หนึ่งในนักศึกษาฝึกงาน@หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์
น้อยคนนักที่จะทราบว่าดิฉันเป็นนักศึกษาฝึกงานที่หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์มาก่อน (หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ เดิมชื่อ “แผนกห้องสมุด ห้องสมุดเสียงและอุปกรณ์โสตทัศน์”) โดยมาฝึกงานเมื่อปี พ.ศ. 2520 แต่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นนักศึกษาฝึกงานรุ่นแรกของหอสมุดฯ หรือไม่
ดิฉันเป็นชาวอำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากโรงเรียนบ้านแหลมวิทยา (บลว.รุ่นที่ 14) อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ก็สอบเข้าศึกษาต่อสายสามัญคือชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนเบญจมเทพอุทิศ จ.เพชรบุรี โดยเลือกสายวิทยาศาสตร์ ขณะเดียวกันก็ไปสอบเข้าเรียนที่วิทยาลัยครูเพชรบุรี ระดับ ป.กศ.ต้น ซึ่งเมื่อเรียนจบระดับนี้ก็สามารถสอบบรรจุเป็นครูได้โดยต้องมีอายุครบ 18 ปี บริบูรณ์ขึ้นไป
การสอบเรียนต่อดิฉันสามารถสอบเข้าเรียนได้ทั้ง 2 แห่ง เมื่อปรึกษาพ่อแม่ญาติพี่น้องแล้วจึงตัดสินใจเลือกเรียนทางวิชาชีพครูเพราะเห็นว่าจบแล้วหางานทำได้เลย ส่วนการเรียนสายสามัญเป็นอะไรที่น่ากลัวต่อการสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยจึงสละสิทธิ์การเรียนที่นี่ไป
เมื่อเรียนจบ ป.กศ.ต้น ทางบ้านอนุญาตให้เรียนต่อ ป.กศ.สูง ได้โดยไม่ต้องรีบร้อนหางานทำ การเรียนระดับ ป.กศ.สูง นี้นักศึกษาต้องเลือกวิชาเอก วิชาโท ดิฉันเลือกเรียนเอกบรรณารักษศาสตร์เพราะคิดว่าคงหางานทำได้ง่าย และที่วิทยาลัยครูเพชรบุรีเพิ่งเปิดสอนวิชาเอกบรรณารักษศาสตร์เป็นปีแรก ดิฉันจึงเป็นนักศึกษาบรรณารักษ์รุ่นแรกของวิทยาลัยครูเพชรบุรี แต่ยังไม่เปิดสอนถึงระดับปริญญาตรี (ปัจจุบันคือ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี และสาขาบรรณารักษศาสตร์มีเปิดสอนถึงระดับปริญญาตรีแล้ว)
ส่วนวิชาโท ดิฉันเลือกเรียนภาษาอังกฤษ โดยเบื้องต้นจะเลือกเป็นวิชาเอกเสียด้วยซ้ำเพราะอยากเจริญรอยตามพี่สาวที่เรียนจบปริญญาตรีเอกภาษาอังกฤษ แต่ดิฉันก็ชอบวิชาบรรณารักษศาสตร์มากกว่าจึงเลือกเป็นวิชาเอก และเลือกภาษาอังกฤษเป็นวิชาโท
การเรียนวิชาบรรณารักษศาสตร์ก่อนจบต้องมีการฝึกงานทางวิชาชีพตามหลักสูตร และอาจารย์หัวหน้าภาควิชาบรรณารักษศาสตร์ วิทยาลัยครูเพชรบุรี ในขณะนั้น (อาจารย์สมบูรณ์ แก่นตะเคียน) ท่านเป็นเพื่อนกับหัวหน้าแผนกห้องสมุดฯ (คุณมาลินี ศรีพิสุทธิ์) จึงได้ติดต่อขอส่งนักศึกษามาฝึกงานที่แผนกห้องสมุด ห้องสมุดเสียงและอุปกรณ์โสตทัศน์ (ชื่อเดิมของหอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ ในขณะนั้น) จำนวน 3 คน ซึ่งหัวหน้าแผนกห้องสมุดฯ ก็ไม่ขัดข้องยินดีให้นักศึกษามาฝึกงานได้ ดิฉันและเพื่อน ๆ อีก 2 คนจึงได้มาฝึกงานที่นี่ โดยได้รับการสอนจากบรรณารักษ์และพี่ ๆ เจ้าหน้าที่ในการฝึกงานทุกงาน
เวลาที่มาฝึกงานคือ 1 เทอม (มี 3 เดือน) พวกเรามาฝึกกันเทอมที่ 2 ระหว่างเดือน ก.ค.-ก.ย. พ.ศ. 2520 เป็นช่วงฤดูฝน ซึ่งฤดูฝนในสมัยก่อนฝนตกจริงจังมาก พอบ่ายมาตั้งเค้าและฝนตกแรงมากแทบทุกวัน เสียงลมหวีดวิ้วกับใบไม้ต้นไม้เสียงดังลู่ลมน่ากลัวเหมือนที่เคยได้ยินในภาพยนตร์เกี่ยวกับปีศาจ บางครั้งน้ำฝนเจิ่งนองเต็มถนนจากหอสมุดฯ ไปถึงหน้าประตูมหาวิทยาลัยศิลปากร เจ้าหน้าที่ทำงานบางคนเมื่อเลิกงานล่วงเวลา (ปิดบริการหอสมุดฯ เวลา 21.00 น.) ก็จะจับปลาที่ลอยออกมาตามน้ำนองอยู่ตามถนนไปทำอาหารกัน ที่เห็นเพราะบางวันพวกเรานักศึกษาฝึกงานก็ได้อยู่ทำงานล่วงเวลากันด้วยและเลิกงานพร้อมกัน งานที่ทำก็แล้วแต่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าแผนกห้องสมุดฯ โดยมีบรรณารักษ์ควบคุมดูแลการทำงาน แต่ละวันจะมีบรรณารักษ์และเจ้าหน้าที่ประจำจุด แล้วยังมีผู้ปฏิบัติงานนอกตารางด้วย พวกเราทำงานล่วงเวลาก็ได้รับเงินค่าจ้างด้วยเช่นกัน
ที่พักระหว่างฝึกงาน หัวหน้าแผนกห้องสมุดฯ ได้มอบหมายให้พี่บรรณารักษ์คนหนึ่งติดต่อไว้ให้คือ หอพักจิตปราณี ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยศิลปากร ค่าหอพักประมาณเดือนละ 450 บาท เป็นห้องพัดลม พวกเราอยู่รวมกัน 3 คน หารค่าหอพักกันก็ตกเดือนละ150 บาทต่อคน สามารถเดินมาแผนกห้องสมุดฯ และกลับหอพักได้สะดวกสบาย หอพักมีร้านอาหารขายที่ใต้ถุนหอพักด้วย
วันเสาร์-อาทิตย์ พวกเราเคยได้ไปเที่ยวสนามหลวงกันสักครั้งสองครั้ง ค่ารถทัวร์เข้ากรุงเทพฯ คนละ 3 บาทเท่านั้น และต่อรถเมล์ไปสนามหลวง น่าจะประมาณ 50 สตางค์ ที่สนามหลวงมีของขายมากมายโดยรอบเดินกันเพลิดเพลินตื่นตาตื่นใจมาก เช่น หนังสือ เสื้อผ้า ของกินของใช้ สัตว์เลี้ยง เป็นต้น
ก่อนกลับจากการฝึกงาน หัวหน้ามาลินี ศรีพิสุทธิ์ ได้เอ่ยชวนว่าจบแล้วกลับมาทำงานที่นี่กันนะ