เที่ยวล่อง…ท่องเกาะเกร็ด
อานิสงส์จากการเข้าร่วมสัมมนา PULINET เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ซึ่งจัดโดย สำนักบรรณสารสนเทศ มสธ.
ที่นอกจากจะเป็นครั้งแรกของอิฉันที่มีโอกาสเข้าประชุมร่วม
ระหว่างคณะกรรมการอำนวยการและคณะทำงานทุกคณะ
เพื่อหารือในประเด็นการบริหารงานข่ายงานห้องสมุดมหาวิทยาลัยส่วนภูมิภาค
เพื่อแปลงแผนยุทธศาสตร์ไปสู่แผนปฏิบัติการแล้ว
ยังมีโอกาสได้พบปะแลกเปลี่ยนมุมมอง มุมคิดกับพี่ๆ น้องๆ หลากหน้า
จากทุกกลุ่มคณะทำงาน ที่บ้างก็คุ้นหน้าคุ้นตา บ้างก็เพิ่งเคยพบเจอกันเป็นครั้งแรก
การสัมมนาเริ่มพิธีเปิดโดย รศ.ดร. นายแพทย์ชัยเลิศ พิชิตพรชัย อธิการบดี มสธ.
ซึ่งก็เป็นไปตามปกติที่เราคุ้นเคย แต่สิ่งที่คาดว่าเป็นแม่เหล็กช่วยดึงดูด
รวมพลคนสัมมนาได้อย่างอุ่นหนาฝาคั่งคือกิจกรรมที่ตามมาหลังเสร็จสิ้นพิธีเปิด
นั่นคือการเดินทางไปศึกษาภูมิวัฒนธรรมเกาะเกร็ดแหล่งภูมิปัญญาเครื่องปั้นดินเผานนทบุรี
การทัศนะศึกษาครั้งนี้ชาวคณะเดินทางโดยรถยนต์จากปากเกร็ดไปยังเกาะเกร็ด
โดยมีปราชญ์ท้องถิ่นนนทบุรี คือ อ.พิศาล บุญผูก เป็นผู้บรรยายนำชม
สถานที่แห่งแรกที่เดินทางไปถึงในชุมชนชาวมอญ คือ วัดเตย ต.บางตะไนย์
วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 เมื่อ พ.ศ.2375
มีอุโบสถ ๒ หลัง ตั้งอยู่ตรงข้ามกัน หลังเก่าสร้างเมื่อ พ.ศ. 2440
ส่วนที่ชาวคณะได้เข้าไปเยี่ยมชมภายในเป็นอุโบสถหลังใหม่ที่เพิ่งสร้างไม่นานมานี้
อุโบสถหลังใหม่มีสิ่งที่น่าสนใจ คือ จิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างชั้นครู จากรั้วม.ศิลปากร
คือ ครูเทพเนรมิต จิตรกรรมไทย ท่านเป็นคนไทยเชื้อสายมอญ เกิดใกล้ๆ วัดคงคาราม อ.โพธาราม
วัดแห่งนี้ตั้งอยู่คนละฝั่งแม่น้ำแม่กลองกับวัดขนอนตำนานหนังใหญ่ของราชบุรี
และท่านเป็นผู้หนึ่งที่มีส่วนในการเริ่มต้นอนุรักษ์หนังใหญ่วัดขนอน
จิตรกรรมฝาผนังที่วัดเตยนี้ ท่านเป็นผู้ออกแบบ และเขียนภาพจิตรกรรมทั้งหมดโดยไม่คิดค่าแรง
ท่านเริ่มลงมือเขียนภาพมาตั้งแต่ พ.ศ. 2547 ใช้เวลามากกว่า 5 ปีในการเขียนภาพทั้งหมด
ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดแห่งนี้ในความรู้สึกส่วนตัวอิฉันว่า
เป็นงานจิตรกรรมไทยสมัยใหม่ที่มีสีสรรสดใสสวยงามมากแห่งหนึ่งเท่าที่เคยเห็นมา
แต่ด้วยเวลาที่ค่อนข้างจำกัดผนวกกับจำนวนเพื่อร่วมทางมากหน้าหลายตา
การฟัง การชมสิ่งต่างๆ จึงไม่ครบถ้วนกระบวนความนัก
อาศัยความงดงามจากสิ่งที่ประทับใจถ่ายทอดออกมาเป็นภาพถ่าย
และมาแสวงหาองค์เสริมจากอากู๋ จึงมีรูปพร้อมเรื่องมาฝากเพื่อนๆ ได้ชมพอประมาณ
จิตรกรรมฝาผนังที่ว่างดงามไล่เรียงจากภาพถ่ายที่บันทึกได้มีดังนี้
ผนังด้านหลังพระประธานเขียนรูปเจดีย์ชเวดากองปิดทองแท้ 100 %
มีเทพพนมและเหล่าเทวดาอยู่ด้านข้าง ด้านบนเขียนรูปวิมาน 5 ยอด
ส่วนผนังด้านตรงข้ามพระประธานเป็นผนังที่อิฉันจะเลยไปมิได้เชียว
เพราะผนังด้านนี้มีรูปเขียนพระปฐมเจดีย์ที่บ้านอิฉัน
เป็นรูปพระเจดีย์ปิดทองอร่ามสวยงามไม่แพ้เจดีย์ชเวดากอง
รายล้อมด้วยเทพชุมนุมด้านซ้ายและขวาประมาณ 5 แถวจนถึงเพดาน
ผนังด้านข้างทั้งซ้ายและขวาบริเวณเหนือบานหน้าต่างเขียนภาพเรือพระราชพิธี
ส่วนด้านล่างและบานหน้าต่างเขียนภาพพุทธประวัติตอนต่างๆ
ซึ่งอิฉันรู้จักบ้าง ไม่รู้จักบ้าง ด้วยไม่สันทัดกรณี ที่รู้จักแน่ๆ คือ
ตอนประสูติที่นำภาพมาฝากให้ชม และอีกภาพที่ไม่ทราบตอน
ซึ่งจริงแล้วการชมภาพจิตรกรรมฝาผนัง
ตามศาสนสถานจะมีชีวิตชีวามีคุณค่ามากขึ้นหากเรารู้ข้อมูลข้างหลังภาพ
ความงดงามในศาสนศิลป์ของอุโบสถหลังใหม่นี้ใช่จะมีเพียงภาพจิตรกรรมฝาผนัง
ด้วยระหว่างที่หันซ้ายหันขวาเดินพิจารณาภาพบนผนังอิฉันก็พบว่า
ฐานชุกชีพระประธานในอุโบสถหลังนี้งามไม่แพ้งานจิตรกรรมเลยทีเดียว
แต่ครั้นจะบรรยายความงามอันประจักษ์ด้วยตาถ่ายทอดเป็นคำบรรยาย
ก็เกินภูมิรู้อันมีอยู่น้อยนิด อากู๋จึงเป็นที่พึ่งและไม่ผิดหวัง
เพราะมีผู้ใช้นามแฝง “ตักบาตรถามพระ” เคยถ่ายถอดเรื่องราวไว้
เมื่อไล่เรียงข้อเขียนนั้นกับภาพที่ได้มาตรงหน้า
ความงดงามจึงบังเกิดอย่างเข้าอกเข้าใจซาบซึ้งยิ่งขึ้น
ฐานชุกชีนี้เป็นงานจำหลักไม้ปิดทอง มีผ้าทิพย์ประดับอยู่ด้านหน้า
ตัวฐานไล่เรียงตามลำดับประกอบด้วย ฐานเขียง ฐานปัทม์
แท่นยกชั้นแข้งสิงห์ย่อมุม 12 มีราชสีห์ คชสีห์ประกอบ
เหนือชั้นขึ้นไปมีครุฑยุดนาค เหนือขึ้นไปอีกชั้นเป็นเทพ
ชั้นบนสุดเป็นกลีบบัว มีเทพประจำกลีบๆ ละครึ่งองค์
นอกจากฐานชุกชีที่วิจิตรบรรจงแล้ว
ประตูอุโบสถก็งดงามไม่แพ้กัน
บานประตูทำจากไม้สัก
สูง 3 เมตร กว้าง 90 เซนติเมตร
แกะสลักลวดลายเป็นลายนูนสูง 2 ชั้น
รูปทวารบาลยืนแท่นถือช่อดอกไม้
มือขวาถือพระขรรค์
แต่น่าเสียดายที่บานประตูนี้
อิฉันไม่สามารถถ่ายภาพได้ทัน
เนื่องจากเมื่อเดินออกมาภายนอกอุโบสถ
ท่านเจ้าภาพได้เรียกรวมพลถ่ายรูปหมู่ใหญ่ๆ
จึงต้องขออนุญาตนำ
ภาพของคุณตักบาตรถามพระ
มาให้ชมไปพลาง
หลังจากนั้นชาวคณะได้เดินทางต่อโดยเรือโดยสาร 2 ชั้น ไปยังวัดปรมัยยิกาวาส
ขณะแล่นเรือผ่านสัญลักษณ์ของเกาะเกร็ดคือเจดีย์เอียงที่ตั้งเด่นอยู่ริมคุ้งน้ำ
บรรดาตากล้องน้อยใหญ่ต่างยิงสลุตเก็บภาพเป็นที่ระทึก เอ้ยยยย ระลึกกันเป็นระวิง
ไม่นานนักเรือโดยสารที่อิฉันเลือกใช้บริการชั้นบนก็พาคณะเดินทางมาถึงที่หมายใหม่
วัดแห่งที่ 2 คือวัดปรมัยยิกาวาส เดิมชื่อวัดปากอ่าว
เรียกภาษามอญว่า “เภี่ยมุเกี๊ยะเติ้ง” หมายถึงวัดหัวแหลม ซึ่งเป็นชื่อเดิมของเกาะเกร็ด
วัดแห่งนี้เป็นศูนย์กลางของชุมชนมอญตั้งแต่ปลายสมัยอยุธยา
สมัยรัชกาลที่ 5 เสด็จพระราชดำเนินมาหลายครั้ง และโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์ขึ้น
ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระเจ้าบรมมหัยยิกาเธอ กรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูร
พระอัยยิกาซึ่งอภิบาลพระองค์มาแต่ทรงพระเยาว์ การบูรณะใช้เวลานานถึง 10 ปี
โดยโปรดเกล้าฯ ให้สร้างอุโบสถใหม่ขึ้นอีก 1 หลัง และพระราชทานนามวัดว่า
วัดปรมัยยิกาวาส มีความหมายว่า วัดของพระบรมอัยยิกา
วัดแห่งนี้มีประเพณีสำคัญในวันออกพรรษา คือการถวายธูปในการตักบาตร
เรียกเป็นภาษามอญว่า “ชอนธูป” ซึ่งแตกต่างไปจากวัดแห่งอื่นๆ ที่มีประเพณีตักบาตรดอกไม้
แต่ในปัจจุบันมีการถวายทั้งธูปและดอกไม้ ขณะที่บางแห่งก็ยังคงถวายดอกไม้อย่างเดียว
ประเพณีที่สำคัญอีกประเพณีหนึ่ง คือ งานสงกรานต์ จะมีการทำข้าวแช่ แห่หงศ์-ธงตะขาบ
เล่นสะบ้า สรงน้ำพระภิกษุ สรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุและพระมหารามัญเจดีย์
อุโบสถวัดปรมัยยิกาวาสมีภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีพระหัตถ์ มจ.ประวิช ชุมสาย ศิษย์ขรัวอินโข่ง
ซึ่งรูปแบบและสีสรรของภาพจิตรกรรมออกแนวโบราณคลาสสิกต่างกับที่วัดเตย
แต่สิ่งที่งดงามไม่แพ้กันคือบานประตูอุโบสถแกะสลักลวดลายนูนสูง
นอกจากจิตรกรรมฝาผนังฝีมือจิตรกรเอกสมัยรัชกาลที่ 4 และบานประตูแกะสลักที่งดงามแล้ว
ด้านหน้าอุโบสถยังประดิษฐานพระพุทธรูปหินอ่อนซึ่งพระปฏิมากรซานซิวซูน
ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังมีโบราณวัตถุสมัยอยุธยาตอนปลาย
คือ พระพุทธไสยาสน์ ธรรมาสน์ และบุษบก และพระมหารามัญเจดีย์
ซึ่งพระพุทธไสยาสน์ที่วัดแห่งนี้มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของปากเกร็ด
เสร็จการเยี่ยมชมวัดปรมัยยิกาวาส ชาวคณะได้พากันกลับขึ้นเรือโดยสารเดินทางต่ออีกครั้ง
จุดหมายที่ 3 คือวัดไผ่ล้อม เมื่อมาถึงที่หมายสิ่งหนึ่งที่สะดุดตาคือ
บริเวณด้านหน้าของวัดมีสัญลักษณ์ของชาวมอญคือหงส์ตัวโตสีทองคู่ตั้งเด่นเป็นสง่า
มีหน้าบันพระอุโบสถที่จำหลักลวดลายดอกไม้ คันทวยและหัวเสาที่งดงาม
วัดโบราณแห่งนี้ชาวมอญเรียกว่า “เพี๊ยะโต้” สร้างขึ้นราวปลายสมัยอยุธยา
มีสถาปัตยกรรมอันเป็นอัตลักษณ์แห่งชนชาติมอญคือ
พระธาตุรามัญเจดีย์ฐานย่อมุมทรงโอคว่ำประดับลายปูนปั้น
และเสาหงส์ ซึ่งมีจำนวน 3 เสา และมีความแตกต่างในรูปแบบศิลปกรรมของตัวหงส์
คือ หงส์ตัวอวบอ้วนบนเสาด้านซ้ายเมื่อหันหน้าเข้าพระอุโบสถและเสาด้านหลังพระเจดีย์
เป็นศิลปะแบบมอญ ส่วนหงส์อรชรอ้อนแอ้นบนเสาด้านขวาพระอุโบสถเป็นศิลปะแบบไทย
เมื่อเดินลอดซุ้มกำแพงมาถึงด้านหน้าพระอุโบสถก็จะพบกับรูปพระแกะสลักจากไม้ทั้งองค์
มีป้ายบอกไว้ว่าพระอุปคุต ซึ่งอิฉันเองเพิ่งเคยเห็น หรืออาจจะเพิ่งเคยสังเกตพระปางนี้
คือนั่งแหงนหน้า มือซ้ายอุ้มบาตร มือขวาล้วงมือในบาตร ก็เกิดสงสัยในกิริยานั้น
หลังจากถามไถ่อากู๋จึงทราบว่าพระอุปคุตลักษณะนี้เรียกว่า ปางจกบาตรพิชิตมาร
และยังได้ทราบถึงความเชื่อในพุทธคุณของพระอุปคุตคือช่วยให้เกิดลาภผล
ความมั่งมี ขจัดภยันตราย และมีอิทธิฤทธิ์ขอฝนได้
อิฉันเดินลัดเลาะตาม สว.หลายท่านมาทางด้านหลังพระอุโบสถ
จึงมาพบเจดีย์สีทองเหลืองอร่ามอีกองค์ทราบว่าเป็นเจดีย์ชเวดากองจำลอง
ขณะที่เดินไปยังบริเวณรอบๆ อิฉันสังเกตหน้าบันรูปแปลกตา
จึงเก็บภาพมาถามอากู๋แต่ก็ยังหาข้อสรุปมิได้ ได้แต่เดาๆ ว่าน่าจะเป็น
รูปเทพนรสีห์ซึ่งเป็นสัตว์ผสมมีกายท่อนบนเป็นมนุษย์ท่อนล่างเป็นสิงห์
บางตำราก็ว่าท่อนล่างเป็นกวาง แต่อิฉันก็ไม่มั่นใจนักด้วยภาพที่พบ
มีกายท่อนล่างเพียง 1 เดียว แต่หน้าบันนี้มีกายท่อนล่างแยกเป็น 2
นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังมีหอระฆังที่สามารถขึ้นชมทัศนียภาพมุมสูง
ทั้งบริเวณภายในวัดและแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างงดงาม
แต่น่าเสียดายสำหรับสาวๆ เพราะอนุญาตขึ้นได้เฉพาะสุภาพบุรุษเท่านั้น
ละมาจากวัดไผ่ล้อมระหว่างทางเดินจะไปยังวัดเสาธงทอง
ชาวคณะได้มีโอกาสเดินชมบ้านเรือนสองข้างทางที่ส่วนหนึ่งเป็นบ้านพักอาศัย
บางส่วนปรับแปลงเป็นร้านรวงต่างๆ ซึ่งจะเปิดกันเต็มที่ก็เฉพาะในวันหยุด
เพื่อต้อนรับผู้มาเยือนจากต่างถิ่นคณะของเราจึงพลาดโอกาสอย่างน่าเสียดาย
วัดเสาธงทองเป็นวัดโบราณสมัยอยุธยาตอนปลายอีกเช่นกัน
เดิมเรียกชื่อว่า วัดสวนหมาก คนมอญเรียกว่า เพ๊ยะอาล๊าต(วัดตะวันตก)
ต่อมาปลายสมัยรัชกาลที่ 4 เจ้าจอมมารดาอำภา เจ้าจอมในสมัยรัชกาลที่ 2
ได้บูรณะวัดขึ้นซึ่งในเวลานั้นไม่มีต้นหมากแล้วจึงเปลี่ยนชื่อเป็นวัดเสาธงทอง
วัดแห่งนี้มีเจดีย์ขนาดใหญ่สูงที่สุดในปากเกร็ดเป็นเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองศิลปะอยุธยา
ตั้งอยู่ด้านหลังพระอุโบสถ มีเจดีย์บริวารล้อมรอบ 12 องค์
ด้านข้างพระอุโบสถยังมีเจดีย์อีก 2 องค์ องค์หนึ่งเป็นเจดีย์ทรงระฆัง
อีกองค์เป็นเจดีย์ทรงกลีบมะเฟืองซึ่งอยู่ระหว่างการบูรณะ อิฉันเห็นแปลกตาจึงเก็บภาพมาฝาก
แต่กลับไม่ทันบันทึกภาพงามๆ ของจุดสำคัญในการเยี่ยมชมคือต้นยางใหญ่
ที่ว่ากันว่าเป็นต้นยางที่ใหญ่ที่สุดในนนทบุรีมีอายุกว่า 200 ปี
จึงขออนุญาตนำภาพจากทัวร์ออนไทยคอทคอมซึ่งชัดเจนในความใหญ่จริงมาให้ชมไปพลาง
จากวัดเสาธงทอง
คณะเดินทางต่อโดยเรือโดยสาร
สัมผัสเจ้าพระยาตอนอ้อมเกร็ดซึ่งมีทั้ง
ชุมชนมอญ ไทยพุทธ และมุสลิม อยู่ร่วมกันมาช้านาน
การเดินทางครั้งนี้นอกจากจะได้แลเห็น
ศาสนสถานหลากเชื้อชาติหลายแห่ง
ทั้งวัดมอญ วัดไทย ตลอดจนมัสยิดท่าอิฐ
ที่งามสง่าและสูงที่สุดในจังหวัดนนทบุรี
ยังได้แลเห็นบ้านเรือนริมน้ำของชาวเกาะเกร็ด
ซึ่งมีลักษณะของการตั้งบ้านเรือนที่แตกต่างกันไปตามกลุ่มชน เช่น
ชาวมอญมักจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่มๆ ขณะที่ชาวไทยจะปลูกเรือนห่างๆ กัน
นอกจากนี้ยังมีโรงสีข้าวที่ทิ้งร่องรอยแห่งอดีตให้เราได้สัมผัสในวิถีชีวิตของชุมชน
เรือโดยสารยังคงพาคณะลอยล่อง
ดื่มด่ำทิวทัศน์สองฝั่งเจ้าพระยา
ขณะที่แสงสีทองลำสุดท้ายของ
ดวงอาทิตย์ใกล้จะลาลับขอบฟ้า
โทรศัพท์สารพัดนึกในมืออิฉัน
ก็ยังคงยิงภาพช็อตต่อช็อต
ขณะเดียวกับที่กระเพาะน้อยๆ ของอิฉัน
เริ่มครวญครางเบาๆ
………
เชื่อว่าใครๆ อีกหลายคน
ก็คงเริ่มมีอาการไม่ต่างกัน
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่เรือโดยสารก็มาถึงยังจุดหมายสุดท้ายของการเดินทาง
“สวนเกร็ดพุทธ” สถานที่ที่สุภาพสตรีชาวเกาะเกร็ดท่านหนึ่งได้สร้างขึ้นเพื่อรองรับผู้มาเยือน
ให้ได้มีโอกาสสัมผัสถึงวิถีชีวิตดั้งเดิมของชุมชน 3 เชื้อชาติ บนเกาะเกร็ด
ด้วยการชมการสาธิต ชมการแสดง ตลอดจนมีส่วนร่วมแสดงฝีมือ
ในวิถีชีวิตด้านต่างๆ อาทิ การสานเข่งปลาทู การทำพวงมะโหด
ก่อนที่จะร่วมกันรับประทานอาหารเย็นแบบสบายๆ ท่ามกลาง
บรรยากาศแบบสวนธรรมชาติ พร้อมชมการแสดงพื้นบ้านเกาะเกร็ด
ก่อนจากลาชุมชนชาวมอญที่อิฉันมีเพียงเสี้ยวเล็กๆ แห่งชนชาติในตัวตน
เพราะหากนับจากทวดหญิงที่แม่อิฉันเรียกว่ายายยาแล้ว
ลงมาถึงรุ่นยายก็แทบไม่เคยสัมผัสถึงวิถีชีวิตแบบมอญสักเท่าใด
คงมีเพียงได้ยินยายส่งภาษาบ้างกับแม่ของน้องเขยซึ่งมีเชื้อสายมอญบางเลน
ในยามที่ผู้เฒ่าเขาเปรี้ยวปากอยากทักทายกันด้วยภาษามอญ
ซึ่ง ณ วันเวลานั้นความสนใจใคร่รู้ในเรื่องวัฒนธรรมประเพณีมอญ
ยังมิได้เกิดขึ้นเลยในความคิดของอิฉัน
และเมื่อมาถึงวันนี้โอกาสก็สูญไปแล้วโดยสิ้นเชิง
ด้วยทั้งสองท่านไปเฝ้าพระศรีอารย์แต่นานหลายปีแล้ว
เจดีย์เอียงยามพลบค่ำงามแปลกตาไปอีกแบบ…ว่ามั้ยคะท่านผู้ชม ^__^
————————–
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก
- ชยุต (Pc), นามแฝง. (2550). สุขภาพกายสุขภาพใจและสิ่งแวดล้อม ตอน ๑ : ความเห็นที่ 50-60.
เข้าถึงเมื่อ 26 กรกฎาคม. เข้าถึงได้จาก http://www.thaimtb.com/cgi-bin/viewkatoo.pl?id=136479&st=31
- ชยุต (Pc), นามแฝง. (2550). สุขภาพกายสุขภาพใจและสิ่งแวดล้อม ตอน ๑ : ความเห็นที่ 61-69.
เข้าถึงเมื่อ 26 กรกฎาคม. เข้าถึงได้จาก http://www.thaimtb.com/cgi-bin/viewkatoo.pl?id=136479&st=61
- ตักบาตรถามพระ, นามแฝง. (2552). วัดเตย นนทบุรี. เข้าถึงเมื่อ 26 กรกฎาคม.
เข้าถึงได้จาก http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=27889
- ทัวร์ออนไทยคอทคอม. (2552). วัดเสาธงทอง. เข้าถึงเมื่อ 27 กรกฎาคม.
เข้าถึงได้จาก http://m.touronthai.com/placeview.php?place_id=24000018
One thought on “เที่ยวล่อง…ท่องเกาะเกร็ด”
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.
จิตรกรรมฝาผนังสวยมากๆ