ใครมีความสุขคนนั้นชนะ
หนังสือเล่มนี้แนะวิธีการสร้างความสุขโดยที่ไม่ต้องหาไกลที่ไหน เพราะความสุขแท้จริงแล้วอยู่รอบตัวเรา คุณอะเอะนิชิ อะกิระ จะมาแนะวิธีง่ายๆ ที่ทำให้ตัวเองมีความสุข ผู้เขียนทำการวิจัยค้นคว้าเกี่ยวกับจุดร่วมของคนที่มีความสุขมานาน รวมถึงรับฟังปัญหาของผู้คนจำนวนมาก ผู้เขียนจึงหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะจุดประกายการใช้ชีวิตของเราให้มีความสุขมากขึ้น
บทที่ 1 การสร้างพื้นที่สำหรับเรียกความสุข
- บนโต๊ะมีสิ่งของที่ไม่จำเป็นกี่ชิ้น ให้สังเกตโต๊ะทำงานว่า มีสภาพแบบไหน เอกสาร เครื่องเขียนจัดเป็นระเบียบหรือไม่ คำถามนี้เหมือนเป็นคำบอกใบ้ว่าคนที่โต๊ะทำงานรก คือ คนที่มีเรื่องราวต่างๆ ในหัวสมองรกรุงรัง ส่วนคนที่เก็บของบนโต๊ะเป็นระเบียบจะเป็นคนที่หัวสมองปลอดโปร่ง
- เก็บกวาดทำความสะอาดห้องได้เมื่อไรความรู้สึกก็จะสงบลงได้เมื่อนั้น การเปลี่ยนแปลงตัวเอง อาจลงมือกำจัดของที่ไม่จำเป็นหรือเก็บกวาดสิ่งของรอบตัว โดยเริ่มจากการทำความสะอาดห้องอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง กำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก เพียงเท่านี้ความเครียดจากที่ทำงานก็ลดน้อยลงอย่างน่าประหลาดใจ การปล่อยตัวเองอยู่ห้องสกปรก เหมือนเป็นเครื่องบ่งชี้ที่บอกว่าเราไม่ได้เอาใจใส่ตัวเองเลย
- กำจัดสิ่งที่ไม่ชอบทิ้งไป การมีสิ่งของที่ตัวเองไม่ชอบอยู่ใกล้ตัว จะส่งผลกระทบด้านลบโดยไม่รู้ตัว แต่ถ้าเรากำจัดของที่ไม่ชอบออกไป ช่วงเวลาแห่งความสุขก็จะเพิ่มขึ้นแทน
- อยู่ห่างจากเพื่อนที่มีความคิดแง่ลบ เพื่อนแท้ควรเป็นคนที่ปรารถนาให้เรามีความสุข ส่วนคนที่คอยแต่ฉุดเราไม่ให้พบความสุขหรือชอบพูดจาให้เสียความมั่นใจ คนแบบนี้ไม่ใช่เพื่อนแท้อย่างแน่นอน อย่ากลัวการปรับมุมมองความคิดเรื่องการคบหากับผู้อื่น
- เมื่อสร้างพื้นที่สิ่งใหม่ๆ ก็จะเข้ามา ถ้าเราตัดปัญหาที่กลัดกลุ้มค้างคาใจได้สำเร็จ ในใจเราก็จะมีที่ว่างเพิ่มขึ้น ดังนั้น เราควรทิ้งสิ่งที่มีอยู่เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง และเมื่อกำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็นภายในจิตใจ เราก็พร้อมที่จะพบความสุขแล้ว
บทที่ 2 วิธีรักตัวเองแบบคนที่มีความสุข
- กอดตัวเองในเวลารู้สึกเหงา การฝึกคนให้มีความมั่นใจสิ่งแรกเลย คือ คำชมเชย ยอมรับตัวเขาและเปิดใจยอมรับทั้งข้อดีและข้อเสียของคนนั้น
- ไล่ตามสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ คนเราต่างมีนิสัยแตกต่างกัน หากเราพบความถนัดของตัวเองและลงมือทำ จะช่วยให้เราได้พลังด้านบวกในตัวเอง และเป็นการทำให้ตัวเองรู้สึกยินดี รู้สึกชอบตัวเอง
- ชมตัวเองให้เป็นนิสัย คำพูดเชิงบวกมีพลังมหัศจรรย์ที่ช่วยดึงความตระหนักรู้ตัวเอง ความนึกคิด และพรสวรรค์อันแสนวิเศษ ซึ่งซ่อนอยู่ภายในออกมา สิ่งที่หนังสือเล่มนี้แนะนำคือ การจดบันทึกการชมเชยตัวเองในแต่ละวัน ซึ่งเป็นแง่ดีที่เราจะได้มั่นใจตนเองเพราะได้เรียนรู้ข้อดีและข้อเสีย
- พูดคุยกับตัวเองในกระจก เป็นวิธีการทำให้ตัวเองมีความสุขโดยใช้กระจก เช่น เวลาสูญเสียความมั่นใจ เรื่องอึดอัดในที่ทำงาน ให้ลองพูดกับตัวเองในกระจกแง่ดีๆ เช่น ไม่ต้องกังวลหรอก เราทำได้อยู่แล้ว เป็นต้น ร่างกายของเราจะตอบสนองคำพูดนั้นๆ จนความรู้สึกสงบลง เป็นการฝึกพลังคิดบวกที่ดี
- จัดสรรเวลาให้ตัวเอง ถ้าเราเริ่มจัดสรรเวลาให้ตัวเองจนเป็นนิสัย เราจะชอบตัวเองอัตโนมัติ เพราะรู้สึกได้ชัดเจนว่าตัวเองกำลังเปลี่ยนแปลงไปที่ละน้อย และเป็นเราที่ใส่ใจตัวเองมากขึ้น
บทที่ 3 วิธีดึงตัวเองให้แจ่มใส่กลับคืนมา
- ไปร้านกาแฟคนเดียว ช่วงแรกอาจเขินกับการเข้าร้านคนเดียว หรือรู้สึกเบื่อกับการเหม่อ เฉย โดยไม่ทำอะไรเลย แต่เมื่อไปบ่อยจนคุ้นชิน เชื่อว่าช่วงเวลาที่เราได้หันหน้าเข้าหาตัวเองอย่างจริงจัง จะกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิต
- ไปดูหนังคนเดียว หากไปคนเดียวสามารถหัวเราะ ร้องไห้ได้ เป็นการแสดงออกอารมณ์ทุกข์สุขออกมา เป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกดีเป็นอย่างมาก
บทที่ 4 เทคนิคเล็กๆ ที่ช่วยให้ความฝันของคุณเป็นจริง
- เลือกใช้แต่คำพูดเชิงบวก คำพูดที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน เปรียบเสมือนเงาให้เราเห็นว่าสภาพจิตใจของเรานั้นเป็นแบบไหน การพูดเชิงบวกเป็นคนที่จิตใจเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังด้านบวก คิดมุมมองไปข้างหน้า ถ้าเป็นคนคิดเชิงลบจิตใจก็ห่อเหี่ยวไม่มีความสุข ซึ่งเต็มไปด้วยพลังด้านลบ ดังนั้นการใช้คำพูดเชิงบวกให้ติดเป็นนิสัยจะช่วยให้เกิดพลังด้านบวกสะสมในจิตใจ ทำให้เรากลายเป็นคนนิสัยร่าเริง แจ่มใส
- ไม่ว่าจะทำอะไรให้เผื่อเวลาไว้ ถ้าเราไปสายตั้งแรกนัดแรกย่อมไม่ใช่เรื่องน่าประทับใจของอีกฝ่าย ซึ่งการที่ดีเราควรไปถึงที่หมายก่อนกำหนดอย่างน้อย 10 นาที จะช่วยให้เราเป็นคนรักษาเวลาไม่ไปสาย ช่วยให้เรามีเสน่ห์แต่แรกพบ
- ลองทำให้เสร็จก่อนจะผัดวันประกันพรุ่ง การผัดวันประกันพรุ่งไม่ใช่ให้งานของเราสำเร็จ เราควรลองทำดูก่อน เพื่อพิจารณางานว่าใช้เวลานานแค่ไหน ยากง่ายแค่ไหน อาจทำไม่ต้องเสร็จตอนนั้น แต่ควรเริ่มไว้เพื่อจะได้รู้ระยะเวลาทำว่าน่าจะใช้เท่าไหร่ เพื่อเราจะได้แบ่งเวลาในการทำงานได้
- ลองทำอย่างต่อเนื่องให้ได้ 21 วันดูก่อน การเปลี่ยนนิสัยหรือปรับพฤติกรรมไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทุกคนเคยชินในสิ่งที่ทำเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากเปลี่ยนนิสัยหรือพฤติกรรมแนะนำให้ลองนำกฎ 21 วันนี้ไปใช้ การทำสิ่งที่ต้องมีคือ ความพยายาม ความตั้งใจ แต่ถ้าทำได้ถึง 21 วัน เราจะสามารถทำได้ด้วยความเคยชิน
บทที่ 5 เอาใจใส่ชีวิตประจำวัน เพื่อให้เราเป็นคนที่มีความสุข
- ละทิ้งความรู้สึกผิดที่ต้องพูดคำว่า “ไม่” คนที่ไม่มั่นในตนเองมักไม่เก่งเรื่องการปฏิเสธ เมื่อถูกขอร้องหรือรบกวนให้ทำ ถ้าสิ่งไหนเราไม่สะดวกทำให้อาจจะเอ่ยขึ้นมา เช่น ต้องขอโทษด้วยค่ะ พอดีติดงานด่วนอยู่ค่ะ เป็นต้น การแบ่งแยกขอบเขตความรับผิดชอบไว้ชัดเจน เป็นวิธีที่ช่วยกำจัดความเครียดได้
- ไม่หวังผลตอบแทน การแยกแยะความรู้สึกในเวลาที่ทำอะไรเพื่อผู้อื่นว่า ถึงอีกฝ่ายจะไม่ขอบคุณเราก็ไม่เป็นไร เราทำให้เพราะอยากทำแค่นั้น
- พูดคำว่าขอบคุณบ่อยๆ คำพูดที่มีพลังด้านบวกอย่างดี คือ “ขอบคุณ” ยิ่งใช้มากเท่าไหร่ในชีวิตประจำวัน พลังด้านบวกก็จะสะสมในจิตใจและทำให้คนคนนั้นมีความสุข
- ใช้คำพูดให้สุภาพ คนที่เก่งด้านการเข้าสังคม มักเป็นคนที่รู้จักทิ้งระยะห่าง เรียกว่า เป็นคนคุยด้วยง่าย น่าคบหา เป็นคนรู้จักเว้นระยะห่างอย่างเหมาะสม หากเริ่มสนิทแล้วจึงค่อยเปลี่ยนวิธีการพูด แต่ไม่ใช้คำพูดสนิทสนมเหมือนที่ใช้กับเพื่อนสมัยนักเรียน คำพูดสุภาพมีผลต่อการถ่ายทอดให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเราเคารพเขา และแน่นอนไม่มีใครมองคนที่ปฏิบัติต่อตนเองอย่างสุภาพในแง่ลบ
- เหยียดหลังตรงทำตัวให้มีบุคลิกภาพที่ดี วิธีช่วยให้รู้สึกแจ่มใสคือการมีบุคลิกภาพที่ดี เช่น การเหยียดหลังให้ตรง การเหยียดหลังให้ตรง ทำให้สูดอากาศเข้าปอดได้ดีขึ้น ทำให้สุขภาพผิวดีขึ้นด้วย เนื่องจากอวัยวะภายในอยู่ในท่าที่ถูกต้อง แถมช่วยให้สุขภาพกายและสุขภาพใจดีขึ้น ลดปัญหาออฟฟิศซินโดรมได้เป็นอย่างดี
- กินอาหารที่มีประโยชน์ หากกินอาหารที่ไม่คำนึงถึงโภชนาการ หากกินติดต่อนานๆ ร่างกายของเราจะเหนื่อยง่าย ไม่มีสมาธิ หากรับแคลเซียมไม่เพียงพอจะทำให้หงุดหงิด และทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย แต่ถ้าปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินใหม่ อาจจะเริ่มด้วยการลดขนมหวานแล้วทานผักผลไม้มากขึ้น เพียงไม่นานร่างกายก็จะกลับมาแข็งแรง มีเรี่ยวแรง กระปรี้กระเปร่าขึ้น
- ยิ้มแย้มสม่ำเสมอ วิธีการสร้างความสุขของตัวเองโดยไม่ต้องเสียงานและเวลาคือ การสร้างรอยยิ้ม วิลเลียม เจมส์ นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน กล่าวว่า เราควรร่าเริงสนุกสนานหัวเราะเบาๆ โดยไม่ต้องมีเรื่องอะไรให้หัวเราะก็ได้ ความรู้สึกของเราจะสดใสขึ้น แถมรอยยิ้มยังเป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น เราจึงควรร่าเริงสนุกสนานไม่ว่าจะเวลางานหรือเวลาส่วนตัว เพียงเท่านี้รอบตัวเราก็จะมีแต่เรื่องสนุก เพราะรอยยิ้มช่วยดึงความโชคดีและความสุขมาหา
- จัดการสะสางทีละเรื่อง เคล็ดลับในการดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขทุกวันคือ การไม่เก็บความเครียดไว้ข้ามวัน หากเปรียบกับงาน มีอะไรค้างก็ควรสะสางให้เสร็จ ดังนั้นเราจึงควรฝึกตัวเองให้รู้จักขจัดความกังวล หรือแก้ปัญหาแม้เพียงเล็กน้อยตั้งแต่ตอนนั้นจนเป็นนิสัย ช่วงเวลาแห่งความสุขก็จะเพิ่มขึ้น
- ตื่นให้เร็วขึ้น 30 นาที มีสุภาษิตกล่าวไว้ว่า “ตื่นเช้าได้กำไรสามมง” (มง คือ ค่าเงินของญี่ปุ่นสมัยก่อน) การตื่นเช้าทำให้เราได้สูดอากาศบริสุทธิ์และสามารถทำอย่างอื่นได้ โดยไม่ต้องเร่งรีบ เช่น กินอาหารเช้า แต่งหน้า เป็นต้น การตื่นเช้าทำให้ร่างกายสดชื่น กระชับกระเฉง กระปรี้กระเปร่า และประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้น
ประโยชน์ที่ได้รับ
- นำวิธีการมาลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเอง เช่น ไม่หวังผลตอบแทน เหยียดหลังตรง ยิ้มแย้มสม่ำเสมอ เลือกใช้คำพูดเชิงบวก ตื่นให้เร็วขึ้น 30 นาที เป็นต้น
- ในการทำงาน ผู้คนส่วนใหญ่จะเกิดความเครียด ความกังวล ในเรื่องงาน อาจทำให้การทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น จึงควรหาเวลาพักผ่อน แบ่งเวลาให้เป็น รู้จักดูแลรักษาสุขภาพตนเอง เพื่อให้มีพละกำลังในการทำงานและการดำเนินชีวิต
บรรณานุกรม : อะกิระ, อุเอะนิชิ. ใครมีความสุขคนนั้นชนะ. กรุงเทพฯ : อมรินทร์ How-to, 2558
เลขเรียกหนังสือ : BF575.H27 อ626