การเลือกที่จะเป็น ระหว่าง "หัวหมา" กับ "หางราชสีห์"
“หัวหมา” กับ “หางราชสีห์” คำนี้ จะผุดขึ้นมาจากความคิดทุกครั้งที่ผู้เขียนต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้อง “ตัดสินใจเลือก”
การตัดสินใจเลือกที่จะเป็น ระหว่างเป็นหัวหมา หรือจะเป็นหางราชสีห์ เราจะเลือกเป็นอะไร มันเป็นวลีโลกแตก เหมือนไก่กับไข่ อะไรเกิดก่อนกัน เป็นการยากที่จะหาคำตอบที่ถูกต้อง ถูกใจ
หากเลือกที่จะเป็น “หัวหมา” คือการเป็นตัวของตัวเอง การทำให้คนอื่นยอมรับในความเป็นเรา ทำตัวเองให้มีคุณค่าตามแบบของเรา พัฒนาความคุณค่าหรือความสามารถของเราให้ดียิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ เราสามารถกำหนดและควบคุมทิศทางตามที่เราต้องการจะไป ช่วงไหนต้องการไปช้า ช่วงไหนต้องการไปเร็ว มันก็ขึ้นอยู่กับเรา เราจะภูมิใจในศักดิ์ศรี ดีกว่าปตามหลังคนอื่น เลียนแบบคนอื่น ทำตามในสิ่งที่คนอื่นบงการให้เราทำ เราจะเกิดอาการเหนื่อยที่ต้องวิ่งตามเขาไปเรื่อย ๆ เช่นกัน หากเราทำกิจการเล็ก ๆ แต่เป็นของเราเอง หรือเป็นผู้นำองค์กรเล็ก ๆ แต่ได้รับความเคารพ ได้รับความไว้วางใจ ได้รับเกียรติ ในกลุ่มคนเล็ก ๆ หรือองค์กรเล็ก ๆ ดีกว่าเป็นแค่ตัวประกอบหรือผู้ตามในองค์กรใหญ่ ๆ
หากเลือกที่จะเป็น “หางราชสีห์” คือการทำตนให้เหมือนคนอื่น ตามคนอื่น จึงเป็นได้แค่เพียงผู้ตาม ไม่สามารถสร้างความภูมิใจได้ เพราะเราไม่สามารถทำให้เหมือนเขาได้ทุกอย่าง
อาจมีผู้ค้านว่าหากเลือกเป็นหางราชสีห์ อย่างน้อยก็เป็นส่วนหนึ่งของราชสีห์ ได้เรียนรู้อย่างราชสีห์ ได้เห็นวิธีการที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ คงมีสักวันที่จะได้เลื่อนเป็นหัวราชสีห์ แต่อย่าลืมว่า หางราชสีห์คือส่วนท้ายสุดซึ่งอาจไม่สามารถมองเห็นข้างหน้าได้อย่างชัดเจน เหมือนกับการทำงานในองค์กรใหญ่ ๆ แต่เป็นได้แค่เพียง “ลูกจ้าง” คงต้องใช้ความพยายามอย่างใหญ่หลวงกว่าจะก้าวมายืนผงาดอยู่แถวหน้าได้ หรือไม่มีวันนั้นเลยก็เป็นได้
จงเชื่อมั่นว่า คนเรามีดีด้วยกันทุกคน ทุกคนมีความสามารถในแบบฉบับของแต่ละคน บางคนค้นพบความสามารถของตัวเองแล้ว และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์และพัฒนาความสามารถของตนเองไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้จบ แต่บางคนยังหาความสามารถที่แท้จริงไม่เจอ ไม่รู้ว่าตนเองมีความถนัดหรือมีความสามารถด้านใดบ้าง
เมื่อเรายังหาตัวตนที่แท้จริงของเราไม่เจอ เราต้องค้นหา ต้องทำการวิเคราะห์ตัวเองว่าปัจจุบันเราเป็นอะไรหรือ กำลังทำอะไร ยืนอยู่จุดไหน มีความสามารถอะไรที่ก้าวไปข้างหน้าได้ และจะก้าวไปในทิศทางใดได้บ้าง สิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้เราทำการวิเคราะห์ตัวเองได้ง่ายขึ้น คือการวิเคราะห์ด้วย SWOT เป็นการหา จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคที่เกิดขึ้นกับเรา
จุดแข็งและจุดอ่อน เป็นปัจจัยภายในที่เราสามารถควบคุมและแก้ไขได้ด้วยตัวเราเอง โดยจุดแข็งเป็นปัจจัยภายในที่ส่งผลดี เช่น ความรู้ ความสามารถ ทักษะในการทำงานด้านต่าง ๆ บุคลิกดี นิสัยดี มีความกระตือรือร้น และจุดอ่อนเป็นปัจจัยภายในที่ส่งผลเสีย เช่น ตัดสินใจช้า ทำงานจับจด ขาดความพยายาม ไม่เชื่อมั่นในตนเอง
โอกาสและอุปสรรค เป็นปัจจัยภายนอกที่เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลง ควบคุมหรือแก้ไขได้ด้วยตัวเราเอง โดยโอกาส เป็นปัจจัยภายนอกที่เอื้อหรือส่งผลดีต่อเรา เช่น หน่วยงานที่เราทำงานอยู่กำลังจะนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้ ซึ่งเราเป็นผู้มีความรู้ทางด้านนี้อยู่บ้างจึงเป็นโอกาสที่เราจะได้ร่วมงานนี้ซึ่งอาจเป็นการเสริมจุดแข็งให้กับเราที่ได้มีความรู้ทางด้านนี้เพิ่มขึ้น แนวโน้มทางการตลาดในปัจจุบันส่งผลดีต่อสินค้าที่เราผลิตหรือธุรกิจของเราดำเนินงานอยู่ และอุปสรรคเป็นปัจจัยภายนอกที่ส่งผลเสียต่อเรา เช่น หน่วยงานถูกยุบ ภาวะเงินเฟื้อทำให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอยน้อยลงส่งผลให้สินค้าที่เราผลิตขายได้น้อยลง
เมื่อเราค้นพบตัวเองแล้ว เราต้องวิเคราะห์ว่า ปัจจุบัน เราเป็น “หัวหมา” หรือเป็น “หางราชสีห์” แล้วเราจะก้าวเดินต่อไปข้างหน้าด้วยความเป็น“หัวหมา” หรือจะอยู่เป็น “หางราชสีห์” ต่อไป
ในความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ผู้เขียนเลือกที่จะเป็น “หัวหมา” ดีกว่าเป็น “หางราชสีห์” เพราะหัวหมาเป็นสิ่งที่มีความสำคัญที่สุดของหมา หากขาดหัวแล้วหมาก็จะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ แต่หางราชสีห์เมื่อขาดหรือถูกตัดทิ้งไป ชีวิตของราชสีห์ก็ยังคงดำเนินต่อไปได้ ซึ่งราชสีห์ขาดหางก็ส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อราชสีห์เท่านั้น เราจึงต้องทำตัวเองให้มีค่า เป็นที่ต้องการของผู้อื่น เมื่อมีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นให้ผู้อื่นคิดถึงเราก่อนเป็นลำดับแรก ๆ ดังภาษิตตะวันตกที่ว่า “คุณอาจเป็นเพียงคนหนึ่งบนโลกใบนี้ แต่คุณอาจเป็นโลกทั้งใบของใครคนหนึ่งก็ได้” (นนทวัฒน์ อิทธิจามร 2555 : 205)
แล้วคุณล่ะ คิดหรือยังว่าจะเลือกเป็นอะไร
บรรณานุกรม
นนทวัฒน์ อิทธิจามร. (2555). แรงจูงใจ บทเรียนสำคัญที่สุด ของความสำเร็จระดับตำนาน. กรุงเทพฯ : ซีเอ็ดยูเคชั่น.
วัลลภ สันติประชา. (2557). หางราชสีห์ หัวหมา กับความเป็นไทย. [ออนไลน์]. จาก http://share.psu.ac.th/blog/fnr-devolop/34539. วันที่ค้นข้อมูล 4 สิงหาคม 2560.