เหล่าตั๊ก ลั๊ก : เรื่องอยากเล่า…ตลาดเก่าชุมชนริมน้ำคลองลัดพลี (ตอน 3)
คริสสสสส เถิงงงงง เราซี๊….ตะเอง หายไป 10 วันฟ่าๆ เอ๊งงงง(เกินละ..ตานี้…โพสต์เสร็จรูปม่ะมา…นานเรยยยย)
ว่างั้นงี้เลย… นานเกิ๊นนนนนนน ถึงตอนไหนแล้วฟะ นึกม่ะออก เด๋วไปแอบดูก่อน…รุ๊เระ
บทที่ ๔ พากันเดินย่ำตลาดบก
ชาวคณะบ้างนั่ง บ้างเดิน แต่เดินคนละด้านกับที่เราเพิ่งจากมา บ้างกำลังจะลงเรือ คณะเราที่มาก่อนเที่ยวท่องล่องเรือก่อน ทักทายกับเพื่อนๆ คณะใหญ่แล้ว
ก็เริ่มเที่ยวทอดน่องท่องชุมชนบนบกต่อเห็นตากล้องเดินนำไปนู่นแล้ว สาวๆ ก็เลยพากันตามไป เดินไปจนสุด หัวมุมตลาดเริ่มหันไม่เห็นกลุ่ม ป้าร้านค้าตรงนั้นคงเห็นเราหันรีหันขวางพร้อมบ่นๆ กันสองแม่ลูก ป้าแกก็ช่วยบอกทางให้ว่า เห็นมีกลุ่มผู้หญิงขึ้นไปบน..เหล่าเต๊ง…
คำนี้ถึงจะมี..เหล่า..ก็ไม่ใช่อะไรแก่ๆ เก่าๆ หากแต่หมายถึง ชั้น ๒ ของอาคาร
พูดพลางก็ชี้มือบุ้ยใบ้บอกทาง เออ…แปลกแหะ ตลาด ๒ ชั้นเพิ่งสังเกต
อันที่จริงก็ไม่แปลกนะก็เคยเห็นบ้าง อย่างตลาดวโรรส ที่เชียงใหม่ที่เป็นอาคารก่ออิฐซึ่ง เห็นทั่วๆ ไป แต่ที่นี่แปลกเพราะเป็นตลาดไม้ ๒ ชั้น ที่เคยใช้งานจริง ไม่นับรวมเพลินวาน ที่หัวหิน ที่เป็นตลาดไม้มี ๒ ชั้น เหมียนกัลล์ แต่เป็นอะไรที่จำลองมา
เห็นป้ายตรงทางขึ้นบันไดบอกว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ จุดนี้จึงผ่านเลยไม่ได้
ขึ้นไปถึงชั้นบนเจอป้าแมว พี่พัช พี่อ้วน ป้าหน่อย และสาวๆ อีกสักคน ๒ คน เดินวนๆ ดูสิ่งของที่วางอยู่จำนวนไม่กี่ชิ้น เดินเข้าไปดูใกล้ๆ ก็ให้ระลึก ถึงอุปกรณ์บางชิ้นที่คุ้นอยู่ในความทรงจำ….
อันลางไกล…..เต็มที ม้ายาวตัวหนึ่งที่มีสายพานเส้นใหญ่ อยู่ปลายคนละข้างกับหลักไม้ ที่ใช้สำหรับยึดตรึงอะไรบางอย่าง ดูละม้ายเครื่องมือทำทองที่เราคุ้นตาในความทรงจำ
ก็ตอนเด็กเราชอบวิ่งไปร้านทองนิยมไทยที่บ้านติดกัน ชอบดูเวลาเจ๊เปี๊ยกตีทอง และดึงทองยืดเป็นเส้นยาวๆ เพื่อเอามาร้อยทำเป็นสายสร้อยอีกที หรือเวลาที่เจ๊แกหลอมทองในเบ้าหลอมเสร็จก็เอาไปจุ่มในน้ำ หรือน้ำกลด ที่นางร้ายชอบเอามาสาดนางดีในละครเนี่ยล่ะ จำไม่ได้ถนัดว่าตอนไหนจุ่มน้ำอะไร
แต่รู้สึกต้องใช้ทั้ง ๒ น้ำ…มั้ง?? สำหรับเด็กอย่างเราในวันนั้น ความตื่นเต้น..ดูกี่ครั้งๆ ก็ไม่เบื่อ นอกจากวิทยายุทธ์ในการดึงทองให้เป็นเส้นแล้ว ไคลแม็กซ์ตอนสำคัญก็คือ เสียงดังแชชชชชช่ เวลาเจ้าก้อนทองร้อนฉ่า เจอกับน้ำอะไรนั่น…มันเชียวล่ะ
อันที่จริง…ที่บ้านเราเวลาพ่อเหวี่ยงเบ้าหลอมฟันทองก็ตื่นเต้นลุ้นระทึกไม่แพ้กันทีเดียว ศาสตร์และศิลป์ของหมอฟันรุ่นโบราณนี้ต้องบอกว่าคุณทันตแพทย์สมัยใหม่คงไม่มีโอกาสได้เรียนรู้ เพราะเชื่อว่าในตำราคงไม่มีสอน หรือสอนก็อาจเน้นทฤษฎีมากกว่า จำได้ว่าเคยเห็นรุ่นพี่ทันตฯ ที่หอ นั่งจับเครื่องมือแบบเก้ๆ กังๆ กรอตบแต่งฟันปลอมอยู่ริมระเบียงทางเดิน แต่ตลอดเทอมก็เห็นไม่กี่มากครั้ง และในชีวิตจริงงานพวกนี้หมอรุ่นใหม่เค้าก็ไม่ทำกัน ส่งให้แล็ปฟัน…หมอก็ฟันแล็ปก็ฟัน ช่วยๆ กันฟัน เอ้ยยยยยยยยม่ายช่าย 55+
เสร็จจากสำรวจพิพิธภัณฑ์พากันเดินลงมา ป้าแมวก็ชวนพวกเราไปลงเรือก่อน หนูก็ไม่กล้าบอกอ่ะนะว่าพวกหนูเพิ่งขึ้นจากเรือ ตอนป้าๆ มาถึงเนี่ยง่ะ หุหุ
แยกจากป้าแมว…กลุ่มนกแลอย่างพวกเราก็เรื่อยๆ มาเรียงๆ เดินเฉียงๆ ไปทั้งหมู่ ข้ามสะพานจากฝั่งเล่าตั๊กลั๊ก ก็ไปเจ๊อะกับตลาดดำเนินที่ผู้คนเดินกันขวักไขว่จอแจ พวกเราเดินได้พักเดียวก็หันหลังกลับ แต่จะจากลาเฉยๆ ได้ไงมาถึงถิ่นแล้ว ไหนๆ ก็ไหนๆ ไม่ต้องคิดกันมากมาย กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ตั้งกะเช้าเพิ่งเล็มๆ นู่นนิด นี่หน่อย ไม่เป็นชิ้นอัน อย่ากระนั้นเลย ก๋วยเตี๋ยวเรือตรงหน้า เห็นคนมุงๆ รุมๆ ตั้งกะขาไปละ…เอ้าจัดไป
อ้อ!! ใกล้กันนั่นมีอาม่าอายุ ๘๐ กว่าลอยเรืออยู่ เห็นป้ายว่ากุ๋ยฉ่ายโบราณ มองดูก็น่าตาแปลกๆ เหมือนกะหรี่ปั๊ปตัวแบนๆ แป้งนึ่งขาวๆ แทนที่จะเป็นลูกกลมแบนอย่างที่คุ้นเคย ทุกคนก็ลงความเห็นว่าเหมาะกับป้าหน่อย…เอ้าจัดไปอีกหนึ่งดอก
เสร็จสมอารมณ์หมายเราก็พากันกลับมาฝั่งเหล่าตั๊กลั๊ก เจอเพื่อนๆ บางคนนั่งรอกลุ่มคณะอยู่ ไถ่ถามโปรแกรมต่อก็ไม่ได้คำตอบที่ต่างกับที่ได้ข้อมูลมาก่อนหน้า รวมถึงเรื่องวิทยากรก็ดูนิ่งๆ อย่ากระนั้นเลย…
หมู่นกเอี้ยงสาลิกาก็เลยบินถลาคว้าสมาชิกเพิ่มมาอีก ๑ หน่วย คือ เจ้าเขียด แล้วก็พากันยัดเยียดเบียดกันไปบนยานพาหนะหยิบขึ้น…อ้าวๆ งง…งง… ก้อ Pick = หยิบ up = ขึ้น รวมกันเป็นจั๋งสั้น รึเปล่า!!! ๕๕+ ผู้ปกครองกรุณาชี้แนะ
ว่าแล้วโชเฟอร์เพื่อนก็พา ๔ ล้อหมุน นำคณะไปยังที่หมายที่ไม่ใช่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง หรือไปนั่งเฝ้าดูค้างคาวบินออกรังยามเย็นที่เรามีความเห็นว่า เคยดูครั้งเดียวก็น่าจะพอแล้ว