ไคเซ็น
พักนี้เพื่อนๆ ในวงการทั้งเหนือ ใต้และอีสานบอกว่าต้องเข้าอบรมเรื่องไคเซ็น จนรู้สึกว่าตัวเราผิดปรกติไปรึป่าว
มีความรู้สึกว่าทำไมจึงฮิตนำกลับมาอีกครั้ง จำได้ว่าเคยอ่านหนังสือเรื่องนี้นานหลายปีทีเดียว สมัยที่ตัวเองฮิตอ่านเรื่องเกี่ยวกับการประกันคุณภาพการพัฒนางาน
เป็นบรรณารักษ์ต้องอ่านมากหน่อย เพราะมักทำอะไรที่นอกเหนือจากวิชาชีพ น่าอิจฉาคนที่เรียนมา เพราะคงไม่ต้องอ่านอะไร พอได้ทำเรื่องแบบนี้ก็ดูว่าเฉลียวฉลาด ทำได้ คิดได้ วิจารณ์น่าฟัง ฟังจนเคลิ้ม ต่อจากไคเซน ก็มาเป็น ลีน เราอ่านจนตาโปนเช่นกันหนังสือที่สั่งจากค่ายวิศวกรรมศาสตร์มีพอสมควร
โลกในการทำงานมีศัพท์แสงทางทฤษฎีมาหมุนรอบตัวเราอย่างอื้ออึง จนต้องปลีกวิวเวกพออ่านไปอ่านมาก็พูดอยู่สองเรื่องคือคนกับการพัฒนางาน
หนังสือที่ฮิตที่คนที่สนใจเรื่องนี้ต้องอ่านคือเรื่อง ไคเซ็นตามวิถีโตโยต้า ซึ่งเค้าบอกกันว่าโตโยต้ามีสองเสาหลักคือ 1) การปรับปรุงอย่างต่เอนื่อง และ 2) การยอมรับนักถือซึ่งกันและกัน
อ่านไว้นานแล้ว พบว่ามีผู้รีวิวิเล่มนี้หลายท่าน แต่ชอบท่านนี้เลยไปคัดลอกและตัดตอนข้อมูลมาจาก http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=book4u&date=03-02-2011&group=9&gblog=17 ความว่า โตโยต้าให้ความสำคัญกับการลงมือทำ ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร วิศวกร หรือพนักงานในบริษัทว่าเมื่อคิดอะไรได้หรือมีปัญหาเกิดขึ้น จะลงมือทำหรือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นทันที
ไคเซ็นตามวิถีโตโยต้าเป็นการทำไคเซ็นอย่างผ่อนคลาย มีความสุข และไม่ได้พึ่งพาวีรบุรุษหรือดาวเด่นเพียงคนเดียว แต่เป็นการมุ่งระดมปัญญาความรู้จากพนักงานแต่ละคนมาผนึกรวมเข้าด้วยกันเพื่อการไคเซ็นอย่างต่อเนื่อง ในวิถีโตโยต้ามักมีคำกล่าวว่า “อย่าเป็นเพียงนักวิเคราะห์ปัญหา แต่มาเป็นนักแก้ไขปัญหากันเถอะ”
เวลาที่พบปัญหา คนส่วนใหญ่มักเพ่งเล็งจุดอ่อนมากกว่าที่จะมองจุดแข็งที่เป็นผลดีต่อตัวเอง และองค์กร ทำให้มองเห็นแค่เพียงว่ามีจุดอ่อนอยู่กี่จุด และรับรู้ว่าเกิดปัญหาขึ้นเท่านั้น แต่ไม่ได้ลงมือแก้ไข จึงทำให้ไม่สามารถแก้ไขปรับปรุงจุดอ่อนดังกล่าวได้ สิ่งสำคัญคืออยากให้คิดว่า “ทำอย่างไรจึงจะเปลี่ยนแปลงได้” ซึ่งเป็นลักษณะที่แท้จริงของนักแก้ไขปัญหา
………………..
ย่อหน้าสุดท้ายเราแปลความตามประสาเราว่า หากมีปัญหา ในบางครั้งเราพยายามหาเหตุผลเพื่อปกป้องตัวเอง อาจทำให้เรามองไม่เห็นทางเล็กๆ ที่ไปถึงปลายทาง หรือ บางครั้งเราพยายามหาเหตุผลเพื่อปกป้องตัวเอง อาจทำให้เราคิดไปเองว่าคนนั้นมีขวากหนามมากมาย
การนำหลักเกณฑ์ของไคเซ็นมาใช้ในการทำงานมีด้วยกัน 3 ข้อ คือ
1. ลด หมายถึง ลดสิ่งที่ไม่จำเป็น สิ่งที่ซับซ้อน ทำให้เกิดความสูญเปล่า
2. เลิก หมายถึง เลิกในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อเป้าหมายของเรา
3. เปลี่ยน หมายถึงการเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ไคเซ็น หรือระบบอะไรก็แล้วแต่ หากนำเข้ามาในองค์กรมักจะมีข้อจำกัด อาจารย์ทองพันช่าง พงษ์วารินทร์ เขียนเรื่อง ปลดล๊อคไคเซ็นไว้น่าสนใจ ซึ่งสามารถนำมาเทียบเคียงกับชีวิตของพวกเราได้แม้ห้องสมุดเราจะไม่ทำเรื่องไคเซ็น http://www.bt-training.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539118981&Ntype=1
ลองอ่านดูนะคะ ส่วนในวงเล็บสีแดงเป็นความคิดเห็นของดิฉัน)
1. คิดเรื่องที่ทำไม่ได้ – ใช้ใบรายการตรวจสอบเพื่อค้นหาข้อเสนอแนะ (ที่เราทำมีเพียบจ้า ถามได้จะบอกให้)
2. ไม่มีเวลา – หัวหน้าควรจัดเวลาและสถานที่ให้กับพนักงานได้คิดและเขียน (ใช้เวลาศึกษาเรียบรู้ด้วยตัวเองให้คุ้มค่า)
3. มองว่าเป็นเรื่องยาก – หัวหน้าควรทำความเข้าใจ และสร้างทัศนคติที่ดีต่อการดำเนินกิจกรรมข้อเสนอแนะ (ยังไม่ได้เริ่ม อย่าสร้างกำแพงให้ตัวเอง)
4. เขียนไม่เก่ง – หัวหน้างานควรให้ความช่วยเหลือ และแนะนำเพื่อการฝึกฝน (ฝึกค่ะฝึก ให้เพื่อนช่วยอ่าน อย่าคิดว่าเพื่อนเขียนใหม่ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ดี อย่าแม้เพียงแต่คิดว่าจะใช้มือปืนรับจ้างหรือใช้ ghost writer)
5. เกณฑ์การประเมินสูงเกินไป – ควรกำหนดเกณฑ์ให้เหมาะสม และสอดคล้องกับความยากง่ายในแต่ละหัวเรื่องและทำความเข้าใจกับพนักงาน (นำเสนอได้ทุกปีอยู่แล้ว)
6. แรงจูงใจน้อย – ควรมีการให้รางวัล ที่เหมาะสม เช่น เงิน ใบประกาศ และเพิ่มไปยังหัวข้อการประเมินผลงานประจำปี (คิดบวก- หน่วยงานมีอยู่ อาจจะน้อยในความรู้สึกแต่ยังดีกว่าไม่มีเลย)
7. ไม่เข้าใจวิธีการเขียน – หัวหน้างานควรมีตัวอย่างการเขียนที่ดี และถูกต้องมอบให้กับพนักงานทุกคน และอบรมเพิ่มเติมเพื่อให้พนักงานได้นำไปศึกษา (ทำตามข้อ 4)
8. คิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่น่าทำ – ทำความเข้าใจ กับพนักงานถึงการเขียนเรื่องที่สามารถเขียนได้พร้อม ยกตัวอย่างให้พนักงานเข้าใจ (สมมุติว่าฉันเป็นเขา)
9. คิดว่าเป็นการเพิ่มงาน – ทำความเข้าใจเรื่องการทำงาน และการปรับปรุงงาน เป็นของคู่กันคนที่ประสบความสำเร็จนั้นเขาก็จะทำงาน ไปพร้อมกับการปฏิบัติงานประจำด้วยเสมอ (พยายามทำงานทุกอย่างให้เนียนอย่าคิดเป็นต่อนๆ)
10. เขียนแล้วรู้สึกเหมือนเป็นหน้าที่ประจำ – ทำความเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องทำ และสมควรทำอย่างยิ่ง เพราะประโยชน์ที่ได้จากการทำไคเซ็นก็เพื่อตนเองและหน่วยงาน (ถ้าไม่เขียนก็ไม่มี ถ้าไม่มีก็เป็นปัญหา)
11. ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นเป็นปัญหาหรือไม่ – หัวหน้างานควรสอน และปลูกจิตสำนึกในเรื่องการมองสิ่งรอบตัวว่าคือเรื่องที่ควรปรับปรุง และอย่างมองว่าปัญหาคือเรื่องปกติ (ลางสังหรณ์คือประสบการณ์)
12. หัวหน้างานลืมทำ – หัวหน้างานควรบันทึกข้อมูลต่างๆ และกำหนดแผนงานเพื่อนำไปสู่การเขียนก่อนเริ่มงาน (จดสิคะ ใช้วิธีทบทวนงานตั้งแต่เช้าจนเราก้าวออกจากที่ทำงานว่าเราทำอะไรไปบ้าง)
13. การตั้งเป้าหมายเรื่องสูงเกินไป – กำหนดเรื่องให้เหมาะสมกับความสามารถของพนักงาน (เสนอตวามเห็นค่ะ)
14. กลัวไปซ้ำกับคนอื่น – ควรแสดงเรื่องต่างๆที่มีคนทำให้พนักงานได้ทราบ (อย่าทำเรื่องงานให้เป็นความลับ กระจุ๊กกระจิ๊กในกลุ่มคนอื่นเค้าไม่ทราบด้วย)
15. ไม่รู้ความหมายของไคเซ็น – ควรจัดอบรม หรือส่งเสริมกิจกรรมเพื่อให้ความรู้กับพนักงานทั้งเก่า และใหม่ เพื่อทำให้เกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง (หาอ่านเองดีก่า)
“ไคเซ็น” ยังไงไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ “ใครเซ็น” น่ะสำคัญ