เพราะเป็นวัยรุ่น …

Scan0008
หนังสือ “เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด”   เป็นการถ่ายทอดมุมมองและประสบการณ์ในการใช้ชีวิตช่วงวัยรุ่น ทั้งเรื่องการสอบเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย ไปจนถึงมุมมองในการดำเนินชีวิตและการค้นหาตัวเอง ผู้แต่งได้สะท้อนชีวิตและปัญหาที่คล้ายกันของคนในปัจจุบันที่อาจจะกำลังหลงไปกับกระแสสังคม หรือกำลังเหน็ดเหนื่อยและสับสนกับชีวิต  ที่อยากแนะนำให้วัยรุ่นอ่านหนังสือเล่มนี้ก็เพราะวัยรุ่นเป็นวัยที่กำลังค้นหาตัวตน ว่าจะเลือกเดินไปทางไหนดี หนังสือเล่มนี้ไม่ได้บอกคำตอบว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุด หากแต่ให้มุมมองและแง่คิดให้เรานึกย้อนกลับมาทบทวนตัวเอง ทบทวน…ไม่ใช่เพื่อไม่ให้ต้องเจ็บปวดอะไรอีกเลยในชีวิต  แต่เพื่อให้เจ็บปวดกับสิ่งที่ควรค่าแก่การเจ็บปวดเท่านั้น  ไม่เพียงแต่วัยรุ่นที่สมควรอ่านหนังสือเล่มนี้  แต่เชื่อว่าหากผู้ใหญ่หลายคนได้อ่านคงจะรู้สึกว่าเราผ่านวัยเหล่านี้มาได้อย่างไรกันทำไมไม่มีใครบอกเราแบบนี้บ้าง
หนังสือเล่มนี้มีคำอุทิศด้านในจากผู้เขียนว่า “แด่จุน ลูกชายที่รักของพ่อซึ่งอายุกำลังจะครบยี่สิบ”
ผู้เขียน (คิม รันโด) เรียนจบด้านกฎหมายในระดับปริญญาตรี  ด้านบริหารธุรกิจในระดับปริญญาโท  และจบปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เริ่มทำงานเป็นอาจารย์ประจำที่ภาควิชาการบริโภค คณะเคหศาสตร์ มหาวิทยาลัยโซล ได้รับการยกย่องว่าเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาที่ดี ได้รับรางวัลมากมาย เช่น  “รางวัลการศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยโซล”  “รางวัลวิชาเรียนดีเด่นแห่งมหาวิทยาลัยโซล” “รางวัลที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกดีเด่น” ฯลฯ
คิม รันโด เปรียบชีวิตวัยรุ่นว่า หากเป็นจิ๊กซอว์คงต่อยากที่สุดเพราะเป็นช่วง ที่ค้นหาตนเอง  ไม่แน่ใจว่าจะเลือกเดินทางใด หลายคนเผลอใช้ชีวิตไปโดยไม่เข้าใจว่าตัวเองต้องการอะไร
หนังสือเล่มนี้แบ่งเป็น 4 PART
PART 1   คำตอบนั้นไม่อาจหาได้จากที่ไหนนอกจากนัยน์ตาของคุณ
ชีวิตนักศึกษาช่างผ่านไปรวดเร็ว ทุกคนต้องคำนวณหน่วยกิต วิชาเอก วิชาโท เพื่อจะได้จบใน 4 ปี ความรู้ในมหาวิทยาลัยอาจไม่เพียงพอต่อการหางานทำ บางคนจึงต้องพยายามเพิ่มความสามารถพิเศษและหาประสบการณ์เสริมเข้าไป  บัณฑิตจบใหม่ที่ยังว่างงานอยู่วันของพวกเขาจะผ่านไปอย่างร้อนใจและท้อแท้  ผู้เขียนให้แง่คิดว่าชีวิตจริงเปรียบกับนาฬิกา การเริ่มต้นไม่มีอะไรสายเกินไป โดยเปรียบเทียบอายุด้วยการคำนวณนาฬิกาชีวิตว่า  (น.5)  ถ้าเวลา 24 ชั่วโมงมีค่าเท่ากับ 1,440 นาที ชีวิตที่มีอายุขัย 80 ปี จะมีค่าเท่ากับปีละ 18 นาที  ใช้สูตรนี้คำนวณเวลาได้ทุกช่วงชีวิต
อายุ 10 ปี จึงเท่ากับ 3 ชั่วโมง   อายุ 20 ปี จะตรงกับเวลา 6 โมงเช้า  อายุ 24 ปี จะตรงกับเวลา 7.12 น.   เป็นเวลาซึ่งมนุษย์ข้ามผ่านวัยเยาว์และความคึกคะนองมาเกือบหมดแล้วและต้องเตรียมพร้อมสู่การเป็นส่วนหนึ่งของสังคมอย่างจริงจัง
คนอายุ 48 ปี จะตรงกับ 14.24 น.  ยังมีเวลาเหลือให้ทำงานอีกเยอะเพราะยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน   คนอายุ 60 ปีในวัยเกษียณจะตรงกับเวลา 6 โมงเย็น เป็นเวลาที่คนส่วนใหญ่เลิกงานและกำลังกลับบ้าน หรือไม่ก็กำลังรับประทานอาหารกับครอบครัวอย่างมีความสุข
ผู้เขียนเปรียบเทียบความสำเร็จในชีวิตว่าคนเราแต่ละคนอาจประสบความสำเร็จในชีวิตไม่เหมือนกัน บางคนประสบความสำเร็จเร็วบางคนประสบความสำเร็จช้า  เปรียบเสมือนดอกไม้แต่ละชนิดผลิบานในฤดูกาลของมันเอง  ตอนนี้อาจยังไม่ถึงช่วงเวลาของคุณ อาจสายไปหน่อยเมื่อเทียบกับคนอื่นแต่ถ้าฤดูนั้นมาถึงคุณจะงดงามไม่แพ้ดอกไม้ชนิดอื่น ในช่วงเวลาที่ต้องรอคอยจงเตรียมตัวให้พร้อม (น.23)
ให้ทบทวนกับตัวเองว่า ฉันต้องการอะไร ฉันทำอะไรแล้วมีความสุข ฉันทำอะไรได้ดีที่สุด ฉันเป็นใคร  อย่าเลือกงานเพราะความมั่นคงหรือเงินเดือนสูง การเข้าทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ชื่อดังไม่ใช่เครื่องยืนยันความสำเร็จที่แท้จริงต้องพิจารณาความสนุกของตัวเองในการทำงานด้วย  การทำงานที่สนุกและเหมาะกับความสามารถเป็นหลักประกันความมั่นคงและรายได้ที่แท้จริง
การออมเงินต้องมีความพร้อมระดับหนึ่งคนที่งานและรายได้ยังไม่แน่นอนไม่ควรฝากเงินประจำทุกเดือนเท่าๆ กัน ตัวอย่างนักแสดงตลกมัวแต่หมกมุ่นหาเงินด้วยการทำงานพิเศษมากจนลืมหาเวลาว่างคิดมุขตลกเพื่อแสดงเท่ากับว่าไม่ได้แจ้งเกิด  การบริหารจัดการที่ดีที่สุด คือการลงทุนในความสามารถของตัวเราเองแม้งานที่ทำอาจไม่ได้เงินแต่เมื่อใดที่เราประสบความสำเร็จตรงนี้เงินทองชื่อเสียงจะหลั่งไหลมาเองเท่ากับได้สิ่งตอบแทนทบต้นที่หายไป
ก่อนที่เราจะเริ่มทำงานใดๆ ไม่ใช่เอาแต่ “ขยันทำงานนั้นโดยไม่สนใจสิ่งใด” แต่ต้องมีเป้าหมายที่แน่ชัดว่า “จะทำงานนี้ไปทำไม” สิ่งที่สำคัญคือประสบการณ์  ต้องลงมือทำจริง  ต้องอ่านหนังสือ  พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ต้องออกไปเที่ยวเพื่อค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตนเอง (น. 55-56)
โลกนี้เต็มไปด้วยการแข่งขันที่ดุเดือดหากแพ้แล้วไม่รู้จักยอมรับชัยชนะของผู้อื่นเอาแต่ริษยาการแข่งขันครั้งหน้าก็คงออกมาเหมือนเดิม จงอิจฉาแทนริษยายอมรับความสำเร็จของผู้อื่น  ค่อยๆเรียนรู้และเอาชนะอุปสรรค  วันนี้คือเวลาที่มีค่ามากอย่าเลื่อนสิ่งที่ต้องทำในวันนี้  ไปทำพรุ่งนี้   ไม่ควรขี้เกียจจนติดเป็นนิสัยเพราะจะทำให้ตัวเองถดถอย  วิธีแก้ไข 1) อย่าลุ่มหลงไปกับความขี้เกียจ   2) จงเคลื่อนไหวร่างกาย ออกกำลังกาย พบผู้คน ทำงานที่อยากทำ อย่าดื่มเหล้า เข้านอนเร็วๆ   3) อย่าจมอยู่กับความหดหู่ (ความขี้เกียจ) และความเศร้า
Part 2 พื้นไม่ลึกเท่าที่คิด
เมื่อรู้สึกทุกข์ จะต้องตระหนักให้ได้ว่าเดี๋ยวเราก็ข้ามผ่านมันไปเองและมันคือพลังยิ่งใหญ่ที่จะช่วยผลักดันเรา  บางครั้งคนเราไม่กล้าที่จะโดดลงมาพื้นเบื้องล่างไม่ยอมรับความจริงว่าเราไม่เหมาะกับด้านนี้เลยแต่ก็ยังทนที่จะทำหรือสอบให้ได้เหมือนคนอื่นเขาโดยไม่ดูว่าความเป็นตัวตนของเรานั้นเป็นอย่างไร  เปรียบเหมือนเรากำลังดึงเชือกอยู่ยอมให้เชือกบาดมือเพราะไม่แน่ใจว่าหากเราปล่อยมือจากที่ตรงนี้แล้วเราจะได้งานที่ดีกว่าหรือไม่จึงต้องยอมทนไป  สังคมสมัยใหม่เต็มไปด้วยการแข่งขันเต็มรูปแบบ ถ้าไม่พยายามอย่างต่อเนื่องความสามารถที่เรามีอาจล้าหลังได้ทุกเมื่อ   แง่คิดคือหากเรากำลังลำบากให้มองคนที่ลำบากกว่า แต่เมื่ออยากได้ดีให้เงยหน้ามองคนที่อยู่สูงกว่า
PART 3   ปาฏิหาริย์คือสิ่งที่สำเร็จได้ทีละเล็กทีละน้อย
การฝึกปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอซ้ำๆ เริ่มต้นจาก “วันนี้” ไม่มีคำว่าพรุ่งนี้เพื่อทำให้เป้าหมายที่ไม่คาดคิดว่าจะเป็นจริงสำเร็จได้จริง  ให้งดงานอดิเรกที่ไม่มีประโยชน์ต่อชีวิต (น. 159) โดยแนะนำว่าถ้าลงทุนเรื่องใดก็ตามวันละ 1 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 1 ปี จะต้องเกิดอะไรดีๆ ขึ้นในชีวิต  เช่น จำคำศัพท์และอ่านนิตยสารภาษาอังกฤษรายสัปดาห์ทุกวัน วันละ 1 ชั่วโมง (น.171) ผู้เขียนพบว่าภาษาอังกฤษดีขึ้นและช่วยชีวิตเขาไว้มากมาย  เช่น ให้อ่านหนังสือพิมพ์ทุกวันเพราะมีข้อมูลครบถ้วน
สิ่งที่ยากลำบากของคนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัย คือ ความคาดหวังของคนรอบข้าง  การจัดการตนเอง และความอดทน  หากสอบไม่ได้พ่อแม่และตัวเองจะผิดหวังมาก  การสอบเข้ามหาวิทยาลัยตามความคาดหวังของพ่อแม่ คือปราการด่านแรกที่วัยรุ่นจะรู้สึกทรมานใจในฐานะลูก เพราะต่อไปเขาจะถูกคาดหวังมากขึ้นและมากขึ้นอีก  ถ้าวันนี้ไม่รู้จักข่มใจพรุ่งนี้ก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จได้   ถามตัวเองให้กระจ่างก่อนว่าในอนาคตฉันอยากเป็นคนแบบไหน ปัจจุบันนี้ฉันกำลังทำอะไรอยู่   คนที่จะอยู่รอดได้ต้องสามารถนำความรู้จากวิชาเอกของตัวเองไปปรับใช้กับความต้องการของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป  หมั่นแสวงหาความรู้หลากหลายที่อยู่รอบกาย  ความสำเร็จของชีวิตไม่ใช่ความสำเร็จยิ่งใหญ่เพียงครั้งเดียวแต่เป็นการถักทอชัยชนะขึ้นทุกวัน
ความสัมพันธ์ที่ดีจะต้องปรับเปลี่ยนตัวเองก่อน  ความสัมพันธ์กับผู้อื่นเป็นเรื่องยากที่จะสนิทกันอย่างจริงจัง  ดังนั้นจึงมักได้ยินคำพูดว่าเพื่อนสมัยประถม มัธยมนั้นตัดกันไม่ขาด  พอเป็นนักศึกษาเป็นผู้ใหญ่จริงๆ เลยไม่รู้จะวางตัวอย่างไรให้เหมาะสม  ความสัมพันธ์จึงเปราะบางกว่าอดีตเพราะคนสมัยนี้มีความเป็นปัจเจกชนสูง เราอาจได้ยินผู้ใหญ่พูดว่า  “ตอนอายุเท่าเธอ ฉันทำนั่นทำนี่” ซึ่งคนแต่ละยุคสมัยเติบโตขึ้นมาในแบบแผนที่ตนเองรับรู้และเข้าใจ  ดังนั้นการบังคับคนรุ่นอื่นจากประสบการณ์ของตัวเองจึงไม่ใช่สิ่งสมควรนัก
PART 4   “พรุ่งนี้” นำทางชีวิต “งานของฉัน” นำทางชีวิต
จงพาชีวิตไปตามการตัดสินใจ  ลูกส่วนมากมักคิดว่าต้องทำตามที่แม่บอกเพราะแม่คือผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดู  ความเสียสละของแม่มากเกินจะพรรณนาดูแลรักเรามากที่สุด ท่านจะคอยอยู่เคียงข้างและค้ำจุนเป็นกำลังใจให้เราเสมอ  ทำตัวเป็นผู้จัดการส่วนตัวประมาณว่าลูกเรียนอย่างเดียวก็พอที่เหลือแม่จัดการเอง แม้ลูกจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยและเรียนจบทำงาน แต่งงานแล้วหน้าที่แม่ก็ยังไม่จบสิ้นยิ่งพ่อแม่มีการศึกษาสูงประสบความสำเร็จทางสังคมเป็นอย่างดีจะยิ่งบงการชีวิตลูก คนรุ่นใหม่ที่ถูกเลี้ยงดูมาแบบนี้จึงถูกเรียกว่า คนรุ่นดาวเทียม หรือ ลูกจิงโจ้  ซึ่งจริงแล้วไม่ใช่เรื่องน่ายินดีนักเพราะท้ายที่สุดแล้วชีวิตที่แท้จริงของมนุษย์คือทุกสิ่งทุกอย่างที่นอกเหนือจากการเรียนที่แม่ทำแทนมาตลอด   ควรตัดสินใจด้วยตัวเองหัดเดินด้วยตัวเองไปแล้วจะเห็นตัวตนที่สมบูรณ์แบบ เปรียบดังลูกเจี๊ยบกะเทาะเปลือกไข่ของตนเองจนแตกและออกมาเองมันจะมีชีวิตรอด แต่ถ้ามันถูกคนอื่นทำให้เปลือกไข่แตกก่อนมันจะกลายเป็นอาหารอันโอชะของผู้อื่น
จุดบอดของวัยรุ่นยุคนี้คือเก่งแต่เรียนไม่ค่อยประสีประสาในชีวิตจริง การทำงานได้ดีไม่เกี่ยวกับการเรียนในมหาวิทยาลัย  มหาวิทยาลัยไม่ใช่เส้นชัยแต่คือจุดออกตัวสู่การแข่งขันอีกครั้ง ประวัติและผลงานต่างๆ เป็นเพียงวิธีการหนึ่งที่จะช่วยให้ได้งานง่ายขึ้นสิ่งที่ควรแสดงให้บริษัทเห็นไม่ใช่รายชื่อผลงานและประวัติการศึกษาที่มีมาตลอดชีวิตแต่ต้องแสดงเรื่องราวของตัวเองเพื่อยืนยันว่าเรามีศักยภาพที่ซ่อนอยู่มากล้นเพียงพอต่อการทำงาน  ต้องรู้ว่าตัวเองเก่งอะไรที่สุด บริษัทต้องการคนที่ทำงานเป็นจริงๆ  การทำงานในบริษัทขนาดเล็กมีบ่อยครั้งที่เราต้องทำงานมากมายที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานของตนเองแม้จะรู้สึกหงุดหงิดและน่าเบื่อหน่ายแต่ท้ายที่สุดคุณจะทำงานเป็นทุกหน้าที่  งานที่สำคัญที่สุดในชีวิตไม่ใช่งานแรกแต่เป็นงานสุดท้ายอย่ารีบร้อนตัดสินผลแพ้ชนะจากการประลองครั้งแรกต้องดูนานๆ ถึงจะรู้ว่าท้ายที่สุดใครเป็นผู้ชนะ
คนหนุ่มสาวควรมีสามสิ่งเมื่อเรียนอยู่มหาวิทยาลัยคือ ความรู้ที่ยิ่งใหญ่ ความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ และความฝันที่ยิ่งใหญ่  ถึงแม้จะยังไม่แน่ใจว่าฉันเป็นใคร มีเป้าหมายอะไร  จะไปที่ไหน  ก็แค่ไป  สิ่งที่เลวร้ายมากกว่าการทำผิดพลาดคือไม่ยอมลงมือทำอะไรเลย ถ้าเรือจอดอยู่ที่ท่าอาจปลอดภัยที่สุดแต่เรือไม่ได้ถูกสร้างเพื่อจอดไว้เฉยๆ เรือจะมีคุณค่าเมื่อได้ออกทะเลผจญคลื่นลม เช่นเดียวกับประตูถ้าไม่ได้ถูกเปิดออกเลยประตูเหล่านั้นก็ไม่ต่างจากผนัง จงเปิดประตูเหล่านั้นออกและใช้โอกาสแห่งวัยหนุ่มสาวลองผิดลองถูกดู (น. 245) อย่าหวั่นไหว ความเจ็บปวดนี้ภายหลังจะกลายเป็นเชื้อเพลิงให้ชีวิตของเราลุกโชติช่วงขึ้น
สนใจอ่านฉบับเต็มได้ที่
BJ1668.ท9 ค65 2555
คิม, รันโด.  (2555).  เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด.  วิทิยา จันทร์พันธ์ แปล.  กรุงเทพฯ : Springbooks, 2555.  247 หน้า.

One thought on “เพราะเป็นวัยรุ่น …

  • พีนก ชอบมากค่ะใช้เป็นแนวทางในการคิดได้ตั้งแต่ผู้ใหญ่ วัยกลาง วัยรุ่นเลยค่ะ

Leave a Reply

Tags

blog CONSAL KPI PULINET การจัดการความรู้ การดูแลสุขภาพ การทำงาน การท่องเที่ยว การบริการ การปฏิบัติงานล่วงเวลา การประชาสัมพันธ์ การพัฒนาตนเอง การพัฒนาบุคลากร การลงรายการ การศึกษาดูงาน การอ่าน การเรียนออนไลน์ กิจกรรมสำหรับเด็ก กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน กิจกรรมห้องสมุด ความสุข ค่ายห้องสมุด งานบริการ ธรรมะ นวนิยาย นักเขียน บรรณารักษ์ บริการชุมชน ประกันคุณภาพ ภาพถ่าย ภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยศิลปากร ระบบห้องสมุดอัตโนมัติ วัด วันสำคัญ วารสาร สัมมนา สุขภาพ หนังสือ หนังสือบริจาค หนังสือและการอ่าน หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ ห้องสมุด ห้องสมุด 24 ชั่วโมง อาหาร