ไปไกลถึงลำปาง
เมื่อวันที่ 8-10 กรกฎาคม 2556 ที่ผ่านมานี้ทาง สำนักอุทยานการเรียนรู้ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์กรมหาชน) หรือ TK Park ร่วมกับ เทศบาลนครลำปาง และมูลนิธิ นิยม ปัทมะเสวี จัดอบรมเชิงปฏิบัติการบรรณารักษ์และการจัดการเรียนการสอนเพื่อการพัฒนาเด็กปฐมวัย ณ ห้องเวียงพนา โรงแรมลำปางเวียงทอง อ.เมือง จังหวัดลำปาง ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านบริหารจัดการห้องสมุดมีชีวิต โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้บรรณารักษ์หรือผู้ปฏิบัติงานห้องสมุดของหน่วยงานและเครือข่ายได้เพิ่มพูนแนวคิด แนวทางในการบริหารจัดการห้องสมุดมีชีวิตและการจัดการเรียนการสอนเพื่อการพัฒนาเด็กปฐมวัย ทักษะด้านต่างๆ ในห้องสมุดมีชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเพื่อเป็นแม่ข่ายในการส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ด้วยกระบวนการห้องสมุดทันสมัยและกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน สำหรับเยาวชนและประชาชนในท้องถิ่น รวมร้อยกว่าชีวิต
งานนี้ TK park ชักชวนดิฉันให้ไปพูดเรื่องการอ่านที่ “ลำปาง” ผู้ประสานงานบอกว่าให้พูดแล้วให้เกิดไอเดีย และขอให้ตั้งชื่อ ครั้งแรกให้ชื่อว่า “ปรับใจ” แต่ไม่ผ่าน เพราะนอกจากสั้นไปแล้ว หัวข้ออ่านแล้วให้ความรู้สึกหนักไปทางหดหู่ จึงขอให้ตั้งใหม่ จึงตั้งไปว่า “ห้องสมุดมีชีวิต บรรณารักษ์มีชีวา” ครั้งนี้ผ่านค่ะ … สไลด์แรกของชุดแรกมีน้องๆเป็นดารา
ขอเล่าเรื่องเวลาที่ติดต่อและการลงไปทำงานจริงคือ เริ่มตั้งแต่ ทาบทามรอบแรก 21 มิ.ย.56 กำหนดหัวข้อวันที่ มิ.ย.56 ส่งสไลด์ 3 ก.ค.56 เดินทาง 7 ก.ค.56 พูดจริงบ่ายๆวันที่ 8 ก.ค.56 …. ทุกครั้งที่มีเรื่องแบบนี้ดิฉันมักนึกถึงอมตะวาจาของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ที่บอกว่า “พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว” กับวิทยากรท่านหนึ่งที่เสียดายว่าจำชื่อไม่ได้ จำได้แต่ว่ามาจากปูนซิเมนต์ไทย เมื่อครั้งไปเข้าสัมมนาที่ภูเก็ตว่า หากคุณอยู่ในองค์กรคุณต้องพร้อมกับคำว่า “ready to go”
คำพูดของท่านแรกศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้จากการอ่านประเมื่อครั้งมาทำงานที่นี่ใหม่ ด้วยความที่ไม่รู้จักศิลปากร จึงอยากรู้ให้มากขึ้น หนังสือที่เลือกมากอ่านคือประวัติของท่าน กับหนังสือรุ่น โดยเฉพาะของคณะอักษรศาสตร์ เพราะสวยดี พออ่านก็จะจำชื่ออาจารย์ นึกถึงว่าท่านดังด้านไหน อ๋อท่านนี้เก๋งเรือ่งละคร ท่านนั้นเขียนหนังสือ ท่านโน้นเคยได้ยินชื่อ หรือใครที่เป็นศิษย์เก่า เพื่อนพี่เรา เพื่อนของเพื่อน เพื่อนเรา อาจารญืของอาจารย์เรา อะไรแบบนี้ นอกจากจะได้เรื่องพื้นฐาน แนวคิด รากเหง้า ความเป็นมาและเป็นไปอย่างไร สิ่งที่ได้ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งถึงปัจจุบันคือทำให้คุยและสื่อสาร หลายคนยังผูกพันและให้ความเกื้อนหนุนมาถึงปัจจุบัน สมัยก่อนถ้อยคำแบบนี้มักอยู่ในหนังสือที่ระลึกของมหาวิทยาลัยและหนังสือรุ่น ระยะหลังๆ ถึงจะมีการนำถ้อยคำออกมาเผยแพร่ให้เตือนใจ สำหรับตัวเองแล้วการตลุยอ่านเยอะๆ ทำให้เข้าใจอะไรมากขึ้น มากกว่าการอ่าน key word เพราะมีความเชื่อว่าเมื่ออ่านมาก เข้าใจมากจะทำให้เราเห็นภาพชัดเจน ว่าคนรุ่นเก่ามีชีวิต คิด ได้ประสบการณ์อะไรบ้าง จึงตกผลึกคำพูดที่เป็นแนวคิดให้รุ่นหลังได้ฉุกคิด และเราควรนำมาปรับใช้กับบริบทของเราได้อย่างไร สำหรับเรื่อง “ready to go” เรื่องนี้พูดไว้เยอะ นั้นมิได้หมายความเฉพาะเรื่องการเดินทางแต่เพียงอย่างเดียว “กล้าที่จะก้าว” น่าจะมีความหมายที่กว้างไกลไปกว่านั้น รวมทั้งต้องทำความชัดเจนหากเราจะไม่ “ก้าว”
ส่วนการเดินทางน้องที่ TK บอกว่าจองตั๋วให้แล้ว พอไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ก็แค่เลยเอาบัตรประชาชนไปเช็คอิน พอไปถึงสนามบินก็อมีรถตู้ไปรับเข้าที่พัก ส่วนขากลับก็เช่นเดียวกัน ส่วนกระเป๋าเดินทางเป้นแค่เป้ใบเดียว เครื่องประทิ่นโฉมทั้งหลายใช้แบบซองเล็กๆ ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับจากคุณพี่ติ๋วและคุณพี่จุ๋มที่ไปเกาหลี เพราะบอกว่าไม่เอาอะไรนอกจากซองๆที่พี่จะได้มานั้น หนูขอท้างงงหมดค่ะ…
ใช้เวลาพูดทั้งหมดสามชั่วโมง จึงแบ่งออกเป็น 2 ชุด ชุดแรกพูดเรื่องแนวคิดกัน (ซึ่งชวนง่วงนอน) หลังจากที่ refreshment ด้วยการดื่ม ชากาแฟและขนมกันแล้ว เป็นสไลด์ชุดที่ 2 เรื่องไอเดียและประสบการณ์ในของการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน ถามว่าพูดว่าอย่างไรบ้าง บอกสั้นๆ ว่าเป็นเรื่องที่พูดกันในห้องสมุดอยู่เนื่องๆ ว่าหน้าตาของการส่งเสริมการอ่านที่ต้องทำควบค่กับหนังสืออย่างไร และจะไปบูรณาการอย่างไรกับหัวข้อที่เราตั้งใจไว้ เช่น อาเซียน หรืออื่นๆ การตั้งมั่นในเรื่องการ “อ่าน” การมองให้เข้าใจถึงเรื่องกิจกรรม “เสริม” ว่าต้องมาเสริมและประสานกันอย่างลงตัว อย่าเผลอให้กิจกรรม “เสริม” เป็นภารกิจหลัก เพราะพอทำไปนานๆเข้า ชักลืมแฮะว่าเรากำลังทำอะไร การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การยอมรับ การแบ่งปัน ฯลฯ หน้าตาสไลด์มีสาวสวยสองคนเป็นแบบค่ะ
พอพูดจบแทบสลบเหมือนๆกับน้องทีมงานซึ่งฝ่ายนั้นตรากตรำกันหมาหลายงาน ส่วนตัวเองเป็นงานที่ต้องใช้พลังมาก และเป็นคนที่มักไม่ค่อยพูดตามบทที่ตั้งใจไว้ มักพรั่งพรูออกมาตอนนั้น และยังต้องส่งพลังอกไป เพราะกลัวหลับ .. เข้าใจเลยว่าเวลาเราดู The Star แล้วที่กรรมการบอกว่าส่งอารมณ์ไม่ถึงน่ะเป็นอย่างไร ในข่าวที่ ปชส. ใช้รูปนี้ค่ะ สไลด์นี้พูดประมาณว่าเราต้องรัก แสร้งรัก และทำเป็นรัก เพราะโลกนี้ไม่มีใคร perfect …
วันรุ่งขึ้นก่อนกลับได้มีโอกาสฟังเรื่องความคิดสร้างสรรค์ในงานห้องสมุด โดยอาจารย์ธงชัย โรจน์กังสดาล ซึ่งพวกเราน่าจะจำอาจารยืได้ เพระาอาจารย์มาสอนเรื่องเทคนิคการจำ รายการช่วงนี้เราอยากฟังมากที่สุด เลยขออนุญาตเจ้าภาพอยู่ต่อ … ฟังแล้วคิดว่าหากมีโอกาสก็อยากเชิญอาจารย์มาอีกครั้งหนึ่ง
ไปแล้วทำให้เห็นวิธีการทำงานของที่นั่น มีโอกาสได้คุยกับผู้จัดการมูลนิธิปัทมเสวี ที่เป็นเจ้าภาพร่วมในการทำงานบริการชุมชน บางเรื่องย้ำให้เรามั่นใจในการทำงาน บางเรื่องเป็นความคิดใหม่ ฯลฯ
และในที่สุดก็ได้ไปตลาดกองต้าไปๆ กับๆ ทั้งกลางวันกลางคืน หลังจากที่ได้ไปแบบแผล่บๆ
หลังจากพูดแล้วมีอาจารย์มาขอบคุณๆ บอกว่าชอบมาก 555 หนึ่งราย และเมื่อสัปดาห์ก่อนไปพบพี่ที่ TK พี่เล่าว่ามีการอบรมอีกครั้ง มีคุณครูบอกว่าชอบมาก อิอิ …. พอฟังดูแล้วขอบอกว่า “FIN”
ขอขอบคูณ ดร.ทัศนัย วงศ์พิเศษกุล ผู้อำนวยการ TKpark อุทยานการเรียนรู้ ผู้น่ารักและนับถือ ที่ให้ความกรุณาให้เราไปถึงที่โน่น ขอบคุณน้องวาย เมฆินทร์ ลิขิตบุญฤทธิ์ บล๊อกเกอร์ผู้โด่งดัง และน้องๆ ทุกคนที่นั่นที่เป็นเพื่อนคุย จัดการและดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี รวมทั้งในฝ่ายของเรา ขอบคุณพี่แมว ที่ไม่เคยขัดสักครั้งเมื่่อเราต้องไปพูดที่ไหนเช่นเดียวกับผู้อำนวยการ และสุดท้ายขอบคุณพี่ๆน้องๆ ที่อยู่เป็นธุระทำงานดูแลในฝ่ายเป็นอย่างดี … น่ารักง่ะ