หาที่ไปสัมมนา
เวลามาทำงานวันเสาร์ มักมีน้องๆ ทำหน้าที่หน้าม้า เข้ามาเลียบๆ เคียงๆ ถามว่าปีนี้ไปสัมมนาที่ไหน ช่วงนี้จึงเป็นช่วงจึงเป็นโอกาสที่ตัวเองใช้… อำ อวยชัย เยินยอ แนะแหน เสียดสี …. ส่วนจะเป็นแบบไหนก็แล้วแต่อารมณ์กับสถานการณ์พาไป
ทุกครั้งน้องๆ มักมีนิตยสาร หนังสือพิมพ์ติดมือมาโชว์เป็นหลักฐานด้วยทุกครั้ง
ตั้งแต่ที่พวกเราถ่อไปสังขารไปประจวบคีรีขันธ์ แล้วรู้สึกว่ามันเหนื่อยมาก ด้วยวัยของใครก็ม่ายรุ… พี่แมวแนะนำว่าต่อไปหากจะไปนอกสถานที่ให้หาที่รอบๆ จังหวัดนครปฐม เพราะบางทีเป็นเรื่องใกล้เกลือกินด่าง ใกล้ๆ บ้านเรามีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ที่สำคัญระหว่างทางคุณน้องงานศูนย์ข้อมูลภาคตะวันตก จะได้เก็บข้อมูลไปด้วย นอกเหนือจากที่ตั้งใจไปเก็บข้อมูล
เคยบอกว่าจะพาไปนอนแถวๆ บางเลน สามพราน หรือนครชัยศรี เสียงร้องโหหหหหห….
แล้วถามต่อว่า… เคยไปปล่าว ก็ปล่าว! แต่ไม่พาไปหรอก เพราะใกล้เกินไปทำให้อารมณ์อยากจะกลับไปนอนที่บ้านมากกว่า
อีกเหตุผลหนึ่งคือความเป็นชนบทแบบที่ใกล้เคียงกับบ้านของพวกเรา ทำให้เราไม่ค่อยตื่นเต้น การไปสัมผัสชีวิตที่แตกต่างทำให้เพิ่มรสชาติในชีวิต นึกถึงไปดูดงตาลเมื่อปีก่อนที่มีคนถามว่าไปดูทำไมเพราะนครชัยศรีก็มี บอกว่าดงตาลที่นี่พิเศษ พอไปดูถึงร้องอ๋อ…. มันเป็นแบบนี้นี่เอง หรือการไปบ้านควาย ฯลฯ
สมัยก่อนจะมีแบบสอบถามว่าจะให้จัดไปที่ไหน หากปีนั้นจัดไปทะเล แบบสอบถามก็จะบอกมาว่าทำไมไม่จัดไปภูเขา หกาปีไหนจัดไปภูเขา คำตอบจะออกทะเลวกไปเวียนมากันแบบนี้ทำให้ปวดเศียรเวียนเกล้า
แหม…หากไปได้อยากจะพาอินเดีย ส่วนป้าติ๋วบอกว่าสให้พาไปเกาหลี แต่กะว่าจะพาไปชิวๆ แบบไปเองจ่ายเอง แถวสิงคโปร์แทน ตอนนี้เฝ้ารอให้ราคาตั๋วแบบศูนย์บาทอยู่
พักหลังๆ ในแบบสอบถามเริ่มให้ยาหอมบอกว่าที่ไหนก็ได้ขอให้จัดเถอะ จะไปทุกงาน ท่านพี่เลยบอกว่าไม่ต้องถามแล้ว ที่ไหนก็ที่นั้นและเป็นที่ที่ไม่ไกลกันมาก ห้ามซ้ำ (แต่หลายคนบอกว่าอยากไปหอดูดาวเกิดแก้วอีกสักครั้ง)
หากถามพี่แมวซึ่งเป็นภูเขามักบอกว่าไปทะเล ส่วนพวกเราไปทะเลกันบ่อยก็ชอบไปภูเขา หรือขอไปน้ำตก ส่วนเราคนหาที่ก็ที่ไหนก็ได้เพระาไปมาโหม้ดแล้ววว ตั้งใจว่าจะหาที่ที่มีทะเลอยู่ใกล้ภูเขา และเขานั้นมีน้ำตก แต่อยู่ทางใต้โน่นเราคงไม่สะดวก
จึงต้องทำงานตามโจทย์คือ ใช้งบประมาณไม่สูง (โจทย์จากการเงิน) ไม่ไกล (โจทย์จากพี่แมว) ต้องมีที่ๆ ให้ทำกิจกรรม ที่เที่ยวอื่นๆ (โจทย์พลพรรค) รถมหาวิทยาลัยต้องว่างและเข้าถึง (โจทย์จากพี่ตา) ส่วนโจทย์ใหญ่สุดคือเนื้อหาของการสัมมนาที่ควรต้องเป็นเนื้อเป็นหนังและมีผลผลิตออกมาชัดเจน
แบบสอบถามจึงถามเรื่องงานในการสัมมนาเป็นส่วนใหญ่ ส่วนใครจะตอบแบบจริง ตอบไปงั้นแหละ หรือตอบแบบสะใจ เอามันส์ ก็แล้วแต่.. เพระตอบแบบไหน ก็จะผลย้อนกลับมาทั้งสิ้น ด้วยประสบการณ์ที่กุมบังเหียนงานวิชาการมาหลายปีพบว่าได้นำผลของแบบสอบถามมาทำกิจกรรม สร้างงาน ที่จับไปขัดสีฉวีผ่องจนจำกันไม่ได้ รับรองว่าไม่มีหลุดสักประเด็น
เดี๋ยวมีตนถามอีกว่าไม่เห็นรู้เรื่องเลย คำตอบคือเขียนบอกอยู่ที่นี่แหละไม่ไปไหนเลย ไล่ๆ ตามอ่านแล้วกัน เพราะทุกอย่างเปิดโล่งสบาย
หนอย…. ยังมีคนแซวว่าเปิดหมดจนใสมองไม่เห็นไง แนะนำต่อว่าเจ๊ควรปิดๆ ไว้มั่ง จะได้ระทึกใจ ไม่ได้ค่ะ เรื่องพวกนี้ถือว่าเป็น KM …อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่รักมัน……. (เอ๊า… ร้องเพลงกันไป)
กลับมาถึงเรื่องสถานที่การสัมมนาต่อ …. สิ่งที่ต้องคำนึงข้อต่อไปคือ ระหว่างทางระหว่างหอสมุดฯ กับปลายทาง ต้องมีเนื้อหาอะไรให้เราสักหน่อย ประเภทมาถึงแล้วปล่อยตามอัธยาศัยฟังหารบรรยาย ระดมสมอง (จนสมองระบม) แล้วกลับเข้าห้องนอนมองเพดานโรงแรมที่ไม่มีจิ้งจก หรือมองภูเขาก็เห็นแล้ว หรือมองทะเลก็เห็นแล้ว จะให้เล่นรึ ก้อไม่อยาก หรือจะให้ฆ่าเวลาด้วยการดื่ม หรือตั้งวงรำพัดก็ไม่ใช่ที่ เพราะเราทำงานในมหาวิทยาลัยสีขาว …..
การคอยเวลากินข้าว คาราโอเกะ เต้นระบำ เช้ารับประทานอาหารเช้าร่วมกัน แล้วนั่งรถกลับถึงมหาวิทยาลัยศิลปากรโดยสวัสดิภาพนั้น…พลพรรคลงมติว่าไม่เอา
ถึงพลพรรคไม่ลงมติ คนจัดก็ไม่เอาเพราะในชีวิตส่วนตัวก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ต้องหาอะไรเข้ามาเติมเต็มสักนิดหน่อยก็ยังดี ดังนั้นทุกรายการที่จัดสััมนนานอกสถานที่จะต้องมีการทัศนศึกษา ไม่ใช่ทัศนาอย่างเดียว…
มีคนถามอีกว่าเลือกสถานที่อย่างไร คำตอบคือทำตามโจทย์ข้างต้น ส่วนสถานที่ว่าจไปไหนนั้น อันนี้ต้องชมตัวเองเนื่องจากเป็นคนช่วงเที่ยวทั่วไทย ดังนั้นจึงมีพลพรรคที่นิสัยแบบเดียวกัน แค่ถามว่าไปไหนดีก็จะคนบอกมา
สมัยยนี้ยิ่งง่ายใหญ่ไปถามใน FB Twitter ในพันธุ์ทิพย์ หรือค้นในกูเกิ้ล ก็จะออกมามากมาย รวมทั้งได้จากการอ่าน การดูรายการโทรทัศน์ที่เชื่อว่าทุกคนมีโอกาสได้ดู พบอะไรที่น่าสนใจก็จดๆ ไว้ ส่วนการประเมินว่าที่ๆ พักที่เราจะไปดีหรือไม่ดี ก็ไปดูพวกที่ชอบเที่ยวแล้วมารีวิวให้เพื่อนๆ ในโลกของออนไลน์ได้ดู ก็ทำแบบนี้ง่ายๆ ไม่ได้ลงทุน ไม่ซับซ้อน หรือใช้เวลาอะไรมากมาย แค่เขียนทิ้งๆ ไว้ไม่นานก็มีคนตอบ สองสามวันก็ได้คำตอบ ชิวๆๆๆ พอได้คำตอบว่าเป็นที่ไหน ก็เห็นน้องๆ ตามเข้าไปดูกันหลายๆ คน
ส่วนบอกว่าต้องไปสำราจสถานที่ไหม …ขออุทานว่า โอว…พระเจ้าจอร์จ ใครจะไป ไปทำอะไร ติดต่อก็ทางโทรศัพท์ แฟกว์ อีเมล แผนที่ในเน็ตไม่มีก็ขอ หากไปไม่ถูกอีกก็ใช้กูเกิ้ล อาหารก็เลือกจากกระดาษ …..หากไม่ดีทำอย่างไร ก็บอกต่อสิจ๊ะพวกโรงแรมหรือรีสอร์ทกลัวเรื่องพวกนี้มาก และอีกอย่างหนึ่งสถานที่จะดีหรือไม่ดีเราก็คงไปพักซ้ำอีกครั้งหนึ่ง…ยากค่ะ และค่าใช้จ่ายก็ไม่ใช่น้อย เรื่องพวกนี้จึงไม่ทำและไม่คิดว่าจะทำ
ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวระหว่างทาง ที่มักเน้นไปที่พิพิภัณฑ์ท้องถิ่น สถานที่ท้องถิ่น เช่น วัด ตลาด … เชื่อเถอะว่าเรื่องท้องถิ่นมาแรง ทุกที่มีทั้งนั้น ขอให้เราสนใจและใส่ใจจริงๆ ที่จะหา แล้วก็ใช้วิธีการเดียวกับข้างต้นไม่มีอะไรซับซ้อน
คำถามยอดฮิตอีกอย่างคือ จำเป็นไหม เรื่องนี้ผู้บริหารมองว่าจำเป็นเพราะในหนึ่งปีเรามีเพียงสองวันที่เราได้หยุด อยู่และพูดเรื่องเดียวพร้อมๆกัน
งบประมาณในแต่ละปีหอสมุดฯ ได้จัดสรรส่วนนี้เอาไว้แล้วและก็เป็นเรื่องที่ทุกหน่วยงานต้องทำ สมัยก่อนเมื่อสิบปีที่แล้วเรื่องแบบนี้ไม่มี เพิ่งมีเมื่อไม่นานมานี้เอง และที่มีเพราะทุกคนต่างเรียกร้องให้มี ไม่ทราบว่าจะพอมีใครจำเรื่องราวแบบนี้ได้ไหม…
สำหรับเรื่องงบประมาณ ทุกครั้งที่จัดจะมีสัดส่วนของการใช้ที่คำนึงถึงความคุ้มค่าของเวลา สัดส่วนความสุขของบุคลากรที่ได้ กับสัดส่วนของเนื้อหาที่หน่วยงานได้รับกลับมา …. สิ่งนี้นับเป็นข้อดีของวัฒนกรรมการทำงานของหอสมุดฯ
คงต้องฝากกับรุ่นน้องๆ ต่อไปด้วยว่าเราต้องจัดการตรงนี้ให้ได้ ในฐานะรุ่นพี่คงทำให้ดูแค่เป็นตัวอย่าง อีกไม่นานคงต้องวางมือให้น้องๆ มาทำงานแบบนี้กันต่อไป และอย่าให้ความบันเทิง หรือความสุขสบายมาครอบงำและกัดกร่อนของแข็งแกร่งองค์กรของเราได้ เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันปกป้องและดูแลทั้งนี้เพื่อความอยู่รอดของพวกเราเอง กับชีวิตที่เราต้องออกไปอยู่กับการบริหารอีกรูปแบบหนึ่งของมหาวิทยาลัย …. เตรียมตัวไว้แต่เนื่นๆ เป็นสิ่งที่ดีที่สุด