Stockholm syndrome
ช่วงสัปดาห์ก่อนดิฉันเสพข่าวเรื่องการรับน้องมหาวิทยาลัยจนจิตตก มีคนเขียนแสดงความคิดเห็นว่าแนวคิดในบางเรื่องเข้าข่าย Stockholm syndrome งงกับคำศัพท์คำนี้ เพราะไม่รู้จักว่าคืออะไร รู้จักแต่ Office syndrome ซึ่งเมื่อนานมาแล้วคุณอ้อชอบเขียน จึงไปหาอ่านเพื่อคลายความสงสัยของตนเองและดูว่าตัวเรานั้นจะเข้าข่ายหรือไม่ และเห็นว่าน่าจะนำมาเล่าสู่กันอ่าน
Stockholm syndrome คือ อาการทางจิตที่เกิดขึ้นกับตัวประกันหรือเชลยที่ถูกจับตัวไป และได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนร้ายในสถานที่อันจำกัดเป็นระยะเวลาหนึ่ง ทำให้เกิดความรู้สึกผูกพันระหว่างกัน ก่อเกิดความเห็นอกเห็นใจ สงสาร จนในที่สุดตัวประกันอาจเห็นผิดเป็นชอบไปกับคนร้าย กลายเป็นพวกเดียวกันเลยก็มี หรือบางเคสอาจโดนคนร้ายขู่ซ้ำ ๆ ว่าหากเหยื่อกระโตกกระตาก แจ้งตำรวจ จะทำร้ายหรือฆ่าทิ้งให้รู้แล้วรู้รอด ซึ่งตัวประกันก็จะรู้สึกหวาดกลัว และโอนเอียงไปในทางร่วมมือกับคนร้าย และทำตามความต้องการของคนร้ายอย่างว่าง่ายมากขึ้นได้ ปัจจัยที่ทำให้ตัวประกันเห็นใจคนร้ายมากขึ้น นั่นก็อาจเป็นเพราะโจรที่จับตัวประกันไปไม่ได้มีพฤติกรรมเลวร้ายจนเหยื่อทนไม่ได้ หนำซ้ำยังอาจดูแลเอาใจใส่เหยื่อเป็นอย่างดี ทำให้เหยื่อเกิดความรู้สึกผูกพันมากขึ้นเรื่อย ๆ และไม่คิดจะหลบหนีหรือดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากการจับกุมแต่อย่างใด ซึ่งจุดนี้ก็จะเพิ่มความลำบากในการติดตามหาเหยื่อ หรือหากจับกุมคนร้ายได้แล้วก็อาจดำเนินคดีความกับคนร้ายได้ไม่มากเท่าที่ควร ส่วนในเรื่องการบำบัดรักษาสตอกโฮล์ม ซินโดรม ยังไม่มีวิธีรักษาที่แน่ชัด แต่อาจบำบัดอาการได้โดยอาศัยเวลา ที่จะทำให้ความรู้สึกผูกพันกับคนร้ายนั้นค่อย ๆ เจือจางลงไปด้วยตัวของมันเอง (https://health.kapook.com/view154493.html) นักจิตวิทยาวิเคราะห์ ว่าเป็นพฤติกรรม “สองดอกจิก แหม่มโพธิ์ดำ” หรือที่ทางธรรม เรียกว่า เห็นผิดเป็นชอบ เกิดจากความใจอ่อนสงสารสัตว์โลกผู้ชะตาตกต่ำ (http://www.vibhavadi.com/health402.html)
สองดอกจิก แหม่มโพธิ์ดำ คือสเปโต ที่คนเล่นรัมมี่จะเข้าใจดี ส่วนดิฉันไม่เล่นจึงไม่ค่อยอินเท่าไร
มีนิยายไทยหลายเรื่่องที่ใช้พล๊อต Stockholm syndrome ตบจูบๆ แล้วรักเลย ที่รู้จักและนึกออกทันทีคือจำเลยรัก และมนต์อสูร ส่วนฝรั่งก็ไม่น้อยหน้า มีผู้สรุปไว้จำนวน 15 เรื่อง ใน https://thematter.co/life/stockholm_syndrome_movies/28961 คือ Beauty and the Beast : Belle / 3096 Days : Natascha Kampusch / King Kong : Ann Darrow / In Time : Sylvia Weis / The Chase : Natalie Voss / Buffalo ’66 : Layla / Labor Day : Adele / V for Vendetta : Evey Hammond / Tie Me Up Tie Me Down : Marina Osorio / Interrogation : Antonina / Bandits : Kate Wheeler / Out of sight : Karen Sisco / The 39 steps : Pamela / Elle : Michèle Leblanc / Highway : Veera
อ่านชื่อเรื่องแล้วยกมือทาบอก เพราะบางเรื่องดิฉันเคยเสียน้ำตาให้กับผู้ร้าย !!!!! นี่เราอยู่ในข่าย syndrome ชัดๆ 😥
MATTER ฉบับเดือนที่แล้ว มีบทความเรื่อง “เอาใจทุกคน ผลคือความฉิบหาย : การเป็นคน ‘อะไรก็ได้’ อันตรายมากกว่าที่คิด” อ่านแล้วอื้อฮือ เพราะ นักจิตวิทยาเตือนว่า ความที่ต้องการเอาใจทุกคน (People-Pleasing) จนกลายเป็นคน ‘อะไรก็ได้ ‘เนี่ย จริงๆ แล้วเป็นอาการทางจิตอย่างหนึ่ง ซึ่งส่งผลร้ายต่อสุขภาพจิตของคนๆ นั้น แน่นอนล่ะว่า ตามทฤษฎีของมาสโลว์แล้ว เราต่างปรารถนาจะเป็นที่รัก ที่ชื่นชม และที่ยอมรับของคนอื่นๆ แต่สำหรับคนที่มีอาการ ‘อะไรก็ได้’ ความปรารถนานั้นจะถูกขับดันด้วยระบบประสาท (Neurotic Desire) จนบั่นทอนสุขภาพ ความคิด บุคลิกภาพ และส่งผลเสียเรื้อรังด้วย ลองอ่านต่อได้ที่นี่ค่ะ https://thematter.co/rave/people-pleasing/33808
อ้าวววว!!!! พยายามอ่านบทความทวนหลายๆครั้ง แล้วเกาหัวแกรกๆ 🙄
เขียนดราฟท์ไว้หลายวันจนเมื่อวันอาทิตย์ 1 ตุลาคมที่ผ่านมาก มี TEDxSilpakornU ดร. ข้าว ต้นสมบูรณ์ บอกว่า “เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเป็นเหยื่อของอารมณ์ EGO และความลำเอียง เมื่อนั้นคุณจะเป็นโรคไม่เอ๊ะ”
ดิฉันคุ้นเคยกับคำนี้จากการอบรมเรื่อง จากงานประจำสู่งานวิจัย ที่ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มาเรียม นิลพันธ์ุ บอกว่าเวลาทำงานเราต้อง “เอ๊ะ” !!!
พอนำทั้ง3 เรื่องมาเรียงกัน งั้นขอเก็บโรค “เอ๊ะ” มีไว้คานน้ำหนักกับอาการต่างๆ แล้วกัน เพราะอยากอยู่ตรงกลางที่ไม่ใช่หว่างใจ 😛