Twitter and Facebook
ใครที่ได้อ่านจดหมายข่าวศิลปากร ฉบับวันที่ 9 ธันวาคม 2552 จะพบว่าได้มีการประชาสัมพันธ์เรื่องช่องทางการสื่อสารของหอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ ว่ากันง่ายๆ คือเปิดตัวเครื่องมือสื่อสารอย่างเป็นทางการ หลังจากที่ืำไว้เงียบๆ แบบชิมตลาดมาเกือบหนึ่งปีเต็ม
หนึ่งปีที่ต้องทำงาน และเรียนรู้กับเสียงหลายๆ แบบ ทั้งในและนอกห้องสมุด มหาวิทยาลัย รวมถึงต่างประเทศ เพื่อหยั่งเสียงว่ารูปแบบไหนจึงจะถูกจริตของผู้ใช้บริการ ซึ่งสรุึปแบบแคร่วๆ ว่าไม่มีรูปแบบไหนที่สมบูรณ์แบบไปทั้งหมด เพราะโลกประกอบด้วยอนุภาคมากมาย
ดังนั้นหน้าที่ของเราคือต้องทำทุกอย่างที่เห็นว่าเป็นช่องทางที่จะเข้าถึงตัวผู้ใช้บริการได้ และคำว่าผู้ใช้บริการก็ไม่ได้ตีวงว่าคือประชาคมที่ยังอยู่ในศิลปากรเท่านั้น หากยังนับเนื่องไปถึงศิษย์เก่าที่ยังอยากฟังเรื่องราวของถิ่นที่เคยพำนัก ผู้ปกครองที่อยากรู้ว่าในมหาวิทยาลัยมีอะไร รวมไปถึงประชาชนที่ใครหลายคนบอกว่าอยากจะสร้างให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ เป็นสังคมแห่งการอ่าน การอ่านเป็นพื้นฐาน……
เพียงแค่พวกเขาไม่ใช่คนที่สวมหมวกของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง พวกเขาก็จะสูญเสียโอกาสไปจึงเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยกำลังภายใน โชคดีที่เกิดมาทำงานกับผู้บริหารที่เปิดใจรับตรงนี้ ทำให้หลายๆ เรื่องราว ที่คิดและฝันให้เป็นจริงได้
ในทวิตเตอร์และเฟซบุ๊คส์ของหอสมุดฯ ได้สื่อสารเรื่องราวของปัจจุบัน อดีต และอนาคต รวมถึงเรื่องราวที่เป็นหน้าที่ของห้องสมุดโดยตรงคือ การสร้างให้เกิด Information Literacy ในศิลปากร ซึ่งโครงการของทุกฝ่าย/งานล้วนแล้วแต่สนับสนุนเรื่องนี้ทั้งสิ้น แต่เป็นคนละเหลี่ยม คนละมุม
เช้านี้น้องอ้อหยิบหนังสือพิมพ์มติชน หน้าข่าวต่างประเทศมาให้อ่าน บอกว่า รัฐบาลไทยกระตุ้นให้ข้าราชการเขียนบล๊อก ทวิต และอัพเดตเฟซบุ๊คส์ โดยบอกว่าเป็นเครื่องมือสื่อารและรับฟังความเห้นประชาชน ชี้สื่อใหม่ทำให้งานมีประสิทธิภาพ พัฒนาตคนเอง แต่วัฒนธรรมองค์กรของรัฐรวมทั้งกฏหมายลิขสิทธิืยังเป็นอุปสรรค …..หน่วยงานของภาครัฐควรจะใช้งานแอพพลิเคชั่น เว็บ 2.0 อย่างเช่น เฟสบุ๊คส์ สารานุกรมออนไลน์ วิกิพีเดีย ยูทิวบ์ อย่างขะมักขะเม้นมากกว่านี้ และไม่อยากให้มองว่าเว็บไซตืเครือข่ายสังคมเป็นสิ่งที่เยี่บงเบนความสนใจและทำให้เสียเวลาทำงานโดยเปล่าประโยชน์…… จาก “ออสซี่ทำเก๋ปลุก ขรก. เล่นเฟสบุ๊คส์” มติชน (9 ธันวาคม 2552, หน้า 32.
เมื่อไม่นานน้องอ้อคนเดิมเคยทวิตมาว่ารัฐบาลไทยก็มีนโยบายแบบนี้เช่นกัน ซึ่งก็ได้กลับไปตามแหล่งอ้่งอิงคือที่ http://www.suanboard.net/view.php?p=view&kid=59284 และสังคมในทวิตเตอร์บอกว่ารออ่านคำสั่งที่ให้ทุกหน่วยงานดำเนินการต่อไป
ส่วนตัวเองแล้วมองเรื่องพวกนี้เท่ากับโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง หรือนิตยสารเล่มโปรด หรือหนังสือนิยายที่อยากอ่านใจแทบขาดบนโต๊ะ หรือเว็บไซต์ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ หรือกีฬา ที่หลายๆ แห่งอาจจะผจญกับการปนเประหว่างเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงาน ที่ไม่สามารถแบ่งแยกหรือจัดการได้ว่าสิ่งที่ควรกระทำ ณ เวลาหนึ่งเวลาใด ควรเป็นอะไร แค่ไหนและอย่างไร การจัดการกับคนเป็นเรื่องยากกว่าเทคโนโลยี ดังนั้นอย่าไปโทษเทคโนโลยี
ในเฟสบุ๊คส์ของห้องสมุดมีเรื่องราวน่าัรักหลายเรื่อง มีการพูดคุยกันระหว่างทั้งอาจารย์ ศิษย์ปัจจุบันรวมถึงศิษย์เก่า ที่ต่อไปคือสายใยผูกพันประหนึ่งเพื่อนพ้องน้องพี่ แบบที่เราไม่เคยเห็นตัวกัน
สายสัมพันธ์มีความจำเป็นต่อชีวิตไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ลองแบ่งเวลาจากการดูเว็บไซต์สุดโปรดให้กับเรื่องราวของห้องสมุดสักวันละสิบนาที ว่าทั้งสองแห่งมีอะไรบ้างก็น่าจะดีนะ สำหรับพวกเราไหนๆ ก็ ทำงานอยู่ในนี้แล้ว
หรือใครมีข่าวก็บอกมา จะได้ช่วยกันคนละไม้คนละมือ เพราะไม่มีใครรู้หมดทุกเรื่อง….
ส่วน blog ให้จินตนาการว่า หากทุกคนสมัครเป็นผู้อ่าน โลกแบบที่หาอะไรก็เจอหมดในกูเกิ้ลคงไม่เกิดขึ้น ทุกเรื่องราวมีคุณประโยชน์ทั้งนั้น อย่าด่วนตัดสินใจว่าทำไม่ได้ ทำไม่ดี โดยไม่ยังเริ่ม…. วันละบรรทัด วันละประโยค
ลืมบอก ณ บัดเดี๋ยวนี้ มีเฟซบุคส์และทวิตเตอร์ของหลายๆ หน่วยงานเกิดขึ้นในศิลปากรแล้ว หากใคร่รู้ว่าเป็นที่ใดต้องเข้าไปที่ของหอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ก่อนนะคะ
2 thoughts on “Twitter and Facebook”
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.
พี่แมว ไฟเขียวให้น้องทุกคนดำเินินการ ดำเนินงานได้ตามที่ประสงค์ เมื่อน้องเก่ง ดี หอสมุดก็ต่้้อง เก่ง ดี เป็นที่ชื่นชมของทุกคนที่ประสบ และสัมผัส เพียงแต่ไผผู้ใดจะรวดเร็วไขว่คว้าไว้ได้มากน้อย ขึ้นอยู่กับตนเองแล้ว พ่แมวสนับสนุน ตัวน้องๆๆๆ เก่งกันอยู่แล้ว พี่แมวในฐานะหัวหน้า ที่ต้องการให้องค์กรก้าวหน้าก็ต้องไฟเขียวตลอด แทบจะไม่มีไฟแดงเลย สามารถดำเนินการได้ 99 % บางครั้งคาดว่า อาจจะโดนแดงในขั้นสูงต่อไป แต่เมื่ออธิบายความ ก็ไฟเขียวตลอดเช่นกัน
ขอบอกให้ทุกคนพยายามหาเวลา เขียน blog เข้าไป ทวิต หรือ เฟซบุ๊ค สำหรับพี่แมว แค่จะพิมพ์ก็ใช้เวลามากๆ เขียนเร็วกว่า จึงไม่พยายามเขียน จะใช้อ่านและเม้นท์แทน ไม่ว่ากันนะ
ไฟแดงไม่มีก็ได้ค่ะ…แต่อยากให้มีไฟเหลืองแบบกระพริบปิ๊บๆๆๆๆๆ และวรรคสุดท้าย อยากให้พี่แมวมาร่วมด้วยช่วยกัน อันนี้พูดจากใจจริง เอาที่จดๆไว้ทุกวันพฤหัสบดีน่ะจะได้ไม่ลืมเพราะแถวนี้คนขี้ลืมเยอะ