สัมมนา ตอนที่ 2/3
เนื่อหาของการสัมมนา ที่ประสงค์ให้พวกเราได้รับรู้ รับทราบ แสดงความเห็น ยอมรับมติและมีส่วนร่วม สามารถแบ่งออกเป็น 3 ตอน คือ
ตอนที่ 1 รอบ Audition หลังจากที่ผู้อำนวยการ (อ.ดร. ศักดิพันธุ์ ตันวิมลรัตน์) ได้บอกเล่าความเป็นมาของแผนยุทธศาสตร์ บอกนโยบายและเป้าหมายของการทำงาน จากนั้นกลุ่มพวกเราออกไปตามยุทธศาสตร์ 7 ด้าน เพื่อระบม เอ๊น ระดมสมองช่วยกันคิดหากิจกรรม/โครงการเข้ามารองรับ
ยุทธศาสตร์ 7 ด้าน ประกอบด้วยคือ 1) การจัดการพื้นที่และพัฒนาสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้และการสร้างสรรค์ 2) การเพิ่มศักยภาพ ด้านการจัดการทรัพยากรสารสนเทศ 3) การบริการที่เป็นเลิศเพื่อมุ่งสู่มาตรฐานระดับสากล 4) การพัฒนาบุคลากรเพื่อความเป็นเลิศของสำนักหอสมุดกลาง 5) การบริการตามหลักธรรมภิบาล 6) การบริการวิชาการแก่สังคม และ 7) การเป็นผู้นำสารสนเทศด้านศิลปะ วัฒนธรรม
ตัวเองเข้าในกลุ่มที่ต้องพิจารณาในสองด้านคือ ด้านที่ 5 การบริหารตามหลักธรรมภิบาล และด้านที่ 6 การบริการวิชาการแก่สังคม เนื่องจากพลพรรคของด้านที่ 5 มีน้อย พลเมืองจากด้านที่ 6 จึงไปรวมอยู่ด้วย ดังนั้นจึงมี รองเพชรบุรี (อ.ดร.ภวพล คงชุม -ขวัญใจป้า-) และรองท่าพระ )ผศ.อติวรรธ์ วิรุฬเพชร -ขวัญใจกังนัม) มาร่วมด้วยช่วยกันกับพี่ๅ น้องๆ ทั้ง 3 วิทยาเขต เริ่มจากพิจารณายุทธศาสต์ด้านที่ 6 เนื่องจากมีโครงการเดิมและโครงการที่ค่อนข้างชัดกันแล้ว …. ผ่านไป ส่วนด้านที่ 5 การบริหารตามหลักธรรมภิบาล เป็นเรื่องที่มีภารกิจเกี่ยวกันกับชาวประชาทุกมวลหมู่ จึงต้องช่วยกันพยายามมองภาพรวมว่าโครงการ/กิจกรรมไหน ที่จะมอบให้ไปอยู่ในอ้อมกอดของผู้รับผิดชอบหลัก จากนั้นให้ตัวแทนของแต่ละด้านออกไปแถลงการณ์ มีท่าน ผอ. เป็น commentator เนื่องจากเวลาจำกัดจึงได้ร่างคร่าวๆ ของโครงการ/กิจกรรมของแต่ละยุทธศาสตร์ จึงให้ทุกโครงการผ่านรอบนี้ไปก่อน แล้วจึงเข้าไปรอบคัดเลือกจากคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์อีกครั้ง
ตอนที่ 2 รอบคัดเลือก เป็นการคัดเลือก competency เขียนไปหลายครั้งแล้ว แต่จะลิงค์ไปลิงค์จะงงกันใหญ่ จึงสรุปๆ (หาอ่านได้มากมาย) แบบพอประมาณว่า … หลักการในการปรับปรุงระบบการจำแนกตำแหน่งและค่าตอบแทนในราชการพลเรือน ได้มีการนำเอาสมรรถนะ (Competency) ไปผูกไว้กับระบบค่าตอบแทน โดยผู้ที่มีสมรรถนะสูงก็จะมีค่าตอบแทนที่สูงตามไปด้วย ดังนั้น สมรรถนะจึงมีความสำคัญมากกกกกกก
สมรรถนะ (Competency) หมายถึง คุณลักษณะ เชิงพฤติกรรมที่ทำให้บุคลากรในองค์กรปฏิบัติงานได้ผลงานที่โดดเด่นกว่าคน อื่นๆ ซึ่งที่มาของคุณลักษณะเชิงพฤติกรรมนั้นมาจากแรงผลักดันเบื้องลึก (Motives) อุปนิสัย (Traits) ภาพลักษณ์ภายใน (Self-Image) และบทบาทที่แสดงออกต่อสังคม (Social Role) ที่แต่ละบุคคลมีความแตกต่างกันทำให้แสดงพฤติกรรมในการทำงานที่ต่างกัน …. ในศิลปากรได้กำหนดสมรรถนะหลัก 4 เรื่องคือ 1) การมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ 2) ความเข้าใจองค์กรและระบบงาน 3) การทำงานเป็นทีม และ 4) การมีคุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณ
ส่วนสมรรถนะการบริหารจัดการ มีจำนวน 5 ข้อ ที่หัวหน้าหอสมุด หัวหน้าฝ่ายและหัวหน้างานธุรการต้องมี คือ 1) ความสามารถในการสื่อสารข้อมูล การสนับสนุนและการติดตามงาน 2) การคิดวิเคราะห์และการตัดสินใจแก้ปัญหา 3) ศักยภาพเพื่อนำการเปลี่ยนแปลง 4) การควบคุมตนเอง และ 5) การสอนงานและมอบหมายงาน
และสมรรถนะตามตำแหน่งงาน มีทั้งหมด 4 ข้อ กำหนดให้แล้ว 2 ข้อคือ 1) มีจิตสำนึกในการให้บริการ และการเรียนรู้และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงเหลืออีก 2 ข้อ ที่ผู้อำนวยให้ช่วยกันเลือกและถือว่าทุกคนเห็นพ้องต้องกันที่รับไปปฏิบัติตามนี้ สองข้อที่ว่านั้นได้แก๊…
1. ความเข้าใจผู้อื่น (Interpersonal Understanding) : ความสามารถในการรับฟังและเข้าใจความหมายตรง ความหมายแผง ความคิดตลอดจนสภาวะทางอารมณ์ของผู้มาติดต่อด้วย เวลาประเมินผู้ประเมินจะพิจารณาเพื่อให้คะแนนตามคู่มือที่ให้นิยามไว้ ระดับที่ 0 : ไม่แสดงสมรรถนะทางด้านนี้ ระดับที่ 1 : เข้าใจความหมายที่ผู้อื่นต้องการสื่อสาร หมายถึงเข้าใจความหมายที่ผู้อื่นต้องการสื่อสาร สามารถจับใจความ สรุปเนื้อหาเรื่องราวได้ถูกต้อง ระดับที่ 2: แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกและคำพูด หมายถึงเข้าใจความหมายและนับเชิงอารมณ์จากการสังเกต สีหน้า ท่าทาง หรือน้ำเสียงของผู้ที่มาติดต่อด้วย ระดับที่ 3: แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และเข้าใจความหมายแฝงในกิริยา ท่าทาง คำพูด หรือน้ำเสียง หมายถึง เข้าใจความหมายที่ไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจนในกิริยา ท่าทาง คำพูด หรือน้ำเสียง เข้าใจความคิด ความกังวล หรือความรู้สึกของผู้อื่น แม้จะแสดงออกเพียงเล็กน้อย สามารถระบุลักษณะนิสัยหรือจุดเด่นอย่างใดอย่างหนึ่งของผู้ที่ติดต่อได้ ส่วนระดับที่ 4 และ 5 โปรดหาอ่านเอง
2. ความยืดหยุ่นผ่อนปรน (Flexibility) : ความสามารถในการปรับตัวและปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในสถานการณ์และกลุ่มคนที่หลากหลาย หมายความรวมถึงการยอมรับความเห็นที่แตกต่าง และแรับเปลี่ยนวิธีการเมือสถานการณ์เปลี่ยนไป
ระดับที่ 0 : ไม่แสดงสมรรถนะทางด้านนี้ ระดับที่ 1 : มีความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน หมายถึง ปรับตัวเข้ากับสภาพการทำงานที่ยากลำบาก หรือไม่เอื้ออำนวยต่อการปฏิบัติงาน ระดับที่ 2 : แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และยอกรับความจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยน หมายถึง ยอมรับและเข้าใจความเห็นของผู้อื่น เต็มใจที่จะเปลี่ยนความคิด ทัศนคติ เมื่อได้รับข้อมูลใหม่ ระดับที่ 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และมีวิจารณญาณในการปรับใช้กฏระเบียบ หมายถึงมีวิจารณญานในการปรับใช้กฏระเบียบให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อผลสำเร็จของงานและวัตถุุประสงค์ของหน่วยงาน ส่วนระดับที่ 4 และ 5 โปรดหาอ่านเองเช่นกัน
พวกเราคงจำกันได้ว่าท่านใดต้องทำให้ได้ระดับไหน เท่าที่จำได้ ระดับที่ 1 มีเพียงไม่กี่คนในห้องสมุด ระดับที่ 2 จะเป้นกลุ่มใหญ่ที่สุดที่ต้องประเมินในเกณฑ์นี้ ส่วนระดับที่ 3 นอกจากหัวหน้าทั้งหลาย ท่านที่เป็นชำนาญการพิเศษ และพนักงานมหาวิทยาลัยที่ต่อสัญญา 5 ปีขึ้นไป
เมื่อสิ่งที่เลือกเป็นฉันทามติ หน้าที่ของพวกเราคือยอมรับประพฤติปฏิบัติตัวให้เป็นไปตามกรอบที่กำหนด เพราะสมรรถนะเป็นเครื่องมือประเมินอันหนึ่งที่พิจารณาร่วมกับ KPI
เรื่องนี้ท่านผู้อำนวยการได้ชี้เรื่องนี้ไว้ชัดเจนมาก คิดว่าทุกท่านเข้าใจและจำได้
ลองหาเวลาอ่านเอกสารเรื่องพวกนี้ แล้วลองประเมินตัวเองกันดูว่าเราจะอยู่ที่ระดับใด เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องของ DIY
ตอนที่ 4 รอบ Mix and Match รอบนี้มุ่งหวังให้คิดกรอบ KPI ให้เป็นหนึ่งเดียว เจอแล้วจอด เพราะต่างบริบท ในความเห็นส่วนตัวคืออาจต้องสร้าง KPI หลักของทุกห้องสมุดเหมือนกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าให้ทุกคนเหมือนกัน … เอ๊ะยังไงกัน ปล่อยให้ไปคิดคำนึงไปก่อนแล้วกัน
หลังจากที่ได้รับใบสีชมพู น้องๆ ในฝ่ายถามว่าจะทำอย่างไร บอกว่า ให้ยึด KPI ที่มีอยู่ไปก่อน งานที่เราทำอยู่ทุกวัน คงไม่มีอะไรแปลกพิสดารมาให้ รวมทั้ง KPI ที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันตอบโจทย์ได้ทุกข้อ
หากวันใดมีการปรับเปลี่ยน หรือ เปลี่ยนแปลงไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร จงแสดง Competency ทั้งสองข้อที่เลือกไว้หมาดๆ ให้ชัดเจน ก้อแค่นั้นเอง คุณพี่จะได้ประเมินง่ายๆ