “ต่อนๆ ” ชอบทำงานทีละ “ไหๆ” มากกว่า
KM น่ะทำอย่างกะพร่องกะแพร่ง แต่เวลาไป MK จะกระฉับกระเฉง เพราะนอกจากอาหารอร่อยแล้ว เรายังไป “เรียนรู้” โดยไม่ได้แลกเปลี่ยนกับเจ้าของสถานที่ เริ่มจาก….
ตั้งแต่เมื่ิอเข้าประตู ดูสิประตูใสแหนวไม่มีลายนิ้วมือให้เห็น อืมม.. ของเราก็เป็นแบบนี้ พนักงานก็จะมาต้อนรับด้วยท่าทีเต็มอกเต็มใจ …เก็บภาพไว้ว่าเขามีท่าทางการต้อนรับอย่างไร ทั้งภาษาพูดและภาษาท่าทาง
เวลาสั่งอาหารพนักงานก็จะมายกเมนูมาให้ เมนูนี้ท่าจะเปลี่ยนเป็ยรายการหนังสือใหม่ท่าจะดีนะ แล้วเขาก็จะกดจิ้กๆๆ ลงไปเก็บข้อมูลเราว่าเราสั่งอะไร ได้สารอาหารเท่าไร เอ… ถ้าเรามีข้อมูลว่าผู้ใช้แต่ละคนเราอ่านอะไร… ได้สารอาหารทางสมอง แล้วเอาไปผูกกับหนังสือที่มี ไปผูกกับรายวิชา ไปผูกการยืมหนังสือ ไปผูกกับงบประมาณ ก็น่าจะดีมั๊ง แต่ไม่รู้ทำไงนะ…ได้แต่คิดเพ้อเจ้อไป
บนโตีะมีแบบสอบถามให้ตอบ ใบกระจิ๋วเดียวเอง ของเราขาดเอ 4 ตั้ง 2 หน้า อืืมมม..ก็น่าคิดว่าเล็กๆ แบบนั้น แต่ก็น่าจะมีผลในการปรับเปลี่ยนการให้บริการตลอดเวลา จิ๊กมาหนึ่งใบ…เก็บไว้ เพื่ออนาคต
รอบๆ มีหลอดไฟฆ่าเชื้อโรคด้วยนะ แล้วถ้าจะไปใช้ที่ห้องสมุดล่ะ จะเลือกแบบไหนดี ยิ่งไช้หวัด 2009 ระบาดแบบนี้ก็น่าสนใจทีเดียว
ทีี่่รองแก้ว ที่รองจาน ก็มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ….ไม่เอาไม่ใช้ ขอใช้ทิชชูรองแทน เพราะลูกๆ ชอบเก็บมาอ่านที่บ้านแล้วบนโต๊ะอ่านในห้องสมุดล่ะ ที่ว่างยังมีไหมก็น่าจะวางๆ อะไรๆ สื่อสารกับผู้ใช้บ้างนะ…
ระหว่างรับประทาน ผู้จัดการก็เดินทางทักทายเซย์ Hi กับลูกค้า แล้วห้องสมุดเราล่ะ เคยเดินกันไหม หรือคิดว่าทำแบบนี้ไม่ใช่งาน หรืองานมีเยอะจนทำไม่ได้ หรือบอกว่าเป็นเรื่องไร้สาระ หรือ…อะไรก็ได้ ที่บอกว่าไม่ต้องทำ
โต๊ะข้างๆ อิ่มแล้ว พนักงานก็เข้ามาเก็บภาชนะ เช็ดโต๊ะ กวาดและถูพื้น แผล่บเดียวก็สะอาดเอี่ยม แล้วบนโต๊ะอ่านของเราล่ะ หลังจากที่ผู้ใช้ลุกขึ้นไป บางทีก็ยังเห็นผู้จัดการมาช่วยทำ หัวหน้าทั้งหลายลงไปช่วยลูกน้องไหม หรือหน้าที่ใครหน้าที่มัน งานฉันก็ยุ่งจะตายอยู่แล้ว
….ไม่เคยไปตอนเที่ยง น้องบางคนเล่าว่าเขามีการเต้นด้วย… เราคงไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้มั้ง..นะ จำนวนพนักงานกับการให้บริการเขาคิดสัดส่วนอย่างไรนะ… ของเราล่ะ เดี๋ยวต้องกลับไปหามาตรฐานอ่านสักหน่อย
มีหนังสือมากมายเขียนถึงการบริหารงานของที่นี่ และสามารถนำมาปรับใช้ได้โดยเฉพาะประเด็นของการพัฒนาบุคลากร เสียดายตอนนี้ี่จำชื่อเรื่องไม่ได้ซะแล้ว เขียนไปเขียนมาชักหิว…พบกันที่ KM เอ๊ย..ม่ายช่ายยยย MK
ส่วน KPI KM QA IL RM CRM … หมดยังหว่า… อีกไม่นานจะทำ SAR กันอีกแล้ว ก็นะทำกันไปนะคะ… เอาใจช่วยทู๊กคน
ปล.เรื่องนี้เขียนลงใน blog ของ librarian magazine แต่ที่นั่นถ้าจะเหงาๆสนิท เพราะไม่มีใครเขียนเลย จึงคิดว่าน่าจะเอามาลงไว้ที่นี่ด้วย อ้อ…พอเขียนเรื่องนี้ไป มีคนเมล์มาหาในทันใดว่า ช่างเขียนจริ๊งๆๆๆ

Leave a Reply

Tags

blog CONSAL KPI PULINET การจัดการความรู้ การดูแลสุขภาพ การทำงาน การท่องเที่ยว การบริการ การปฏิบัติงานล่วงเวลา การประชาสัมพันธ์ การพัฒนาตนเอง การพัฒนาบุคลากร การลงรายการ การศึกษาดูงาน การอ่าน การเรียนออนไลน์ กิจกรรมสำหรับเด็ก กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน กิจกรรมห้องสมุด ความสุข ค่ายห้องสมุด งานบริการ ธรรมะ นวนิยาย นักเขียน บรรณารักษ์ บริการชุมชน ประกันคุณภาพ ภาพถ่าย ภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยศิลปากร ระบบห้องสมุดอัตโนมัติ วัด วันสำคัญ วารสาร สัมมนา สุขภาพ หนังสือ หนังสือบริจาค หนังสือและการอ่าน หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ ห้องสมุด ห้องสมุด 24 ชั่วโมง อาหาร