ขนม โอว่โถ่ก้วย
วันหยุดตอนเช้า เราไปเที่ยวบ้านเพื่อนและเดินชมสวน บ้านของพวกเราจะอยู่นอกเขตเทศบาลค่ะ จึงมีที่ดินกันคนละเล็กละน้อยพอที่จะปลูกพืชผลกินได้ไว้ และเมื่อเห็นแปลงต้นเผือกที่ปลูกไว้ ทำให้ระลึกนึกถึงขนมและอาหารที่ทำมาจาก เผือก ซึ่งมีทั้งเป็นอาหารคาวและอาหารหวาน เช่น เผือกทอด เผือกหิมะ เผือกกวน เผือกเชื่อม เผือกฉาบ เผือกทอดกรอบ เผือกแกงบวด เผือกต้มจิ้มน้ำตาลทราย ข้าวเหนียวย่างไส้เผือก กุยฉ่ายเผือก ปลาต้มเผือก และอีกมากมายหลายชนิด
จนมีคุณป้าท่านหนึ่งที่เราพบ ชื่อคุณป้าบานเย็น ท่านเห็นว่าเราสนใจ เรื่องของขนมที่ทำมาจากเผือก ท่านจึงแนะนำว่า ยังมีขนมอีกชนิดหนึ่งที่สามารถนำเผือกมาทำได้มีรสชาติอร่อยมาก มีชื่อว่า “ โอว่โถ่ก้วย ”
ในภาษาจีนแต้จิ๋ว คำว่า โอว่ มีความหมายถึง เผือก และคำว่า “ ก้วย “มีความหมายถึง แผ่นแป้ง
พวกเราสนใจทันที เพราะไม่เคยชิมและลิ้มลอง ที่ใดมาก่อน เราจึงขอให้คุณป้า ช่วยสอนวิธีทำขนมชนิดนี้ ให้กับเรา และเมื่อพวกเราหาวัสดุ อุปกรณ์พร้อม แล้ว จึงขอให้คุณป้า แนะนำวิธีการการทำและเมื่อทำเสร็จแล้ว พวกเราจะมาบอกนะค่ะว่า อร่อยระดับไหน♥
♥ เตรียมอุปกรณ์และออกไปตลาดซื้อของ
เตรียมวัสดุอุปกรณ์ มี เตา , หม้อนึ่ง ( ซึ้งนึ่ง ,ลังถึง ) ,กระทะรองหม้อนึ่ง ,กะละมัง ,มีด, ครก หรือ เครื่องปั่น ,ถาด , ถ้วย ,ไม้ชักเส้น ( ไม้ขูดเส้น )
ส่วนผสม
แป้งข้าวเจ้า | จำนวน ½ กิโลกรัม |
เผือก ( เผือกต้องแก่จัดและมีความร่วนซุย ) | จำนวน 1 กิโลกรัม |
ถั่วลิสงชนิดเม็ด | จำนวน 1 กิโลกรัม |
กระเทียมไทย | จำนวน ½ กิโลกรัม |
น้ำมันพีช | จำนวน 0.5 ลิตร |
เกลือป่น | จำนวน 2 ช้อนชา |
น้ำเปล่าสะอาด ( สำหรับผสมแป้ง ) | จำนวน 1.2 ลิตร |
น้ำเปล่าสะอาด ( สำหรับใส่หม้อนึ่ง ) |
♥ วิธีการทำ
เตรียม
1.นำถั่วลิสงเม็ดมาคั่วไฟอ่อนๆ คั่วไปจนถั่วสุก หอม กรอบ แล้วยกลงผึ่งให้เย็น คัดแยกเปลือกออก และนำถั่วมาบุบพอแตกหรือ นำไปปั่น แต่อย่าให้ละเอียดเกินไป จะทำให้ไม่ได้ความมันของถั่วเวลาเคี้ยว
2.นำกระเทียมไทยมาสับพอหยาบๆ เจียวกับน้ำมันพืช จนเหลือง หอม เสร็จแล้วตักน้ำมันพร้อมกับกระเทียมเจียวใส่ถ้วยพักไว้ รอจนเย็น
3.นำเผือกมาปลอกเปลือกและล้างน้ำให้สะอาด นำไม้มาขูด ชักให้เป็นเส้นๆ พักไว้
ส่วนผสม
4.นำแป้งข้าวเจ้าและน้ำเปล่า ที่เตรียมไว้เทใส่กะละมัง ละลายจนแป้งเข้ากับน้ำได้ดีเป็นเนื้อเดียวกัน
5.เติมเกลือป่น ลงไปในแป้งที่ละลายน้ำแล้ว คลุกเคล้าให้เข้ากัน
6.นำเผือกที่ขูดเป็นเส้นแล้ว เทใส่ในกะละมังแป้งที่ละลายไว้ คลุกเคล้าให้ทั่ว จะได้เนื้อของส่วนผสมที่ไม่ข้น หรือเหลวจนเกินไป แล้วทดลองชิมดู รสชาติว่าจะต้องออกเค็มเล็กน้อย กรณีถ้าแป้งข้นเกินไปจะได้เนื้อของขนมที่แข็งไม่นุ่ม ให้เติมน้ำอีกเล็กน้อย ถ้าเหลวเกินไป จะได้เนื้อขนมที่นิ่มเกินไปควรจะเติมแป้งเพิ่มอีกเล็กน้อย แล้วชิมดูรสชาติให้พอดีและถูกใจผู้ทำ
นึ่ง
7.นำหม้อนึ่งขึ้นตั้งไฟจนน้ำเดือด
8.ให้นำส่วนผสมของแป้งเทใส่ถาด เกลี่ยให้หน้าเรียบเสมอขอบถาด ยกถาดขึ้นวางในหม้อนึ่ง ใช้ไฟแรง นึ่งประมาณ 30 นาที จะได้ขนมที่สุกพอดี
9.ยกถาดขนมออกจากหม้อนึ่ง นำกระเทียมเจียวที่เตรียมไว้ ตักโรยหน้าให้ทั่วทันที
10.ก่อนรับประทานตัดแบ่งเป็นชิ้นพองาม แล้วโรยหน้าด้วยถั่วลิสง จะได้รสชาติของเผือกที่ร่วนซุย มีรสเค็มเล็กน้อยของเกลือ กลิ่นหอมของกระเทียมเจียว และความมันของถั่ว นุ่มละมุนลิ้น อร่อยยิ่งนักแล เคล็ดลับควรต้องรับประทานที่อาหารยังอุ่นๆอยู่นะค่ะ
แนะนำเพิ่มเติม เผือกเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือตอนใต้ของเอเชียกลาง ปัจจุบันเป็นพืชอาหารในหมู่เกาะเวสอินดีสต์ แอฟริกาและเอเชีย เผือกมีชื่อในภาษาอังกฤษว่า ทาโร(Taro ) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Colocasia esculenta var esculenta ลำต้นตรง ไม่มีเนื้อไม้ มีหัวใต้ดินสะสมอาหาร ช่อดอกแบบช่อเชิงลด ก้านดอกอวบใหญ่สั้นกว่าก้านใบ ดอกตัวผู้และดอกตัวเมียขนาดเล็กอยู่แยกกันบนโคนช่อ ดอกตัวเมียมีสีเขียวอยู่ที่โคน ดอกตัวผู้มีสีขาวอยู่ปลาย เผือกเป็นพืชหัวชนิดหนึ่ง ประชากรของประเทศในเขตร้อน เกือบทั่วโลก รู้จักเป็นอย่างดี บางประเทศรับประทานเผือกเป็นอาหารหลัก เหมือนคนไทยรับประทานข้าวเป็นหลัก เผือกเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดหนึ่งของประเทศไทย ปัจจุบันระเทศไทยส่งเผือกเป็นสินค้าส่งออก ไปยังประเทศ ญี่ปุ่นและฮ่องกง
ที่มา 1. สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน เล่มที่ 5 เรื่องที่ 5 พืชหัว/เผือก
2.https ://th.wikipedia.org