ความสุขอยู่หนใด
The International Day of Happiness 20 March = วันความสุขสากล
กระแสความสุขในการทำงานมาแรงเหลือเกินหลังจากที่หอสมุดฯ ได้จัดการสัมมนาในหัวข้อ “งานสนุก สุขสร้างได้” จนเกิดบล็อกเกี่ยวกับการสัมมนาครั้งนี้ตามมามากมาย แสดงว่าพวกเราต่างแสวงหา “ความสุข” ในองค์กร
ป้ายโฆษณาหนึ่งที่เราท่านอาจเคยพบกันมาแล้วบ้างนั่นคือ “วันสุข” ที่พ้องเสียงจาก “วันศุกร์” ที่คาดหวังวันไหนๆ ก็มีความสุขได้
เรื่อง “วันสุข” นี้ที่ประชุมสหประชาชาติหรือยูเอ็น เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2555 ได้กำหนดให้วันที่ 20 มีนาคม ของทุกปีเป็นวัน “ความสุขสากล” หรือ “The International Day of Happiness” โดยมีแนวคิดริเริ่มมาจากต้นแบบความคิดของประเทศภูฏาน ซึ่งวัดความรุ่งเรืองของชาติและความสำเร็จทางสังคม หรือดัชนีมวลรวมความสุข หรือ Gross National Happiness (GHN) โดยที่การวัดค่าดังกล่าวไม่ได้นำการใช้เศรษฐกิจหรือความร่ำรวยทางวัตถุมาเป็นตัวตัดสินการพัฒนาแต่มององค์รวมว่าจิตใจที่ดีของประชาชนและชุมชนนั้นเป็นสิ่งสำคัญ
ยูเอ็นระบุว่า ประเทศไทยมีความสุขอยู่ในลำดับที่ 52 ของโลก สิงคโปร์อยู่ลำดับที่ 33 และมาเลเซีย อยู่ที่ลำดับ 51 ระดับความสุขของประเทศไทยในอาเซียนอยู่อันดับที่ 3 ยูเอ็นได้สำรวจและจัดระดับความมีอารมณ์ดีให้ประเทศไทยเป็นลำดับที่ 8 ของโลก
ปัจจัยความสุขที่สำคัญของทุกประเทศทั่วโลก ได้แก่ รายได้ การมีงานทำ ความสัมพันธ์ที่ดี และความไว้วางใจกันในชุมชน การมีค่านิยมที่เอื้อต่อความสุขและศาสนา สุขภาพกาย สุขภาพจิต ความสัมพันธ์ในครอบครัว การศึกษา และความเท่าเทียมทางเพศและสังคม
จากการสำรวจข้อมูลความสุขของคนไทยพบว่า จังหวัดที่มีความสุขมาก 5 อันดับแรกได้แก่ นครพนม พิจิตร ตรัง ชัยภูมิ และกระบี่ จังหวัดที่มีความสุขน้อยที่สุด 5 อันดับคือ สมุทรสงคราม สระแก้ว ภูเก็ต หนองคาย และกาญจนบุรี ส่วนกรุงเทพฯ มีความสุขน้อยเพราะความขัดแย้งทางการเมืองและการไม่มีเวลาอยู่กับครอบครัว ส่วนนครพนมมีความสุขสูงเพราะมีรายได้ระดับปานกลางและมีความมั่นคงด้านครอบครัวสูง
จาก ว.วิทยาศาสตร์ 67, 2 (มี.ค.-เม.ย. 2556) : 1