ความลับของที่ทำงาน

t001ชื่อเรื่อง เป็นชื่อหนังสือที่เขียนโดย เอกศักดิ์ ขาวสะอาด มีข้อความอยู่ที่พับในของหน้าปกหน้าว่า “ความขยัน อดทน ซื่อสัตย์ มีวินัย เชื่อฟังคำสั่งเจ้านาย เคารพกฏเกณฑ์  คำแนะนำเหล่านี้ยังคงมีอยู่เสมอในโลกใบนี้ และมันก็อาจจะถูกถ่ายทอดให้เหล่านักรบเงินเดือนเลือดใหม่ที่กำลังกระหายใคร่รู้หนทางอยู่รอด แล้วมันจะใข้ได้ผลจริงหรือ?”
หยิบอ่านด้วยความรู้สึกแรกที่ชื่อเรื่องที่น่าสนใจ เปิดอ่านหน้าปกพบข้อความดังกล่าว จึงทำให้คิดไปว่า “น่านน่ะซิ จะได้ผลรื้อ…” ดังนั้น ‘ความลับ’  ที่ว่าอาจเป็นหนทางรอดก็ได้  เลยอ่านเผื่อเพื่อน ๆ  ใครจะลองทำดูก็ได้น๊า..
หนังสือแบ่งปัจจัยที่จะทำให้ประสบความสำเร็จในการทำงาน แบ่งเป็น 5 ปัจจัย คือ ความสัมพันธ์, หัวหน้า, องค์กร, อย่า และ ตัวเอง (ในส่วนของปัจจัย ตัวเอง นี้มีประเด็นย่อย ๆ ให้คิดถึง 27 ประเด็น ทำให้คิดไปก่อนได้ว่า ตัวเอง เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด) จะขอยกตัวอย่าง ‘ความลับ’ บางเรื่องมาให้อ่านกัน
1. ความสัมพันธ์  การทำงานในองค์กรใหญ่นั้น ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการทำงานร่วมกับผู้อืนได้ สิ่งแรกที่เราต้องเรียนรู้คือ วัฒนธรรมองค์กร ซึ่งหมายความถึง วัฒนธรรมที่สร้างมาจากผู้คนส่วนใหญ่ และใช้เวลาสร้างยาวนาน เพราะฉะนั้นถ้าคุณรู้และเห็นวิธีการเอาตัวรอดที่พี่ ๆ แนะนำมา ซึ่งมันเป็นวิธีที่ไม่ผิดกฏของบริษัท จำมันไว้ให้ดี นั่นล่ะ วัฒนธรรมองค์กรที่แท้จริง, แบ่งระดับความสัมพันธ์ให้เหมาะสม เชิงลึกกับคนที่เหมาะสม ผู้เขียนบอกว่าคุณควรจะสนิทกับคนที่มีผลประโยชน์ต่อคุณเท่านั้น (ผลประโยชน์ของผู้เขียน หมายความถึง ความสบายใจ การพึ่งพาได้ รวมถึงคำแนะนำและคำสั่งสอน) , ช่วยเหลืองานที่ไม่หนักหนาเพื่อรักษาความสัมพันธ์ ซึ่งมันจะสร้างความรู้สึกดี ๆ กับเพื่อนร่วมงานได้
2.หัวหน้า  การรู้จักขอบเขต การสร้างความสัมพันธ์กับหัวหน้า ก็เป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้ทำงานก้าวหน้า เช่น ฉลาดให้เพียงพอแต่ยังคงไม่มากไปกว่าหัวหน้าเสมอ แม้ว่าคุณจะมีความคิดดี ๆ ก็ให้ลองเสนอความคิดนั้นกับหัวหน้ากันเพียง 2 คนก่อน ในที่ประชุมหัวหน้าอาจเป็นคนเสนอ หรืออนุญาตให้คุณเสนอก็ได้, เปลี่ยนหัวหน้าใหม่ต้องทำอย่างไร? , อย่าเชื่อประตูที่เปิดอยู่ของหัวหน้า   หลักการชองการบริหารคนที่ดีนั้น กล่าวว่า อย่าปิดประตูห้องทำงาน เพราะลูกน้องจะได้รู้สึกว่าเราเป็นกันเอง และเข้าถึงได้ แต่ในฐานะลูกน้อง ขอเตือนว่า คุณอย่าเชื่อประตูที่เปิดอยู่มากนัก, หัวหน้ามักเอ็นดูลูกน้องที่ไม่ประสีประสา  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกอย่างต้องการความพอดี
3. องค์กร ปัจจัยนี้น่าสนใจตรงปัจจัยเกี่ยวกับการนำตัวเองไปสู่ความสำเร็จ โดยการ รู้จักตนเอง รู้จักผู้อื่น เปรียบเสมือนเราเป็นไทเกอร์ วู๊ด  หนทางไปสู่ความสำเร็จคือการลงแข่งในสนามกอล์ฟ ไม่ใช่ไปท้าแข่งฟุตบอลกับลิโอเนล เมลซี,  ต้องเสริมสร้างสมดุลให้ชีวิตทำงานและชีวิตรอบครัว (Work life balance) ประเด็นนี้ เห็นในหนังสือของปรมาจารย์ทางการเป็นผู้นำท่านหนึ่งคือ  Warren Bennis เขียนไว้ใน Why leaders can’t lead  (ดิฉันได้พยายามอ่าน แต่พบว่ายากจริง ๆ ทั้งคำศัพท์ และการหาคำบรรยายให้เหมาะสม จึงอ่านไม่สำเร็จ จำได้บางข้อความเท่านั้น) ว่า ผู้นำที่ประสบความสำเร็จจะต้องสามารถสร้างสมดุลในชีวิตการงานและส่วนตัวได้
4. อย่า ประเด็นเรื่อง ‘อย่า’ นี้มีน่าสนใจหลายข้อ เช่น อย่าทำแต่สิ่งที่หัวหน้าสั่ง ทำสิ่งที่ควรทำ, อ ย่าอ้างว่าไม่มีทักษะ หน้าที่ของเราคือต้องรู้ว่าทักษะไหนที่จำเป็นในการทำงานแล้วเรายังไม่มี ต้องขวนขวายหาวิธีที่จะเรียนรู้มัน, อย่าอ่อนไหวจนเกินเหตุ เพราะในองค์กร คุณอาจต้องเจอกับผู้คนที่ทำงานโดยใช้ข้อมูล ใช้เหตุผล ไม่ได้ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ และบางครั้งเลยไปถึงการไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่น ถ้าคุณอ่อนไหวเกินไปจะเกิดอะไรขึ้น, สุดท้ายคืออย่าทะนงตนมากจนเกินไป
5. ตัวเอง เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการทำงาน  เราควรต้องพิจารณาปรับปรุงตนเอง  เช่น เก็บเกี่ยวช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ , แยกให้ออกระหว่างคำแนะนำที่ใช้ประโยชน์กับการคุยโอ้อวด  คุณควรจดคำแนะนำจากรุ่นพี่ไว้  แม้ว่ายังจะแยกไม่ออกว่าอันไหนสามารถหยิบมาใช้ด้ และอันไหนควรทิ้งไป รอเวลาที่คุณเติบโตขึ้น แล้วจึงพิจารณาหยิบไปใช้, ขอรับผิดชอบ ถ้าคิดว่าทำได้ บางครั้งถึงแม้ว่าเราจะเป็นแค่ลูกน้อง แต่การรอคำสั่งอย่างเดียวก็ไม่ใช่วิธีการทำงานที่ดีสักเท่าไร ถ้าเป็นงานที่คุณรู้ตัวว่า คุณทำได้ ก็ควรเอ่ยปากขอรับผิดชอบ เพื่อแสดงความมั่นใจออกไป, การปฎิเสธเป็นเรื่องธรรมชาติ คนที่ไม่สามารถยอมรับกับการถูกปฎิเสธได้ นั่นคือคนที่ไม่พร้อมที่จะประสบความสำเร็จ, เปลี่ยนความอิจฉา เป็นความชื่นชม เพราะความชื่นชมจะทำให้คุณพยายามมองหาข้อดีของเขา ซึ่งนั่นจะเป็นประโยชน์ต่อคุณมากมายมหาศาล คุณสามารถเอาข้อดีเหล่านั้นมาปรับเปลี่ยนใช้เป็นทักษะของคุณได้ แล้วคุณจะรู้ว่า การชื่นชมนั้นมีคุณค่ากว่าความอิจฉามากมายนัก, การให้อภัยเป็นผลดีต่อเราล้วน ๆ เมื่อการทำงานเริ่มมีข้อขัดแย้งระหว่างคนหรือกลุ่มคน อารมณ์จะเริ่มเข้ามามีบทบาทเคียงข้างกับข้อเท็จจริง ซึ่งไม่เป็นผลดีกับใครเลย เพียงแต่คุณให้อภัยคุณจะรู้สึกผ่อนคลาย มีความมุ่งมั่นทีจะทำงานได้มากขึ้น
อ่านไป อ่านไปแล้วพบว่า ‘ความลับ’ บางเรื่อง  เป็นเหตุการณ์ทีเกิดขึ้นในที่ทำงานของใคร ๆ ก็ได้  ถ้าเราได้อ่านหนังสือ หรือได้เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ ซึ่งเป็นทฤษฏีพฤติกรรมองค์กร แล้ว เราคงเข้าใจวิธีการปฎิบัติตัวและปรับตัวทั้งในฐาะหัวหน้า และลูกน้อง และในบางกรณีจะได้ เตรียมใจ และตั้งรับได้บ้าง จะได้ไม่เป็นทุกข์มากนัก ดังนั้น สรุปให้อ่าน ไม่เท่าอ่านเองดอก บางข้อ  หลายข้อ หลายคน ก็คงทำกันไม่ได้ ความรู้สึกของตนเอง อ่านจบแล้ว คิดว่า คุณสมบัติหรือความลับที่หนังสือเล่มนี้เปิดเผยนั้นไม่ใช่ความลับอะไรเลย แท้ที่จริงมันเป็นสัญชาตญาณ (Instinct) ประจำตนของคนแต่ละคนมากกว่า บางคนอาจทำสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้โดยเป็นธรรมชาติ  บางคนอาจต้องใช้ความพยายามมากมาย หรือบางคนอาจทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ และคนประเภทหลังนี้มักต้องหยุดมอง และยอมรับในสิ่งที่ตนเองเป็นด้วยความสงบ

One thought on “ความลับของที่ทำงาน

  • ประเด็น หัวข้อที่ผู้เขียน บอก ดูดีไปหมด ป้าแมวบอกด้วยวาจา ดูร้ายไปหมด กรุณาคัดกรองออกมาประเด็นใดตรงกับที่ป้าแมวพร่ำบอกบ้าง ฮื้อ ๆๆๆๆ ลูกน้องที่ไม่ประสีประสา ป้าแมวว่าในหอสมุดของเราไม่มี ที่มีกำลังแสดงละครมั้ง

Leave a Reply

Tags

blog CONSAL KPI PULINET การจัดการความรู้ การดูแลสุขภาพ การทำงาน การท่องเที่ยว การบริการ การปฏิบัติงานล่วงเวลา การประชาสัมพันธ์ การพัฒนาตนเอง การพัฒนาบุคลากร การลงรายการ การศึกษาดูงาน การอ่าน การเรียนออนไลน์ กิจกรรมสำหรับเด็ก กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน กิจกรรมห้องสมุด ความสุข ค่ายห้องสมุด งานบริการ ธรรมะ นวนิยาย นักเขียน บรรณารักษ์ บริการชุมชน ประกันคุณภาพ ภาพถ่าย ภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยศิลปากร ระบบห้องสมุดอัตโนมัติ วัด วันสำคัญ วารสาร สัมมนา สุขภาพ หนังสือ หนังสือบริจาค หนังสือและการอ่าน หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ ห้องสมุด ห้องสมุด 24 ชั่วโมง อาหาร