ห้องสมุดกับไข้หวัด 2009
ในที่สุดไข้หวัด 2009 ก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว พวกเราและครอบครัวก็รู้สึกหนาวร้อนๆ ปวดศีรษะ ซึ่งอาจเป็นเพราะอากาศที่แปรปรวน ร้อน ฝน และเย็น สลับกันไปมา
พี่แมว หน.หอสมุดฯ จึงได้กำหนดนโยบายสกัดไข้หวัด 2009 ตั้งแต่ให้ปิดเครื่องปรับอากาศ เพื่อเปิดหน้าต่างให้ระบายอากาศ แจกผ้าปิดจมูกให้กับบุคลากร ให้ซื้อนำ้ยาฆ่าเชื้อมาทำความสะอาดบริเวณต่างๆ
ดังนั้นหนูใหญ่กับหนูน้องก็ต้องตะเวนหาวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งน้ำยาฆ่าเชื้อเก็บไว้ให้เต็มสต๊อค เพราะหอสมุดฯ เราเปิดบริการทุกวัน เป็นที่ชุมชนที่ใครไปใครมาตลอดเวลา ใครว่าว่าอย่างไรก็ไม่รู้แต่พวกเราถือว่ามีไว้ก่อนป้า (แมว) สอนไว้ นอกจากนี้หนูใหญ่ยังได้กำหนดให้ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคเช็ดตามราวบันได ตามประตูทางเข้าออกก่อนเปิดบริการ
ส่วนฝ่ายบริการ ก็ได้ทำป้ายแจ้งเตือนผู้ใช้บริการ กำหนดให้ใช้นำ้ยาทำความสะอาดพ่อนแล้วเช็ดที่คีย์บอร์ดทุกๆ เช้า กลางวันและเย็นทั้งทีีหน้าจอ WebOPAC และ เครื่องทำงานของเจ้าหน้าที่บริการยืมคืน และให้ทำความสะอาดประตูด้านหน้าทุกชั่วโมง นอกจากหน้าที่ที่จะต้องเพิ่มมากกว่าปกติแล้ว เรายังต้องทนกับอากาศที่อบอ้าวในหอสมุดฯ จึงได้แต่ปลอบใจกันมาร้อนดีกว่าเป็นหวัด 2009 ส่วนเครื่องปรับอากาศจะเปิดครั้งในตอนบ่ายสามโมง
ตอนนี้ใครมีไข้รุมๆ วิธีการของที่บ้านสืบทอดกันมาคือ ใช้หอมแดงทุบแล้วใส่ลงไปในน้ำเดือดปิดฝา แล้วใช้ไอน้ำรมตัวตั้งแต่หน้า ลำคอถึงหน้าอกให้เหงื่อเยอะๆ จะรู้สึกสบายตัวขึ้น อาหารช่วงนี้ควรเป็นประเภทต้มย้ำน้ำใสร้อนๆ หรือยำที่ใส่หอมแดง หรือซุปหอมใหญ่ เพราะหัวหอมเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการหวัด ฯลฯ หากบ้านใครมีกรรมวิธีอื่นๆ มาช่วยกันเล่าให้ฟังบ้างก็จะดีไม่น้อย
ถึงตอนนี้แล้ว นอกจากดูแลตนเองยังต้องช่วยกันโลก เราก็จะได้้อยู่ดีมีสุขไปด้วยกัน
5 thoughts on “ห้องสมุดกับไข้หวัด 2009”
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.
พี่อ่านวิธีแก้หวัดของปอง ทุกวิธีดีมาก ๆ เพราะตัวเองเคยใช้ตอนเด็ก ๆ จนปัจจุบันก็ยังใช้อยู่ เวลาต้มยำจะชอบใส่หัวหอมแดงเยอะ ๆ และจะเลือกกินแต่หอมแดง อร่อยมาก และเพราะคิดว่าเป็นยา จึงชอบกิน เวลากินกับคนอื่น ๆ ไม่ค่อยมีใครตักหอมแดงกินเลย และพี่เคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับสมุนไพร พบว่าถ้าเป็นหวัดมีน้ำมูกใส ๆ ชอบไหลอยู่ตลอดเวลา ให้กินสับปะรดเยอะ ๆ น้ำมูกจะหยุด เมื่ออาทิตย์ก่อน พี่มีน้ำมูกใส ๆ ไหลตลอดเวลา เพราะถูกฝนหลายครั้ง พี่เลยไปซื้อสัปปะรดมากิน 1 ถุง (ถุงละ 20 บาท) กินเกือบหมด แค่วันเดียวน้ำมูกหยุดไหล พี่ว่าสับปะรดแก้น้ำมูกไหลได้จริง ๆ จึงบอกต่อกับน้อง ๆ และเพื่อนที่หอสมุดฯ ที่น้ำมูกไหล ให้ไปซื้อสับปะรดกินซิ รับรองว่าน้ำมูกจะหยุดไหล ไม่ต้องไปกินยาแก้ลดน้ำมูกหรอก กินแล้วก็ทำให้ง่วงนอนมาก ต่อมาฝนตกบ่อย พี่ก็จะถูกละอองฝนเป็นประจำ เพราะต้องขี่รถจักรยานยนต์ไป ๆ มาๆ ทำให้มีน้ำมูกทำท่าจะไหลอีก พี่ก็รีบไปซื้อสับปะรดมากินดักไว้ก่อน ตอนนี้พี่ไม่เป็นหวัดแล้ว ขอฝากพี่ ๆ และน้อง ๆ ชาวหอสมุด มาบริโภคสับปะรดแทนยาแก้ลดน้ำมูกดีกว่า
สัปปะรดมีฤทธิ์เป็นกรด แนะนำให้กินทุกมื้อหลังอาหารเพราะจะไปช่วยย่อย จึงเหมาะกับคนที่ชอบบริโภคเนื้อสัตว์ ส่วนพี่หน่อยไม่ชอบเจ้านี่ดังนั้นจึงไม่ต้องซื้อมาฝากและห้ามจัดเป็นของว่างให้พี่หน่อย ส่วนเรื่องน้ำมูกนี้เป็นความรู้ใหม่ ขอบคุณค่ะ
ขอฝากท้ายอีกนิด แต่มีข้อสังเกตอีกอย่างก็คือ อาการคัดจมูกที่เกิดจากการติดเชื้อมักมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ไข้ ไอ และเจ็บคอ
ถ้ามีอาการเจ็บคอมาก ๆ และเสียงแหบด้วย พี่ขอแนะนำฟ้าทะลายโจร ก็รับรองอีกนะ ว่าได้ผลจริง ๆ ให้นำใบแก่และกิ่งสดล้างน้ำให้สะอาก สับเป็นท่อนสั้น ๆ ประมาณ 300-500 กรัม (หรือจะใช้มากกว่านี้ก็ได้) ตากแดดให้แห้ง นำมาบดเป็นผง ผสมกับน้ำผึ้งเล็กน้อย ปั้นเป็นเม็ดลูกกลอนเล็ก ๆ หรือใส่แคปซุล (เหมือนยาสมุนไพรของ ร.พ.ห้วยพลู) เพื่อความสะดวกในการกิน รับประทานครั้งละ 3 เม็ด เช้า-เย็น ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้ดีมาก หรือถ้ามีอาการหวัดคัดจฒุกก็ช่วยบรรเทาได้เหมือนกัน นกจากนี้ยังมีสมุนไพรอื่น ๆ อีก เช่น พริก ให้ใช้ต้นพริก (ไม่ใช้เม็ดพริก) ล้างน้ำให้สะอาด สับเป็ฯท่อน ๆ และตากแดดให้แห้ง ต้มกับน้ำเปล่า จนเดือด รินเฉพาะน้ำดื่ม ก่อนอาหาร ครั้งละ 1 แก้ว เช้าเย็น จะช่วยให้หายใจสะดวกขึ้นทันที นอกจากนี้ก็ยังมีสมุนไพรอื่นอีก เช่น กระเทียม ขิง (ขิงแก่) ตะไคร้ หญ้าใต้ใบ จะช่วยแก้หวัดคัดจมูกและทำให้น้ำมูกแห้งได้ ทางที่ดีที่สุดควรป้องกันตัวเองไว้ก่อนด้วยวิธีดูแลรักษาตนเอง เพื่อป้องกันมิให้อาการลุกลามหรือเกิดโรคแทรกซ้อน ดังนี้ 1. ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำสบู่และน้ำเปล่า โดยเฉพาะหลังใช้ห้องน้ำสาธารณะ หรือในช่วงที่ต้องทำงานหรืออยู่ร่วมกับคนป่วย 2. อยู่ให้ห่างไกลจากบริเวณที่ควันบุหรี่ ควันบุหรี่จะทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อช่องจมูก หรือถ้าคุณยังสูบบุหรี่อยู่ ก็เป็นเวลาที่สมควรจะเลิกสูบบุหรี่ได้แล้วค่ะ 3. ไม่ควรสั่งน้ำมูกอย่างรุนแรง เพราะอาจทำให้เกิดแรงดันย้อนกลับ จึงทำให้เชื้อไวรัสกลับขึ้นไปตามโพรงจมูกได้ ควรสั่งน้ำมูกจากรูจมูกทีละข้าง เพื่อให้แรงดันย้อนกลับน้อยที่สุด 4. ถ้ารูจมูกเกิดการอักเสบแล้ว ควรทาวาสลินมาก ๆ รอบรูจมูกเพื่อป้องกันอาการแสบจมูก หรือใช้ผ้าฝ้ายธรรมชาติชุบชาคาโมไมล็ประคบไว้สัก 1-2 นาที และ 5. ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่หักโหมงานเกินไป พร้อมกับกินอาหารที่มีประโยชน์อย่างอาหารชีวจิต และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทีแรกว่าจะขอฝากนิดเดียว แต่เห็นมีประโยชน์ทั้งนั้นเลยร่ายเสียยาว
พี่ตา ย้ายไปเขียนใน blog ดีกว่า
แจ้งข่าวเพิ่มเติม ตอนนี้หอสมุดฯ มีเจลล้างมือบริการให้กับผู้ใช้ตลอดเวลา ส่วนพวกเราและครอบครัวยังไม่มีใครได้รับเชื้อนี้ค่ะ