ประวัติศาสตร์ในเพลง
ระหว่างขับรถไปบ้านแม่กับลูกชาย ลูกได้เปิดเพลง Zombie ของวง The Cranberries ที่พวกเราคุ้นเคยจากรายการ The Mask Singer เราก็ร้องตามกันเป็นสนุกสนาน โดยเฉพาะท่อนที่ร้องว่า “In your head” ดิฉันร้องโดยไม่รู้ความหมายอะไร และบอกลูกว่าแม่ฟ้งไม่ออกว่ะ ดิฉันถามว่าทำไมต้องซอมบี้ เป็นเรื่องของผีดิบเหรอ โดยนิสัยของลูกมักอยู่นิ่งไม่พูดสิ่งที่ตัวเองรู้ไม่ได้ จึงเริ่มเล่าเรื่องของเพลงนี้ ลูกเล่าว่า เป็นเพลงที่ระลึกถึงเหตุการณ์ที่กลุ่ม IRA วางระเบิดที่เมืองวาริงตัน (Warrington) ประเทศอังกฤษ ในปี 1993 เป็นเหตุให้เด็กชาย 2 คน ตาย และต้องการให้เป็นเพลงที่เรียกร้องความสงบระหว่างไอร์แลนด์และอังกฤษ ดิฉันจึงบอกว่า ดีแฮะ นอกจากเราจะเรียนภาษาอังกฤษจากเพลงได้เรายังเรียนรู้ประวัติศาสตร์ได้ด้วยเนอะ
เท่ากับเป็นการเปิดช่องให้ลูกเล่าต่ออีก แม่อีกเพลงนึงนะ เพลง Sutter’s Mill ไง เป็นประวัติศาสตร์ในยุคตื่นทองของอเมริกา (California Gold Rush) โดย มีคนที่ชื่อ Marshall ที่เป็นช่างไม้สร้างกังหันวิดน้ำให้กับ John Sutter เจ้าของเหมือง เกิดเจอทองในแม่น้ำ และเมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ผู้คนจากทุกสารทิศ ต่างก็มุ่งมาที่เหมืองนี้ ในเนื้อเพลง บอกว่า Some would fail and some would prosper some would die and some would kill คือคนที่มาหาทองมีทั้งได้และไม่ได้ มีการดักทำร้าย ดักฆ่ากัน ทำให้ผู้คนต่างมีปฏิกิริยาต่าง ๆ คนที่พบทองก็รู้สึกขอบคุณ John Sutter คนที่ไม่พบ ถูกทำร้ายก็จะสาปแช่ง John Sutter ( Some would thank the lord for their deliverance and some would curse John Sutter’s mill) ในเพลงนี้จบที่ประโยคว่า Some men’s thirsts are never filled (ความโลภของมนุษย์ไม่สามารถทำให้เต็มได้)
ดิฉันว่าการฟังเพลงที่เรารู้เบื้องหลังของเพลง ทำให้เราฟังด้วยความซาบซึ้งไปกับตัวอักษรมากขึ้น นอกจากฉันจะใช้เพลงเป็นเครื่องมือในการสอนภาษาให้กับลูกแล้ว ยังให้ความรู้อีกด้วย แม้ว่าดิฉันกับลูกร้องเพลงไม่ตรงคีย์แต่ก็ชอบฟ้งและจับใจความ และบ่นว่าตัวเองร้องเพลงไม่เป็น เล่นดนตรีไม่เป็น และอยากทำเป็นบ้าง แต่น้าวีเคยบอกเชิงบวกว่า ถ้าร้องเพลงเก่งทุกคนแล้วใครจะฟ้งล่ะพี่ ซึ่งทำให้ดิฉันรู้สึกดีขึ้นและยังยืนยันที่จะร้องเพลงแบบไม่ตรงคีย์กับลูก(เฉพาะในรถของเราต่อไป)