อยู่อย่างไรให้ใจสบาย
สรุปมาจาก หนังสือใหม่ เรื่องอยู่อย่างไรให้ใจสบาย ผู้เขียน ปิยโสภณ (พระศรีญาณโสภณ) วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก
ใจสบายมีความหมายต่อชีวิตมาก เมื่อใดใจไม่สบาย แม้ร่างกายจะสมบูรณ์ ชีวิตก็ไร้ความหมาย เมื่อใดสุขสบายใจแล้ว แม้ร่างกายจะพิการบ้าง ก็หาความสุขได้ไม่ยาก ความสุขของมนุษย์อยู่ที่ใจสบาย มิใช่ทรัพย์มากกว่ามีเกียรติสูงกว่า เพราะส่วนใหญ่การมีทรัพย์มาก มีเกียรติสูงกว่า มักก่อความไม่สบายใจใจเสมอ ปัญหาสำคัญจึงอยู่ที่ว่า เราจะอยู่อย่างไรให้ใจสบาย จะอยู่อย่างไรให้ใจเป็นสุข
เมื่อใจไม่สบาย คนเราก็เริ่มเครียดและเครียดสะสม จากวันเป็นเดือน เป็นปี เป็นชีวิต จะเห็นได้ว่าทุกวันนี้คนเรามีความเครียดมากขึ้นตลอด ไม่เคยลด ไม่เคยละ เพราะไม่ทราบวิธีที่จะทำให้ใจไม่สบาย จึงขอเสนอเรื่องง่ายๆ ให้ลองพิจารณานำไปปฏิบัติดู
– การพูดปัญหาเพียงครั้งเดียวก็เกินพอ ส่วนวิธีแก้ปัญหา ต้องพูดแล้วพูดอีก คิดแล้วคิดอีก คนเราส่วนมากที่ใจไม่สบายก็เพราะ ชอบพูดแต่ปัญหาพูดแล้วพูดอีกเจอหน้าก็พูดอีกเจอหน้ากันอีกก็พูดเรื่องเดิม พูดสิบครั้งก็โกรธสิบครั้งและสุดท้ายก็กลายเป็น”โอษฐภัย” ไปโดยไม่รู็ตัวอยากให้ใจสบายให้พูดถึงปัญหาเพียงครั้งเดียวและแสวงหาวิธีแก้ปัญหาให้มาก
– คิดบวกต่อคนอื่นให้มากเข้าไว้ การคิดบวกเป็นอุบายสำคัญในการดำรงชีวิต คนคิดบวกมักมีกำไรในชีวิต ส่วนคนคิดลบ พูดลบ ชีวิตมักขาดทุน การคิดบวกต้องฝึกฝน เพราะคนเราส่วนมากมักจินตนาการไปในทางลบ เมื่อเราคิดลบต่อเขา เขาก็คิดลบต่อเรา
– ไม่ต้องกลัวว่าใครจะดีกว่าเรา เรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งของคนเราคือ เห็นใครได้ดีกว่าแล้วเป็นทุกข์ ถ้าจะบอกว่าเป็นธรรมชาติของคนเรา ก็ดูจะประเมินคุณค่าต่ำเกินไป ถ้าพูดจริงๆแล้วมิใช่เป็นธรรมชาติหากแต่เป็นความเคยชินที่คนเราสร้างขึ้นมาอย่างต่อเนื่องแล้วไม่มีใครแก้ไข
– พึ่งตนให้มาก ไม่คิดหวังพึ่งคนอื่นตลอดเวลา เรื่องการตึ่งตน การฝึกให้รู้จักคิดพึ่งตนนี้
เป็นเรื่องสำคัญมาก คนเราส่วนใหญ่ชอบพึ่งคนอื่น บางครั้งเราก็คิดว่าเขาน่าจะให้เราพึ่งพาอาศัยได้แต่สุดท้ายก็เปล่าประโยชน์ คือเสียใจกลับมา เราน่าจะคิดใหม่ว่าทำอย่างไรเราจะพึ่งตนได้ และเป็นที่พึ่งของคนอื่นด้วย การคิดพึ่งตนและให้คนอื่นมาพึ่งเราได้ ถือเป็นหัวใจสำคัญในการป้องกันไม่ให้เกิดความทุกข์ “มนุษย์จะสุขหรือทุกข์อยู่ที่วิธีคิด ใจสบายหรือไม่สบายก็อยู่ที่วิธีคิด คิดบวกสบายใจ คิดลบก็นอนกอดทุกข์ขาดทุนไป”