ทับแก้ว Book Fair…ปฐมบทแห่งตำนาน
♣ ขวบปีที่ ๑๒ ของ…งานหนังสือที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันตก
จบลงหมาดๆ เมื่อวาน วันอาทิตย์ที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
การเดินทางมายาวนานนับสิบปี…นานพอที่จะเป็น…ตำนาน
การหวนทวนจำแต่หนหลัง บางเรื่องราวอาจตกหล่น
บางผู้คนอาจเลือนหาย แต่หลายสิ่งอย่างที่ “เรา” ร่วมสร้างมิอาจลืม
♣ ปี ๒๕๕๐ ภายหลังจากดิฉันโอนกลับมาทำงานอีกครั้ง
ณ หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ เมื่อล่วงเข้าปีที่ ๒
หลังจากที่ได้รับความไว้วางใจจากพี่แมว คุณกาญจนา สุคนธมณี
อดีตหัวหน้าหอสมุดพระราชวังสนามจันทร์
ให้ขยับโต๊ะทำงานหมุนเวียนไปเข้า-ออก ฝ่าย/งาน ต่างๆ
♣ ตั้งแต่ฝ่ายโสตฯ ที่มีโอกาสไปช่วย ปรับเปลี่ยนลุ๊คและรุกในงานบริการ
สร้างห้องฝึกซ้อมร้องเพลงที่ยังคงนิยมมาจนปัจจุบัน
สร้างกิจกรรมฉายหนังในห้องฉายมินิเธียร์เตอร์ สืบทอดเจตนา “วิกรังไข่”
ย้ายไปประจำการช่วยงานวารสาร ในระยะเวลาอันสั้นมาก ถึงมากที่สุด
กระทั่งมาสู่งานรักษาการหัวหน้างานจัดหาทรัพยากรที่ร้างลาตัวจริงมาสักระยะ
จำไม่ถนัดนักว่าโจทย์งานออกร้านจำหน่ายหนังสือมาถึงมืออย่างไร
♣ รำลึกได้เพียงว่า
วันหนึ่งพี่แมวได้เชิญไปพบ และคุยถึงกิจกรรมออกร้านจำหน่ายหนังสือประจำปี
ซึ่งหอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ จัดขึ้นเป็นประจำมากว่า ๑๐ ปีแล้วในขณะนั้น
ในลักษณะของกิจกรรมภายในหอสมุดฯ มีการเชิญตัวแทนจำหน่าย ร้านค้าต่างๆ
ให้นำหนังสือมาจัดแสดง ให้บุคลากร เฉพาะอย่างยิ่งคณาจารย์
ได้มีโอกาสคัดเลือกหนังสือประกอบการเรียนการสอนเพื่อนำเข้าบริการในห้องสมุด
♣ การพูดคุยวันนั้นดิฉันได้เสนอความเห็นให้ขยายขอบเขตการจัดงาน
จาก Mini Book Fair ซึ่งเป็นการบริการภายใน ไปสู่การบริการเพื่อชุมชนในวงกว้างยิ่งขึ้น
ด้วยเล็งเห็นถึงปัญหาการขาดโอกาสของชุมชน โดยเฉพาะโรงเรียน
ที่จำกัดด้วยงบประมาณในการจัดหาหนังสือเข้าห้องสมุด
การเข้าถึงแหล่งจำหน่ายที่หลากหลาย ในราคาที่ย่อมเยาว์
เช่นงานเทศกาลหนังสือแห่งชาติต่างๆ ที่จัดในกรุงเทพฯ
จึงมักเป็นสิ่งที่โรงเรียนนอกเมืองหลวงไม่มีสิทธิได้สัมผัส
♣ ก่อนจบการสนทนาในวันนั้น ดิฉันได้แจ้งกับพี่แมวว่า
หากจะให้ดิฉันดำเนินการขอจัดงานใหญ่
โดยจะไม่จำกัดขอบเขตเฉพาะเพียงเรื่องหนังสือ
เพราะ “ชุมชน” ของดิฉันหมายรวมเอาผู้คนและอาชีพในถิ่นฐาน
ที่จะสามารถผนวกรวมเข้าในงานได้โดยไม่ขัดเขิน
หากแต่จะช่วยเติมสีสรรให้กับบรรยากาศโดยรวมอย่างดึงดูดใจยิ่งขึ้น
♣ เมื่อรับโจทย์เริ่มต้นผนวกกับข้อเสนอเงื่อนไขของตนเอง
สิ่งที่เป็นประเด็นตามมาในสมอง คือ ชื่อของงาน
ที่ต้องพยายามคิดให้ครอบคลุมประเด็นสาระ สื่อที่ต้องการจะส่งสาร
ที่เป็นเนื้อหาและกิจกรรมของงาน ดิฉันใช้ชื่องานตามโครงการว่า
“ทับแก้ว : มหกรรมหนังสือสื่อการเรียนรู้”
กระทั่งมีเสียงพึมพำแว่วมาดังๆ ว่า ชื่ออะไรยาวจัง จำยาก
จึงคิดชื่อลำลองของงานว่า “ทับแก้ว Book Fair“
หากจำไม่เคลื่อนนิคเนมนี้น้าวี คุณกวี ชุติมานนท์ เป็นผู้นำเสนอ
♣ และหากจะถามดิฉันว่าเอาความมั่นใจจากไหน
ในเรื่องที่คิดการใหญ่…ตอบเลยว่าไม่มี
สิ่งเดียวที่รู้และคิดคือ…ไม่มีอะไรเกินพยายาม
ประจวบกับโอกาสที่ดีในวันนั้น คือ การได้รับการส่งเสริม
จากผู้บังคับบัญชา คือพี่แมว และคุณสุมณทิพย์ เลิศเกียรติกุล
หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์และพัฒนาทรัพยากรฯ ในขณะนั้น
ประกอบกับการสนับสนุนจากบุคลากรหอสมุดฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
บุคลากรฝ่ายวิเคราะห์ฯ ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลัก ที่หนักและเหนื่อยร่วมกัน
♣ การจัดงานจำหน่ายหนังสือในความรู้สึกของดิฉันดูไม่ใช่เรื่องยากนัก
ด้วยเคยผ่านประสบการณ์มาแล้วอย่างน้อย ๒ ครั้ง
♣ ♣ ครั้งแรกเมื่อครั้งเป็นนักศึกษาไกลบ้าน ในฐานะหัวปีของรุ่นและสาขา
ที่อยากสร้างกิจกรรมให้เป็นเยี่ยงเดินรอยแก่น้องๆ
ด้วยบัตรนักศึกษา ๑ ใบ กับหนังสือเบิกทางโครงการสัปดาห์ห้องสมุด
จากคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาตร์ มอดินแดง
ดิฉันอาจหาญพาตัวเองเข้ากรุงมุ่งหน้าสำนักพิมพ์ยอดนิยมในยุคนั้น
ซึ่งหลักๆ มักจะอยู่แถววังบูรพา แต่เป้าหมายแรกของหนอนวัยใสอย่างดิฉัน
คือ สนพ. ดอกหญ้า ซึ่งมีหน้าร้านที่สาขาท่าพระจันทร์
ที่ในสมัยนั้นมีร้านเทปสุดฮอท คือ ร้านน้อง ท่าพระจันทร์ อยู่ใกล้กัน
การเจรจากับพี่ทึ่ม ผู้จัดการสาขาขณะนั้น ใช้เวลาเพียงไม่นาน
เมื่อดิฉันเดินทางกลับมอ หนังสือจำนวนหลายสิบลัง
ก็เดินทางตามหลังไปเพียงพอให้จัดจำหน่ายตลอดงาน
♣ ♣ ความติดใจในรสชาติความท้าทายยังไม่เลือนหาย
เมื่อดิฉันมีโอกาสไปปฏิบัติงาน ณ โรงเรียนสาธิต ราวพ.ศ. ๒๕๔๐ – ๒๕๔๓
วิญญาณไฮเปอร์ก็เข้าสิงอีกครั้งกับการจัดงานสัปดาห์ห้องสมุด
แต่ครั้งนี้ดิฉันไม่ต้องพาตัวเองไปพบใคร เพียงแค่ทำหนังสือติดต่อ
ไปยังร้านค้า และ สนพ.เชิญชวนมาร่วมกิจกรรมจำหน่าย
แม้จะไม่มีตัวแทนมาร่วม แต่สนพ. ร้านค้าที่ขอความอนุเคราะห์ไป
ก็ยินดีเครดิตหนังสือมาให้จำหน่ายก่อนโดยไม่มีเงื่อนไข
♣ การจัดงานครั้งนี้นับเป็นจุดเริ่มที่ร่วมกับชุมชน
ด้วยดิฉันได้มีโอกาสเชิญปราชญ์ชาวบ้าน
มาสาธิตการทำและร่วมจำหน่ายสินค้าหัตถกรรมท้องถิ่น
การจัดงานที่สาธิตเป็นการจุดประกายที่จะสร้างเครือข่ายชุมชน
ดังนั้นเมื่อโอนกลับมายังหอสมุดพระราชวังสนามจันทร์
กับโจทย์ที่ได้รับเรื่องการจำหน่ายหนังสือประจำปี
จึงเป็นนิมิตรหมายดั่งใจในการสานต่อชุมชน
♣ นี่เป็นเพียงเสี้ยวเล็กๆ ในตำนาน ที่อยากเล่าสู่
หากแต่เบื้องลึก เบื้องหลังยังอีกยาวไกล
เชิญท่านผู้สนใจติดตามกันได้ในตอนต่อไปนะคะ
© ญ เล็ก ยอดแหลม ©
๑๒ ก.พ. ๒๕๖๑