จิตแจ่มใส ดอกไม้บาน : ศิลปะแห่งความสุขในทุกองศาของชีวิต

66พระไพศาล วิสาโล. (2544). จิตแจ่มใส ดอกไม้บาน : ศิลปะแห่งความสุขในทุกองศาของชีวิต. กรุงเทพฯ: มูลนิธิสุขภาพไทย.
             การต่อสู้แข่งขันในสังคมยุคปัจจุบัน ก่อให้เกิดความเครียดทำให้มีความสุขน้อยลง คนในปัจจุบันเป็นคนทุกข์ง่าย และสุขยาก ไม่มีอะไรที่ทำให้เราเป็นทุกข์ได้มากเท่ากับจิตใจของเราเอง จะทุกข์หรือสุข “อยู่ที่ใจ” เราต้องมีความสุขกับการทำงานต้องให้ความรัก ความใจใส่แก่งานทุกชิ้นที่เราทำ ไม่ว่าเป็นงานอะไร พึงทำด้วยใจรัก รักที่จะทำ มิใช่ทำเพราะหวังผลตอบแทน เมื่อเราให้ความรักแก่งาน งานนั้นก็จะรักเรา มอบความสุขความเต็มเปี่ยมแก่เรานอกจากให้ความรักแก่งานแล้ว เรายังต้องให้สิ่งดีๆ อย่างอื่นแก่งานของเราด้วย เช่น ปัญญา ความเพียร และความอดทน มีใจจดจ่อใส่ใจกับงานที่ทำอย่างตั้งใจ ไม่ว่าร้อนหรือหนาว ขึ้นหรือลง จนหรือมี เราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเป็นสุขได้ทั้งนี้ก็เพราะความสุขที่แท้นั้นหาได้จากภายในใจของเราเอง ปัจจัยภายนอกเป็นเพียงส่วนเสริมเท่านั้น ไม่ใช่ตัวกำหนดทุกข์สุขของเรา  เวลาดอกไม้บาน ไม่ใช่แต่ผึ้งเท่านั้นที่ดีใจ จิตของเราก็พลอยสดชื่นเบิกบานไปด้วย ดอกไม้กับจิตใจของคนเรานั้นสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง ลองยื่นดอกไม้ ดินสอ และไข่ไก่ ให้เด็กทารก เด็กส่วนใหญ่จะไขว่คว้าดอกไม้ก่อนอย่างอื่น ดอกไม้เป็นตัวแทนของธรรมชาติ และมนุษย์เราก็มีนิสัยรักธรรมชาติมาแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว เคยมีการวัดคลื่นสมองของคนเวลาเห็นภาพต่าง ๆ ปรากฏว่าสมองของคนเราจะมีอาการผ่อนคลายเมื่อเห็นภาพที่มีต้นไม้ ลำน้ำ และดอกไม้ ไม่ต้องบอกก็เดาออกว่าคลื่นสมองของเราจะเป็นอย่างไรเมื่อเห็นภาพเมือง แม้เมืองนั้นจะเป็นบ้านเกิดของเราก็ตาม เมื่อเราได้อยู่กับธรรมชาติจิตใจและร่างกายของเราก็ดีขึ้น มีการค้นพบว่าผู้ป่วยที่เพิ่งผ่านการผ่าตัดใหญ่ จะหายเร็วขึ้นและต้องการยาระงับปวดน้อยลง หากได้พักในห้องที่สามารถมองเห็นต้นไม้จากทางหน้าต่างได้ ในทำนองเดียวกันความเจ็บป่วยเพราะความเครียดของผู้ต้องขัง ก็จะลดลง หากสามารถมองเห็นต้นไม้จากในเรือนจำ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างดอกไม้กับใจเรามิได้มีเพียงเท่านี้ ขณะที่ดอกไม้บานทำให้จิตแจ่มใส ในอีกด้านหนึ่งเมื่อจิตแจ่มใส ดอกไม้ก็พลอยบานไปด้วย ทำไมจิตแจ่มใส แล้วดอกไม้จึงบาน ดอกไม้นั้นอาจจะบานอยู่แล้วก็ได้ แต่เราไม่ทันสังเกต เมื่อไม่สังเกต ดอกไม้ก็หาได้บานอยู่ในความรับรู้ของเราไม่ คำถามก็คือเหตุใดเราจึงไม่ทันสังเกต คำตอบก็คือเป็นเพราะใจเรามัวแต่หม่นหมองกังวล จะเรื่องครอบครัว ชีวิตส่วนตัว เรื่องการงาน หรือกระวนกระวายกับเรื่องรถติด การเดินทาง ชีวิตที่เร่งรีบเกินไป จนใจพุ่งไปรออยู่ที่จุดหมายเบื้องหน้า ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่ทันสังเกตว่ามีดอกไม้ชูช่ออยู่ริมทางข้างตัว เลยขาดโอกาสที่จะซึมซับรับความงามมาหล่อเลี้ยงจิตใจ ความงามจากธรรมชาตินั้นเปล่งประกายออกมาตลอดเวลา แม้ในเมืองที่ขี้เหร่ร้ายกาจอย่างกรุงเทพ ฯ ตามซอกตึกหากเหลียวมองก็จะเห็นตะไคร่น้ำเขียวสดใส ริมทางเท้าก็มีดอกบานชื่นคอยทักทายเราอยู่ เกาะกลางถนนก็จะมีสีสันของดอกดาวเรือง เราลองทำใจให้ปลอดโปร่ง ว่างจากความคิด และวางการงานสักครู่ ความงามจากธรรมชาติเหล่านี้ก็จะพรูพรั่งหลั่งไหลมาสู่ใจเรา ลองทำใจให้แจ่มใสสักพัก เราก็จะเห็นดอกไม้บาน มาช่วยหล่อเลี้ยงใจให้สดชื่นมากขึ้น จิตที่แจ่มใส ย่อมสัมผัสกับความงามได้เต็มที่ ตรงกันข้ามหากจิตกลัดกลุ้มมีแต่ความกังวล อย่าว่าแต่ความงามของดอกไม้เลย แม้แต่ความเอร็ดอร่อยของหูฉลามน้ำแดง ก็ไม่อาจเข้าถึงจิตใจได้ เพราะความขุ่นมัว
เหล่านั้นได้ครอบงำจิต จิตแจ่มใสไม่เพียงแต่ทำให้ดอกไม้บานแก่ใจเท่านั้น ยังสามารถทำให้ดอกไม้บานขึ้นได้จริง ๆ มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับหลวงพ่อชา สุภัทโทแห่งวัดหนองป่าพงว่า ตอนที่ท่านป่วยหนักเพราะมีน้ำคั่งในสมองนั้น คราวหนึ่งท่านมารักษาตัวอยู่ที่บ้านโยมคนหนึ่งแถวสำโรง บ้านโยมคนนี้มีต้นพวงประดิษฐ์อยู่ต้นหนึ่ง ไม้ต้นนี้ไม่ออกดอกมาเป็นเวลา ๘ ปีแล้ว ต้นพวงประดิษฐ์ต้นนี้หยุดออกดอกและดูไม่สดชื่น หลังจากที่พ่อและลูกในบ้านนั้นเสียชีวิตไป เมื่อหลวงพ่อชามาพักที่บ้านนั้น ทุกเช้าท่านจะเดินมาดูต้นพวงประดิษฐ์นี้ ไม่ช้าไม่นานไม้ต้นนี้ก็กลับมาออกดอกใหม่ เป็นที่อัศจรรย์ใจแก่เจ้าของบ้าน ว่ากันว่าท่านแผ่เมตตาให้ต้นพวงประดิษฐ์นี้ทุกวัน จิตอันปลอดโปร่งผ่องใสของท่านสามารถบันดาลต้นไม้ให้ออกดอกใหม่ได้ เรื่องของหลวงพ่อชาอาจดูเป็นเรื่องแปลก แต่ที่จริงคนธรรมดาก็อาจทำเช่นนั้นได้ด้วยเหมือนกัน ว่ากันว่าเวลาเรารดน้ำต้นไม้ ถ้าร้องเพลงไปด้วยหรือเปิดเพลงเบา ๆ ให้ต้นไม้ฟัง ต้นไม้จะโตและออกดอกเร็วขึ้น ในฟาร์มบางแห่ง มีการเปิดเพลงกระจายเสียงไปทั่ว เขาพบว่าไม้ในฟาร์มนั้นงามขึ้น ให้ผลผลิตมากขึ้น ถ้าเรามีความสุข จิตแจ่มใส ดอกไม้ก็บานตามไปด้วย ถ้าเราตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างดอกไม้กับใจเรา เวลาเราเกิดรู้สึกท้อแท้เศร้าหมองขึ้นมา ลองหาเวลาอยู่กับดอกไม้และธรรมชาติให้มากขึ้น ไม่ต้องถึงกับแบกเป้หิ้วกระเป๋าเข้าไปอยู่ในป่าก็ได้ เพียงแค่เพ่งพินิจดอกไม้ในบ้าน เปิดใจรับกับความงามจนจิตเป็นสมาธิ หรือหยิบพู่กันมาวาด จนดอกไม้ซึมซับเข้าไปอยู่ในใจเรา เมื่อนั้นจิตของเราจะมีพลังและปลอดโปร่งแจ่มใสยิ่งกว่าเดิม ดอกไม้ไม่ได้มีอยู่แต่ภายนอกเท่านั้น หากยังอยู่ในใจด้วย เมื่อใดที่ผู้คนมีน้ำใจ เมตตาอารีต่อกัน นั่นก็เป็นสัญญาณว่าดอกไม้ได้บานในใจเขาแล้ว ดอกไม้ภายในนี้แหละที่สามารถชุบชูใจเราให้หายท้อแท้ได้ และดอกไม้ชนิดนี้แหละที่เราสามารถแลเห็นได้ ไม่ยากนัก เราอาจเห็นได้จากแท็กซี่ที่หยุดรถเพื่อจูงคนตาบอดข้ามถนน จากคนที่พยายามตามหาเจ้าของกระเป๋าเงินที่เขาเก็บได้ จากเด็กที่ลุกให้ที่นั่งแก่ผู้เฒ่า เหล่านี้คือความงามที่เหนือกว่าดอกไม้ภายนอกเสียอีก แต่เราอย่าเฝ้าชื่นชมดอกไม้ภายในใจของผู้อื่นอย่างเดียว ขอให้ดอกไม้นั้นมาบานในใจเราด้วย ชีวิตเราจะมีความสุขอย่างยิ่ง หากสังคมใดมีคนในสังคม “เป็นคนทุกข์ยาก และสุขง่าย” ก็จะทำให้สังคมนั้นน่าอยู่มากขึ้น

 

Leave a Reply

Tags

blog CONSAL KPI PULINET การจัดการความรู้ การดูแลสุขภาพ การทำงาน การท่องเที่ยว การบริการ การปฏิบัติงานล่วงเวลา การประชาสัมพันธ์ การพัฒนาตนเอง การพัฒนาบุคลากร การลงรายการ การศึกษาดูงาน การอ่าน การเรียนออนไลน์ กิจกรรมสำหรับเด็ก กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน กิจกรรมห้องสมุด ความสุข ค่ายห้องสมุด งานบริการ ธรรมะ นวนิยาย นักเขียน บรรณารักษ์ บริการชุมชน ประกันคุณภาพ ภาพถ่าย ภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยศิลปากร ระบบห้องสมุดอัตโนมัติ วัด วันสำคัญ วารสาร สัมมนา สุขภาพ หนังสือ หนังสือบริจาค หนังสือและการอ่าน หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ ห้องสมุด ห้องสมุด 24 ชั่วโมง อาหาร