ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง
ช่วงนี้และที่ผ่านมาได้รับทราบข่าวสารจากสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดกับเกษตรกรไทย ล่าสุดก็เรื่องข้าว น่าแปลกใจที่คนไทยซื้อข้าวกินทุกวันแต่ชาวกลับขายข้าวไม่ได้เงิน!!!
หากพิจารณาดูดีดีจะพบว่า ทุกสิ่งในโลกจะมีวัฏจักร กลไก กระบวนการ เกี้อกุลกันได้อย่างลงตัวจึงจะอยู่รอดปลอดภัยได้ ไม่มีมนุษย์คนไหนในโลกที่จะอยู่รอดตามลำพังได้ด้วยตัวคนเดียวโดยไม่พึ่งพาคนอื่น ทุกคนมีหน้าที่หรืออาชีพของตนเองที่้ต้องทำตามความชำนาญของแต่ละคน แล้วส่งต่อให้กับผู้ที่มีอาชีพในลำดับถัดไป เช่น ชาวนามีหน้าที่ปลูกข้าว ส่งต่อข้าวที่ปลูกได้ให้กับท่าข้าว ท่าข้าวส่งต่อให้โรงสี โรงสีส่งต่อให้กับพ่อค้าคนกลาง พ่อค้าคนกลางส่งต่อให้พ่อค้าปลีก พ่อค้าปลีกส่งต่อให้กับผู้บริโภคลำดับสุดท้ายคือพวกเรา ซึ่งแต่ละฝ่ายก็มีความชำนาญ มีบุคลากรที่ประกอบการอยู่จำนวนมาก เป็นการส่งเสริมให้ทุกฝ่ายมีงานทำ มีกินมีใช้ ซึ่งราคาของสินค้ากว่าจะถึงมือผู้บริโภคขั้นสุดท้ายก็ต้องบวกค่าต้นทุน และกำไรในแต่ละช่วงอาชีพมาด้วย ทำให้มีราคาสูงขึ้น แต่ในแต่ละช่วงอาชีพก็จะมีความชำนาญและเวลามากพอที่จะผลิตหรือทำผลงานในส่วนของตนให้มีปริมาณและคุณภาพที่ดีได้
หากเราไม่ต้องการใช้สินค้าทุกชนิดที่มีราคาแพง เราต้องผลิตเอง ใช้เอง เราอาจไม่ต้องผลิตเองทุกอย่างที่เราอุปโภคและบริโภค เลือกทำในสิ่งที่เราทำได้และไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยากมากนัก จึงนึกย้อนไปถึงการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ให้แบ่งพื้นที่เป็นส่วน ๆ แบ่งเป็นที่อยู่อาศัย เป็นที่ปลูกข้าว เป็นที่เลี้ยงสัตว์ เป็นที่ปลูกผักสวนครัว เป็นที่ขุดเป็นบ่อน้ำไว้ใช้และเลี้ยงปลาได้ด้วย เราจะได้กินของที่เรามี ไม่ต้องซื้อหามามากนัก เป็นการประหยัดรายจ่าย หากเหลือก็นำไปขายเพื่อมีเงินมาซื้อสิ่งที่เราผลิตเองไม่ได้ หรื่อใช้จ่ายเป็นทุนในการผลิตทางด้านกสิกรรมต่อไป
แต่ในการใช้ชีวิตของคนเมืองอย่างเราเรา เราจะทำตามเกษตรทฤษฎีใหม่ในด้านเกษตรกรรมได้ไม่มากนัก เพราะด้วยปัจจัยด้านอาชีพ เวลา และสถานที่อยู่อาศัย สิ่งที่เราพอจะทำได้ด้วยตัวเองเพื่อประหยัดรายจ่ายของเราได้คือ การผลิตสิ่งที่เราต้องใช้ประจำวัน เช่น สบู่ น้ำยาล้างจาน ยาสระผม เป็นต้น
ในการจัดงานทับแก้วบุ๊คแฟร์ ครั้งที่ 8 ระหว่างวันที่ 13-19 มกราคม 2557 หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์และสถาบันวิจัยและพัฒนาจึงได้เชิญศูนย์ปราชญ์ชาวบ้านดอนผิงแดด จังหวัดเพชรบุรี มาสาธิตการทำสบู่ก้อน และน้ำยาอเนกประสงค์สำหรับใช้ล้างจาน ล้างรถ ถูบ้าน เพื่อให้ผู้ร่วมงานทับแก้วบุ๊คแฟร์สามารถทำใช้เองได้ โดยมีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก ต้นทุนไม่แพงและยังปลอดภัยอีกด้วย
การทำสบู่ก้อนเราจะใช้กรีเซอรีน 1 กิโลกรัม ตุ๋นจนละลาย (การตุ๋น จะใช้หม้อ 2 ใบซ้อนกัน ใบแรกใส่น้ำวางบนเตา ใบที่สองใส่กรีเซอรีนแล้ววางซ้อนหม้อใบแรก) แล้วใส่น้ำมันมะพร้าวและน้ำผึ้งอย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ นำหมักประคำดีควาย 5 ช้อนโต๊ะ ผงถ่านหรือน้ำมะขามเปียกเล็กน้อย คนให้เข้ากันแล้วเทใส่พิมพ์ ทิ้งไว้ให้แห้งแล้วนำมาใช้ได้
การทำน้ำยาอเนกประสงค์ ใช้น้ำยา N70 ประมาณ 1 กิโลกรัม ใส่น้ำเล็กน้อยคนให้เข้ากันจนเป็นสีขาวนวล ใส่ผงข้นหรือเกลือเล็กน้อย คนไปเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันก็ค่อย ๆ เติมน้ำไปเรื่อย ๆ โดยจะใช้น้ำทั้งหมดประมาณ 15 ลิตร เมื่อเข้ากันดีแล้วก็ใช้ได้
การทำยาสระผมเพื่อขจัดรังแค ใช้มะกรูดหั่นเป็นชิ้นนำไปต้มให้เปี่อยแล้วนำไปปั่นผสมน้ำต้มต้นเหงือกปลาหมอ เป็นอันใช้ได้
สมุนไพรต่าง ๆ ที่อยู่ในละแวกบ้านเรามีมากมายซึ่งสามารถนำมาดัดแปลงใช้ในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เราทำได้ เช่น มะกรูด มะนาว ขมิ้น เป็นต้น ซึ่งในมหาวิทยาลัยศิลปากร พระราชวังสนามจันทร์ก็มีต้นเหงือกปลาหมอ ขึ้นอยู่ข้างถนนใกล้กับคณะวิทยาศาสตร์ มีสรรพคุณทางยาแก้โรคได้หลายชนิด
หากเราใช้ชีวิตอย่างพอเพียง รู้จักกิน รู้จักใช้ของที่มีประโยชน์ ไม่ฟุ่มเฟือย มีรายรับมากกว่ารายจ่าย ก็จะมีชีวิตอย่างมีความสุขนะคะ