ขนมไทยมีวิวัฒนาการมายาวนานนับตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหงสู่ ยุคสุโขทัย มาต่อยุคกรุงศรีอยุธยาและเชื่อมต่อเข้าสู่ยุครัตนโกสินทร์ ขนมก็ยังคงลักษณะเดิมเอาไว้
ขนมไทยดูเหมือนจะง่าย แต่จริงแล้วทำยากและใช้เวลาการทำมาก ด้วยว่ามีเคล็ดลับเทคนิคที่จำเป็นต้องรู้ เพื่อให้ได้ขนมที่มีลักษณะดี และถูกลักษณะของขนมชนิดนั้นๆ
เอกลักษณ์ของศิลปะการทำขนมไทยคือ รู้จักพัฒนาเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นและมีการประยุกต์ใช้เครื่องปรุงใหม่ๆ กรรมวิธีการปรุงใหม่ๆ และปรับปรุงรสให้กลมกล่อมดียิ่งขึ้นอีก
ขนมไทยดั้งเดิมใช้ แป้ง น้ำตาลและมะพร้าวเป็นองค์ประกอบหลัก
แป้ง ใช้เป็นเนื้อขนม น้ำตาล เป็นตัวปรุงรสให้หวาน มะพร้าว ช่วยให้ขนมหวานมัน แล้วนำมาผสมในสัดส่วนที่แตกต่างด้วยวิธีการปรุงต่างๆ จนได้ขนมไทยมากมาย
ขนมไทยมีทั้งประเภทแห้ง ประเภทเปียก และประเภทน้ำ
ขนมไทยเป็นขนมที่สวยงาม และมีกลิ่นหอม หวาน การทำขนมไทยให้ได้รูปลักษณ์ รสชาติ และกลิ่นหอมได้นั้น ผู้ทำต้องมีใจรัก เพราะต้องอาศัยเวลาในการสังเกต เรียนรู้ถึงส่วนผสมและเคล็ดลับต่างๆในการทำ ประกอบกับต้องหมั่นฝึกฝนทำจนชำนาญ
ขนมไทยสมัยนี้ ได้นำมาปรับปรุงและประยุกต์ ลักษณะ รูปแบบ ให้เข้ากับคนรับประทาน สมัยปัจจุบันมากขึ้น
สำหรับผู้เขียนเองนั้น มีความถนัดด้านการชิม-กินมากกว่าการทำ แต่จะให้ช่วยทำบ้างก็ได้ ซึ่งครั้งนี้เมื่อได้ไปช่วยเพื่อนๆทำบ้างแล้ว ก็ให้นึกอยากทดลองลงมือทำด้วยตัวเองบ้างนะ โดยมีเพื่อนๆที่เชี่ยวชาญ ช่วยแนะนำและควบคุมอย่างใกล้ชิดมากมาก (มิฉะนั้นจะไม่สามารถชิมขนมชนิดนี้ได้จ้า) เรามาเริ่มต้นทำขนมหวานแบบง่ายๆที่เราชอบรับประทานกันก่อนแล้วกัน คือ ขนมเปียกปูนกะทิสด และขนมบัวลอย เป็นต้น
ขนมเปียกปูนใบเตยกะทิสด
ขนมเปียกปูนใบเตยดั้งเดิม จะตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมแล้วโรยหน้าด้วยมะพร้าว เรามาลองเปลี่ยนมาทำขนมเปียกปูนใบเตยกะทิสดกัน เนื้อขนมเปียกปูนจะนุ่มเหนียว และราดกะทิรสเค็ม โดยจะโรยงาขาวคั่วเพิ่มกลิ่นหอมหรือเนื้อมะพร้าวอ่อนเพิ่มความอร่อยก็ได้
ส่วนผสมขนมเปียกปูน  

ส่วนผสมกะทิราด          

ขั้นตอนการทำ
1.ผสมวัตถุดิบต่างๆ      แป้งข้าวเจ้า แป้งมันและแป้งท้าวในภาชนะ เทน้ำใบเตยลงไปประมาณครึ่งหนึ่งก่อน แล้วคนให้เข้ากันกับแป้งเสร็จแล้วเทน้ำใบเตยที่เหลือ น้ำปูนใส น้ำตาลปี๊ป น้ำตาลทราย ลงไปแล้วคนให้ส่วนผสมเข้ากันเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วกรองส่วนผสมด้วยกระชอนหรือผ้าขาวบาง

2.กวนแป้ง         ตั้งกระทะเปิดไฟปานกลาง เทแป้งลงไปกวน ต้องกวนต่อเนื่องไปเรื่อยๆตลอดเวลา อย่าให้แป้งติดกะทะ พอแป้งจับตัวเป็นก้อนให้ลดเป็นไฟอ่อน ค่อยๆกวนให้ส่วนผสมกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกันจนแป้งสุกใส และข้นหนืด (ใช้เวลาประมาณ ½ ชั่วโมง) ปิดไฟ พักแป้งขนมไว้ให้คลายความร้อน

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
3.ทำกะทิสดราด           ใส่กะทิลงในหม้อตามด้วย แป้งข้าวโพด เกลือ น้ำตาลทรายคนผสมให้เข้ากันจนกะทิเดือดและใส่เนื้อมะพร้าวอ่อน ปิดไฟ
เสร็จแล้วตักขนมเปียกปูนใส่ภาชนะ ราดกะทิพร้อมโรยงาขาวคั่วและเนื้อมะพร้าวอ่อน เตรียมรับประทานได้เลยค่ะ 

สามารถค้นหาหนังสือในหอสมุดพระราชวังสนามจันทร์อ่านเพิ่มเติมได้และโปรดติดตามต่อไป  ในเรื่อง    ขนมหวาน-ขนมบัวลอย