ท่าทีและลีลา (2)
พวกเราจะมีเวลา “ว่าง” ในช่วงลืมตาคือตั้งแต่ตีห้าจนถึงเจ็ดโมงครึ่ง พักกลางวันที่เวลาเอาแน่นอนไม่ได้ และช่วงค่ำหลังอาหารเช้า
หากออกจากโรงเรียนไปจนถึงทางเข้า ซ้ายมือย้อนกลับไปอีกสองไฟแดง คือตลาดสามชุกร้อยปี ซึ่งครั้งนี้เราเห็นแต่ชื่อในชามข้าวต้มที่เรารับทาน ส่วนซ้ายมือต่อไปอีก 10 กิโลเมตร คือบึงฉวาก ที่เราเห็นเพียงแค่ป้าย …
เราจะส่ายหน้ากันด๊อกแด๊กทุกครั้งเวลากลับว่าจะไปไหนดี 555 ในที่สุดก็ตกลงใจกันว่าอยู่มันที่นี่แหละว๊าาาาาา งานการตั้งพะเนินเทินทึก
อาการปวดหลังจึงเกิดกับสาวๆ หลายคน ที่นั่งกับพื้นแล้วค้อมตัวลงมา อะฮั้นกลับกลายเป็นคนบึกบึน ทั้งที่ชราสุด….
ต๊ายยยยเพิ่งทราบตอนนี้แหละว่าอายุมากที่สุด เพราะดั๊นเกิดก่อนคุณใหญ่ 4 เดือน ถึงว่าคุณหนูใหญ่ชอบบอกว่าเธอไป (เกษียณ) ก่อนชั้น อิอิ แต่อิชั้นตอบไปว่า 5555 (หัวเราะดังกว่า) ตอบไปว่า ตรูนะพ้นแล้วเหลือแต่เอ็งนี่แหละที่ต้องผจญกรรม เพื่อนดีๆอย่างช้านหาได้ที่หนายยยย….เอิ๊กๆๆ สมน้ำหน้า
ถึงจะเฒ่าสุด แต่ขอโทษหาคนเห็นใจสักคนหามีไม่ ด้วยเพราะเหตุที่อู้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการงีบหลับแบบเปิดเผยกลางกองหนังสือ เดินไปถ่ายรูปต้นไม้ใบหญ้า หรือจะแว่บไปเสริมสวยเตรียมตัวเป็น…. (5555)
…. น่านะทีมงาน ป้านับชั่วโมงการทำงานพร้อมทั้งหักเวลาพักแล้วเกิน 8 ชั่วโมงเจ้าค่ะ แถมยังทำตาม KPI เป๊ะๆ เด๊ะๆ
มาดูรูปพวกเรากัน
เวลาว่าง
บรรยากาศของสุพรรณบุรี ธรรมชาติมากจริงๆ แม้จะร้อนนน และน่านอนนน
สงบสุข
เช้าวันที่สองเราไปเป็นแม่เม้ยชมตลาดท่าช้างซึ่งเป็นทางผ่าน ซื้อกันมา แต่ขอโทษวางเหลือเพราะไม่มีเวลารับทาน …ขากลับมุ่งมั่นว่าจะไปซื้อมะยงชิด แต่ก็เหลวววจนได้
ภักษาหาร
การทำงานแบบนี้พิสูจน์ได้ว่าหากเราทำอะไรแบบเอาจริงเอาจัง ตั้งมั่นแล้ว ทุกอย่างทำได้จ้า