จรรยาบรรณ
ช่วงนี้เป็นช่วงของการทำรายงานผลการปฎิบัติงานในรอบครึ่งปีงบประมาณ ที่ทุกคนต้องมีหน้าที่รายงานผลตาม KPI ที่กำหนด
KPI ได้มาจากส่วนหนึ่งของ Job Description หรือ JD
JD ได้มาจากส่วนหนึ่งของมาตรฐานกำหนดตำแหน่งตามแต่ละตำแหน่งที่แต่ละคนถือครอง
และเรายังมี Competency ที่เป็นการประเมินสมรรถนะของบุคลากรอีกด้วย ดิฉันเขียนไว้เมื่อหลายปีก่อนลองอ่านดู http://202.28.73.5/snclibblog/?p=11676 เนื้อหาอ่านไม่ทันสมัยแต่ความคิดยังเหมือนเดิม ปัจจุบันมีการเลือก Competency ที่ต่างไปจากปีที่ดิฉันเขียนไว้ ฉบับเต็มของ ก.พ.ดูจากที่นี่ค่ะ http://www.ocsc.go.th/ocsc/th/index.php?option=com_content&view=article&id=2546%3A-core-competencies&catid=409%3A2011-07-25-07-24-24&Itemid=310
เนื่องจากไม่มีใคร หรือหน่วยงานไหนเขียนอะไรได้อย่างละเอียดละออในทุกอณู แต่เราจะมีสิ่งที่เรียกว่าวัฒนธรรมองค์กรที่ถ่ายทอดกันมาและปรับใช้ให้ถูกจริตและยุคสมัยกันในองค์กรุร่นแล้วรุ่นเล่า
ความหมายและความสำคัญ ตลอดจนความรู้เรื่องวัฒนธรรมองค์กรศึกษาด้วยการอ่านเพิ่มเติมได้จาก http://km.opsmoac.go.th/ewt_dl_link.php?nid=460
นอกจากเรื่องพวกนี้แล้วพวกเรายังมีสิ่งที่เรียกว่าจรรยาบรรณมาเป็นกรอบในการใช้ชีวิตตามระบบราชการ ได้แก่ จรรยาบรรณของข้าราชการพลเรือน
ในมหาวิทยาลัยศิลปากรยังมี จรรยาบรรณของบุคลากรในมหาวิทยาลัยศิลปากร พ .ศ. 2552 เพื่อเป็นแนวปฏิบัติตนของบุคลากรในมหาวิทยาลัยที่เป็น ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พนักงานในสถาบันอุดมศึกษา ลูกจ้างที่จ้างจากงบประมาณแผ่นดิน งบประมาณเงินรายได้ของมหาวิทยาลัยและงบประมาณเงินรายได้ของหน่วยงานในสังกัดมหาวิทยาลัยศิลปากร ให้ประพฤติดี สำนึกในหน้าที่ สามารถประสานงานกับทุกฝ่าย ตลอดจนปฏิบัติหน้าที่ราชการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลยิ่งขึ้น รวมทั้งรักษาไว้ซึ่งศักดิ์ศรีและส่งเสริมชื่อเสียง เกียรติคุณ เกียรติฐานะของบุคลากรของมหาวิทยาลัยศิลปากร ฉบับเต็มโหลดได้จาก http://www.ethics.su.ac.th/pdf/book_ethics.pdf
พี่จุ๋มเคยเขียนในบล๊อกให้พวกเราได้อ่านที่ http://202.28.73.5/snclibblog/?p=14778
หากใครที่ทำงานอยู่ในห้องสมุุด ยังมีสิ่งที่เรียกว่า จรรยาบรรณบรรณารักษ์ เพราะ ห้องสมุดเป็นสถาบันที่มีเกียรติ เป็นบริการความรู้ที่เป็นคุณแก่สังคม เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาห้องสมุด เพื่อสร้างความมั่งคงแก่สถาบันห้องสมุด และเพื่อให้สถาบันห้องสมุดเป็นที่เชื่อถือและยอมรับของประชาชน สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เห็นสมควรกำหนดจรรยาบรรณสำหรับบรรณารักษ์ และผู้ปฏิบัติงานห้องสมุดทุกตำแหน่งไว้ (จาก http://tla.or.th/about_us/ethics.htm) ฉบับล่าสุดที่ประกาศใช้คือ พ.ศ.2552 แบ่งออกเป็น 5 หมวดที่เกี่ยวข้องกับชีวิตในการทำงานของพวกเราคือ ผู้ใช้ วิชาชีพ เพื่อนร่วมงาน สถาบัน และสังคม
ดิฉันมักใช้วิธีจำเพื่อเอาไว้เตือนสติตัวเองคือ
ต่อผู้ใช้ เราต้องรักผู้ใช้ทุกคนและใช้ความรู้ความสามารถที่มี รวมทั้งแสวงหาคนอื่นมาช่วยผู้ใช้ของเรา ไม่ใช่เฉพาะเรื่องที่ผู้ใช้เข้ามาถามหรือมาใช้บริการเท่านั้นหากรวมไปถึงเรื่องอื่นๆ ที่เราสามารถจัดเตรียมให้ผู้ใช้บริการได้
ต่อวิชาชีพ เนื่องจากการเป็นบรรณารักษ์เป็นอาชีพในฝันของตัวเอง จึงมีความสุขทุกวันกับทุกงาน และพร้อมที่จะคิดและคิดอะไรก็ได้ที่มาสนับสนุนการทำงาน
ต่อเพื่อนร่วมงาน ในจรรยาบรรณมีด้วยกัน 4 ข้อ ข้อที่ชอบที่สุดคือต้องรักษา แสวงหามิตรภาพและเครือข่ายระหว่างผู้ร่วมงานและผู้ร่วมวิชาชีพ เพราะเป็นคนที่เชื่อมั่นกับการมีเครือข่ายทั้งในวิชาชีพเดียวกัน และนอกวิชาชีพ ส่วนอีก 3 เรื่องเป็นเรื่องพฤติกรรมที่พึงต้องมีอยู่แล้ว
ต่อสถาบัน ดิฉันเชื่อมั่นว่าทุกคน “รัก” ห้องสมุดของพวกเรา เมื่อรู้สึก”รัก” แล้ว ความยินดีที่รักษาประโยชน์และชื่อเสียงของสถาบันที่สังกัดจะมาโดยธรรมชาติ เรื่องพวกนี้พวกเรามีตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมมากมายบอกเล่าหรือเขียนอย่างไรก็ไม่มีวันจบสิ้น 😛
ต่อสังคม หากเรามีครบทั้ง 4 หมวดแล้ว หมวดนี้จะตามมาโดยอัตโนมัติ
ค้นไปค้นมาไปพบบล๊อกของตัวเองที่เขียนใน gotoknow เมื่อ 7 ปีที่แล้ว จนลืมไปแล้ว มองชื่อคนเขียน อ้าวเราเองนี่หว่า อ่านแล้วคิดถึงพระคุณของครูบาอาจารย์ที่สั่งสอนเรามา คิดถึงพระคุณของคนรุ่นเก่าที่ให้เราตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ ลองอ่านได้ค่ะ https://www.gotoknow.org/posts/136615
ขอบคุณโลกอินเตอร์เน็ตที่ให้เราย้อนไปอ่านความคิดของเราได้เพียงปลายนิ้วคลิก