เหล่าตั๊ก ลั๊ก : เรื่องอยากเล่า…ตลาดเก่าชุมชนริมน้ำคลองลัดพลี (ตอน 4)
ม่ะพูดมะจาว่าไร ต่อเลย ณ บัดnowwwwwwww
บทที่ ๕ เลี้ยวๆ หลบๆ ไปยังจุดหมายต่อไป
คณะของเราจากลากลุ่มคณะที่ยังคงนั่งๆ เดินๆ อยู่ตรงจุดที่พบกันในครั้งแรก มาถึงลานจอดรถสมาชิกทุกคนพร้อม เพื่อนโชว์เฟอร์ของเราก็ไม่รอช้าตั้งหลักไมล์มุ่งจุดหมายที่ยังไม่ใช่ปลายทางต่อไปทันที
ถึงที่หมาย…ดอนหอยหลอด…โดยยังมิได้หย่อนส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายไปสัมผัสแม้เพียงธุลีดิน ขณะขับไปคุยไป คนที่ออกเสียงเจื้อยแจ้วก็ลงความเห็นเอง…เออออเอง…หันหัวเลี้ยวรถจากออก มาซะงั้น…ไหนไหนก็ไหนไหน…ซักที่ละกัน โบสถ์ไม้ก็น่ายล จะผ่านไปเฉยๆ ทำไม มาถึงนี่ละ ก็แวะชมสักหน่อย
รถแล่นจากริมดอนสักครู่ก็ถึงโบสถ์ไม้ของวัดใกล้ๆ กันนั้น พอลงจากรถหันซ้ายหันขวากันสักพัก มวลมิตรก็พากันเดินไปทางโบสถ์ ส่วนเราด้วยไอเดียของป้าหน่อยซึ่งพี่แกเดาว่าศาลาไม้ตรงหน้าอาจเป็น พิพิธภัณฑ์ เลยชวนกันไปถามไถ่แล้วก็ไปดูด้านบนแม้จะไม่ใช่พิพิธภัณฑ์ก็ตาม หลวงพี่ท่านบอกว่าไม่มีอะไรนอกจากธรรมาสน์โบราณตามแบบของรามัญ แค่นี้ก็ทำให้เราสนใจได้แล้วมีหรือจะพลาด
นอกจากธรรมาสน์ลายดอกพิกุล ซึ่งเป็นสมบัติเก่าแก่ของทางวัดที่หลวงพี่ท่านเล่าให้ฟังแล้ว พระพุทธรูปหยกขาวซึ่งมีพุทธลักษณะแบบรามัญ ๒ องค์ ที่ท่านเล่าว่าองค์ใหญ่และองค์รองที่ประดิษฐานบนธรรมาสน์เคียงกันนั้น ท่านเจ้าอาวาสองค์ที่ ๒ และ ๓ ได้เชิญมาจากพม่าตามลำดับ ก็งดงามทั้ง ๒ องค์ สังเกตว่าด้านหน้าธรรมาศน์มีเสาหงส์เอนๆ ดูแล้วไม่มั่นคง ก็แปลกใจทำไมมันเอน พอเข้าไปใกล้ๆ ถึงได้รู้ว่าเสากับธรรมาศน์นั้นแยกส่วนไม่เกี่ยวกัน เพียงแต่มาวางเคียงกันเฉยๆ ได้ความว่าเสานี้ใช้สำหรับแห่ เช่นในขบวนแห่สงกรานต์
ลงจากศาลาตามกลุ่มไปที่โบสถ์ แต่ก่อนที่จะไปถึงก็อดไม่ได้ที่จะเก็บภาพ “เทียน ๗ สี ดี ๗ วัน” มาฝากกัน ก็เป็นวิธีทำบุญเข้าวัดอีกแบบ…หล่อเทียนประจำวันตามวันเกิด ก็แล้วแต่ศรัทธานะโยมมมมม ยังไม่ทันเราจะไปถึงโบสถ์ คณะที่ล่วงไปก่อนกลับออกมาพอดี เลยได้แต่เก็บภาพภายนอกตัวโบสถ์แต่ก็คิดว่าพอ เพราะออกจะไม่ค่อยต้องรสนิยมเท่าไรกับสถานที่ที่ดูมากมาย มลังเมลือง เพราะรู้สึกว่าในความเป็นไม้ที่ดูจะเป็นเอกลักษณ์ของโบสถ์ ก็อยากเห็นไม้ที่เป็นเท็กซ์เจอร์ของไม้ มากกว่าสีสันที่บางคนอาจจะชอบว่าละลานตาดี แต่ไม่ต้องรสนิยมเรา