เหล่าตั๊กลั๊ก : เรื่องอยากเล่า…ตลาดเก่าชุมชนริมน้ำคลองลัดพลี (ตอน 2)

หลังจาก 2 บท ยาวววววว มั่กผ่านไป มาเริ่ม ยาววววววว ต่อละกัน

บทที่ ๓   จรลีเรือแจวบนสายน้ำ

สาวๆ ทำธุระส่วนตัวกันเสร็จโดยถ้วนหน้า ลุงโอภาสก็กลับมาพร้อมเรือกอนโดร่า…เอ้ยยยยยย เรือแจว

แหม…เห็นท่าลุงแล้ว…นึกถึงภาพล่องเรือในเวนิส แหะ แหะ จำมาจากภาพถ่ายบ้าง อะไรบ้างน่ะ หุหุ  เออ…เน๊าะ ก็เพิ่งถึงบางอ้อ…แบบซาบซึ้งวันนี้เองว่า กิริยา แจว กับ พาย เนี่ย มันต่างกัน เพราะเรือพายเขานั่งพาย ส่วนเรือแจวเนี่ยไม้พายมันยาว ต้องยืนแจว หรือ ถ่อ..เวลาเจอน้ำตื้นๆ ที่มักหลอกให้ปลาตาย  เออเน๊าะ…ครั้งแรกในชีวิตที่ได้นั่งเรือแจว

สมาชิกพากันทยอยลงเรือ น้องโรสสสสส กะป้าหน่อยเป็น ญ หน่วยหน้าลงเรือไปนั่งคู่ดิบดีด้านท้าย ป้าจิกะเราก็ตามไปติดๆ ด.ช.ปัญญา หนุ่มเดียวของกลุ่มกะอีหนูมีนพากันลงตามมา หนุ่มรมณ์ติส จับจองพื้นที่หัวเรือเพื่อบันทึกภาพแบบไร้สิ่งบดบังทัศนียภาพ ส่วนเราได้ที่นั่งถัดมา ก็ถ่ายไปตามอัตภาพที่ไม่ค่อยถนัดนักแต่ก็เพลินได้ตามภาษา นี่ถ้าเป็นสมัยใช้ฟิล์มกว่าจะยิงได้แต่ละภาพ ต้องเล็งแล้วเล็งอีก สมัยนี้กล้องพร้อม การ์ดพร้อม แบตเตอรี่พร้อม ทั้งของจริงของสำรองแสตนด์บายไว้ ก็ สบม.หห. เห็นไรอยากยิง ยิง เห็นไรอยากถ่าย ถ่าย มุมหนึ่งสัก ๒ – ๓ ช้อต ก็ไม่ต้องเสียดมเสียดาย  ช้อตไหนมุมไม่ได้ สีไม่งาม ก็มาตบ มาแต่ง มาเติม ได้เองทีหลัง ไม่ต้องง้องอนร้านถ่ายรูป ไม่ต้องซื้ออุปกรณ์ทำเอฟเฟคมากมาย เพราะโปรแกรมตกแต่งภาพมีให้หมด ขึ้นกับวิทยายุทธ์เฉพาะตัวว่าจะใช้ได้…ใช้เป็นซะมากมายอย่างใจมั้ย…อยากพิมพ์ลงกระดาษก็ไม่มีใครกำหนด หรือจะเก็บไว้ในแผ่นเพราะภาพถ่ายมากมาย   รกบ้านช่องอยู่แล้ว หรือ ถนัดจะใช้ตรงเปิดเอาจากคอมฯ…ก็ไม่ผิดกติกา

ออกเรือมาไม่ไกลผ่านเรือนนี้นั้น ลุงโอภาสชี้ชวนบอกเล่า ทางนู้นสมัยก่อนเป็นโรงสี ทางนี้สมัยก่อนเป็นโรงฆ่าไก่ ตรงนี้เป็นศูนย์การแสดง ๘ เผ่า ตรงนี้ลุงสำทับเกรงเราจะเข้าใจว่ามีชนเผ่าจริง ลุงบอกว่าใช้คนท้องที่นี่แหละแต่แสดงวัฒนธรรมการแสดงของเผ่าต่างๆ ไม่ทันถามกันว่าเผ่าไรบ้าง ลุงเล่าไปสลับกับคำถามอยากรู้จากกลุ่มไป บางเรื่องลุงรู้ก็ตอบ บางเรื่องลุงว่ามีมาตั้งกะลุงเกิด อย่างชื่อคลองลุงว่าแต่เดิมเรียก คลองลัดราชบุรีเรียกไปเรียกมา พูดเร็วบ้างรีบบ้าง กลายเป็น คลองลัดพลีไปตั้งกะเมื่อไรไม่ทันรู้ตัว แหม…เหมือนพวกเน็ตเจน.เลย  คลองลัดนี่เราคาดเดาว่าเป็นคลองขุดเพราะลุงบอกเกิดมาไม่ทันมันมีอยู่แล้ว ถามอายุอานามลุงก็ ๖๐ อัพ ก็เกิดไม่ทันจริงแหละ เพราะละแวกคลองลัดพลีที่มีเจ๊กฮวดซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ นับเนื่องเป็นพระสหาย หรือย่านใกล้กันอย่างคลองดำเนินสะดวกล้วนเป็นคลองที่แปลงจากธรรมชาติ หรือ ขุดขึ้นเพื่อความสะดวกในการคมนาคมทางน้ำสมชื่อคลอง นับถึงวันนี้เวลาก็ล่วงเกินกว่า ๑๐๐ ปีมาแล้ว

สองฝากฝั่งลำคลองสังเกตว่าทุกบ้านเรือนมีผู้คนอยู่เกือบทุกหลัง ลุงแกก็ว่าอย่างนั้น บ้างอาศัยอยู่เฉยๆ บ้างมีกิจการนู่นนี่ ค้าขายของชำบ้าง เครื่องเขียนก็มี ที่รู้เพราะเจ้าตัวโตได้ยินเสียงเด็กน้อยตะโกนเรียกลุงพ่อค้าขอซื้อปากกาแดงกะน้ำเงิน ร้านตัดผมผู้ชายมีโต๊ะนั่งแบบลมโชยบาร์เบอร์ ที่เราเคยเห็นตั้งแต่เด็กก็มี ขาดคำรับรองของลุงเรื่องมีคนอยู่ทุกหลังไม่นาน เผอิญเหลือบไปเห็นบ้านปิดร้างอยู่เลยแซวววว ลุงแกก็ อ๋ออออออรับซะยาว บ้านคนมีสตังค์น่ะ หลังนี้เค้าไม่อยู่ไปอยู่อีกหลัง เกือบจะถามขึ้นพร้อมกันระหว่างเรากะน้องรสว่า…แล้วเค้าขายมั้ยลุง ลุงบอกอันนี้ต้องถามเจ้าของเค้าดู


หน้าบ้านเรือนสองฝากมองๆ ไป เห็นหลายหลังมีศาลอะไรสักอย่างยึดติดกับชายคาด้านหน้าบ้าน เดาเอาว่าเป็นศาลฟ้าดิน ที่คนจีนเรียก ทีตี่ถามก็ได้ความตามนั้น แถมลุงแกให้ความรู้เพิ่มเติมว่า เรียกเต็มๆ คือ ทีตี่แปะบ้อคือ ฟ้าดิน พ่อแม่ หรือเรียกสั้นๆ ก็ ทีกงเป็นเทพารักษ์ประจำที่ทาง แล้วก็เสริมว่าเปรียบง่ายๆ เหมือนศาลพระภูมิของคนไทย เราก็เลยแอบเสริมในใจว่า อืมมมม ของไทยเรานอกจากพระภูมิเจ้าที่ บางบ้านยังมีศาลตายายอยู่เคียงกันอีกด้วย

ล่องเรือผ่านบ้านเรือนร้านรวง  เรือพ่อค้าแม่ขายทั้งผักหญ้า ขนมข้าวต้ม กาฟงกาแฟโบราณ และอื่นๆ สารพัด มาได้พักใหญ่ ลุงโอภาสก็ชี้นำว่าข้างหน้ามีวัดหลวงพ่อโตเป็นพระศักดิ์สิทธิที่เคารพของชาวคุ้งน้ำ โดยมิพักชักช้า…เราจึงเอ่ยปากชวนผองเพื่อนขึ้นวัดไหว้พระ พอเรือเทียบท่าลุงโอภาสก็แจ้งกับพวกเราว่าแวะได้ไม่นานนะครับ เพราะมีนัดกับกลุ่มถีบจักร…55+ ม่ายช่ายหนูถีบจักรนิ…เป็นพวกถีบจั๊กกะยานน่ะ  เราก็เลยยิงคำถามไปว่ากลุ่มจากนครถมเหรอ ลุงบอกใช่ ก็ยิงไปอีกว่าจากศิลปากรรึเปล่า พอลุงบอกใช่ก็เข้าทาง เพราะเราเพิ่งวางหูจากน้องเอ๋มาแหมบๆ รู้ว่ากลุ่มคณะเพิ่งผ่านหนองดินแดงบ้านพี่ไมค์มา ก็เลยบอกลุงว่าอีกประมาณครึ่งชั่วโมงได้กว่ากลุ่มจะมาถึง พวกเราก็พากันเข้าไปกราบหลวงพ่อโตเสร็จกิจก็ลงเรือล่องกลับ

ขากลับดูเหมือนลุงแกจะทำเวลา เพราะดูเหมือนไม่นานเราก็กลับมาถึงตลาดจุดแรกที่เราพบกับลุง ว่าแต่ลุงต้องกลับไปเอาจักรยานคู่ใจนี่สิ แต่ก็ไม่รู้แกไปตอนไหน เพราะพอขึ้นจากเรือได้ก็เข้าทำนอง ถึงฝั่งก็ถีบหัวเรือส่ง เอ้ยยยยยยม่ายช่ายยยยยย แหมเป็นงั้นซะที่ไหน ยังแอบเก็บภาพลุงไว้เผื่อโอกาสหน้าแวะเวียนมาได้ยืนยันรูปถ่ายกับเบอร์โทร.ที่แอบขอไว้ ตะแรกลุงแกขึ้นจากเรือแล้ว แต่พอเห็นเรายกกล้องถ่าย…แกก็…ใจ…น่าดู…อันนี้พูดยาวๆ ได้ว่า ได้ใจน่าดูกลับไปยืนโพสต์ท่าจับแจวคู่ใจ…เจ้าตัวโตก็ไวไม่แพ้กัน โดดลงไปร่วมแจมทันควัน…ใช้ได้จริงๆ…   เรื่องเสนอหน้า…กล้อง…เนี่ยไม่ต้องบอกเชียว

คณะเรามาถึงจุดนัดหมายพอดีกับชาวคณะก็คงเพิ่งมาถึงไม่นาน  เพราะเห็นบางคนยังกับเพิ่งเดินมาถึง แต่เอ…บางคนกำลังโซ้ยข้าวปลาแล้วนิแหม…เยี่ยมยุทธ์จริงๆ ข้าน้อยขอคารวะ 555++

Leave a Reply

Tags

blog CONSAL KPI PULINET การจัดการความรู้ การดูแลสุขภาพ การทำงาน การท่องเที่ยว การบริการ การปฏิบัติงานล่วงเวลา การประชาสัมพันธ์ การพัฒนาตนเอง การพัฒนาบุคลากร การลงรายการ การศึกษาดูงาน การอ่าน การเรียนออนไลน์ กิจกรรมสำหรับเด็ก กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน กิจกรรมห้องสมุด ความสุข ค่ายห้องสมุด งานบริการ ธรรมะ นวนิยาย นักเขียน บรรณารักษ์ บริการชุมชน ประกันคุณภาพ ภาพถ่าย ภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยศิลปากร ระบบห้องสมุดอัตโนมัติ วัด วันสำคัญ วารสาร สัมมนา สุขภาพ หนังสือ หนังสือบริจาค หนังสือและการอ่าน หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ ห้องสมุด ห้องสมุด 24 ชั่วโมง อาหาร