หนังสือเล่มนี้ไม่ใหม่นัก แต่พอดีลูกชายหยิบมาวางที่โต๊ะทำงานหลายวันแล้ว ตั้งใจจะเก็บไปคืนที่ชั้น แต่ดูแล้วน่าสนใจ จึงอดเอามาแนะนำต่อไม่ได้..
ชื่อเรื่อง :  The world’s heritage : a complete guide to the most extraordinary places
จัดทำโดย :  Unesco     พิมพ์เมื่อ :   2009     จำนวนหน้า  :  840  หน้า
เลขเรียกหนังสือ  :  G 140.5 W67
เวลาจะอ่านหนังสือทีมีลักษณะเป็นคู่มือ หรือแหล่งอ้างอิงแบบนี้  ต้องหา How to use this book อ่านก่อนเลยว่า จะใช้หนังสือเล่มนี้อย่างไร  เมื่อเข้าใจแล้วจะทำให้สามารถใช้หนังสือได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างเช่นเล่มนี้ ผู้อ่านคิดไว้ก่อนเลยว่า อยากดู world’s heritage ของประเทศในอาเซียน  เมื่ออ่าน how to use จึงพบว่า หนังสือเล่มนี้ได้มีการจัดเนื้อหา รูปหน้า  ไว้อย่างเป็นระบบ จากการเปิดดูเร็วๆ ครั้งแรกสงสัยว่า ทำไมเขาไม่เรียงประเทศน๊า เราจะได้ดูทีละประเทศ แต่ในหนังสือกลับแบ่งลักษณะของสถานที่ต่าง ๆ ไปตามลักษณะของสถานที่นั้น ๆ ใส่กรอบแต่ละสถานที่ด้วยกรอบสี 3 สี คือสีแดง สีเขียว และสีน้ำเงิน ส่วนการแบ่งเป็นประเทศไปอยู่ในส่วน Index ท้ายเล่ม
Red band  คือ สถานที่ที่เป็น มรดกทางวัฒนธรรม
Green band คือ สถานที่ที่เป็นมรดกทางธรรมชาติ
Blue band คือ สถานที่ที่เป็นมรดกแบบผสมผสาน
ในแต่ละกรอบประกอบไปด้วย ชื่อสถานที่, สรุปย่อความสำคัญของสถานที่ เช่น เป็น Human creative genius, Natural phenomena or beauty เป็นต้น มีแผนที่, ปีที่ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลก, ภาพประกอบ, ข้อมูลหลักเกี่ยวกับสถานที่นั้น และข้อมูลอธิบายเพิ่มเติมจากข้อมูลหลัก
ประเทศในอาเซียนส่วนใหญ่เป็นประเทศเก่าแก่มีรากเหง้าอยู่ มีอารยธรรมมากมาย หากไม่หลงใหลไปกับวัตถุนิยมสมัยใหม่แล้ว ประเทศในแถบอาเซียนเรายังน่าศึกษา น่าชมไม่น้อยเลย ลองมาดูสถานที่สำคัญๆ ที่ UNESCO ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกให้กับประเทศในอาเซียนกัน เริ่มจากประเทศของเรา
ประเทศไทย  มี  เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัย,  แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง,  อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา,  เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร-ห้วยขาแข้ง และ ป่าเขาใหญ่-ดงพญาเย็น
ประเทศกัมพูชา  มี  นครวัด  และเขาพระวิหาร
ประเทศเมียนมาร์  ไม่มีสถานทีขี้นมรดกโลก
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว   มี ปราสาทหินวัดพู และ หลวงพระบาง
ประเทศเวียดนาม มี อุทยานแห่งชาติฟง งา เค บัง, สถานที่ศักดิ์สิทธิ์หมีเซิน, เมืองโบราณฮอยอัน, เมืองเว้, ป้อมปราการของราชวงศ์โห่, ป้อมปราการหลวงทังล็อง,  และ อ่าวฮาลอง
ประเทศมาเลเซีย มี อุทยานคินาบาลู, อุทยานแห่งชาติกุนุงมูลู, เมืองเลงกอง, เมือง George Town
ประเทศสิงค์โปร์  ไม่มีสถานทีขี้นมรดกโลก
ประเทศบรูไน ดาลุสลาม  ไม่มีสถานทีขี้นมรดกโลก
ประเทศฟิลิปปินส์  มี อุทยานแห่งชาติแม่น้ำใต้ดินปวยโต-ปรินเซซา, อุทยานปะการังทางทะเลทุบบาตาฮะ, โบสถ์บาโรค,  นาขั้นบันไดแห่งเทือกเขาฟิลิปปินส์ และ  เมืองประวัติศาสตร์วีกัน
ประเทศอินโดนีเซีย  มี  อุทยานแห่งชาติลอเรนซ์, กลุ่มวัดพรัมบานัน,  อุทยานแห่งชาติโคโมโด,  อุทยานแห่งชาติอูจุงกูลอน, แหล่งมนุษย์ยุคเริ่มแรกซังงีรัน,  มหาสถูปบุโรพุทโธ และ ผืนป่าเขตร้อนชื้นแห่งเกาะสุมาตรา
ผู้อ่านกับลูกมีโอกาสได้ไปเห็นมรดกโลกมาบ้างแล้ว แต่ยังถือว่าน้อยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย ยังเห็นไม่หมดเลย ต้องพยายามหาโอกาสไปให้มากที่สุดซะแล้ว