Openstat vs SPSS
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้รับการขอร้องแกมบังคับจากหัวหน้าหอสมุดฯ และหัวหน้างานธุรการ ให้ไปเข้าร่วมการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ ที่คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เรื่อง “การใช้โปรแกรม Openstat สำหรับงานวิจัย” ก่อนไปอบรมก็ควรจะมีความรู้ซะก่อนว่ามันคืออะไร (กลัวไปขายหน้า)
Openstat เป็นโปรแกรมที่เป็น Open source ซึ่งสามารถใช้งานได้เหมือนกับโปรแกรม SPSS ที่เราเราท่านท่านรู้จักกันดี และบางท่านก็ใช้จนเป็นมืออาชีพ แต่ในขณะเดียวกัน SPSS ก็เป็นโปรแกรมที่มีลิขสิทธิ์ ต้องซื้อและราคาค่อนข้างแพง ดังนั้นโปรแกรม Openstat จึงเป็นโปรแกรมหนึ่งที่น่าสนใจ ที่จะนำมาใช้งานแทน SPSS ได้
วิทยากรที่มาอบรมให้คือ อาจารย์อมรเทพ ทองชิว จากบริษัท OpenSource2Day วิทยาการที่ได้รับก็แน่นอนว่า เริ่มตั้งแต่การรู้จักโปรแกรม install โปรแกรม ตลอดจนสถิติต่างๆ …. อันนี้แน่นอนว่า อันตัวข้าพเจ้าไม่ชอบคณิตศาสตร์เป็นนักหนา ยิ่งสถิติยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยนา กินยาขมยังง่ายกว่า … และแล้วก็ต้องรู้จักสถิติอันมากมาย (ทำให้นึกถึงหัวหน้างานธุรการ ว่าถ้าท่านพี่มาเป็นคนฟังสถิติ และให้น้องเอ๋เป็นคนฝึกโปรแกรม ถ้าจะพากันรุ่ง…เป็นแน่)
หลังจากกลับมาจากอบรมแล้ว ก็มัวแต่ยุ่งเหยิงในชีวิตอยู่ และแล้วผ่านมา 2-3 อาทิตย์ จึงได้ลงมือฝึกปรือฝีมือ (อันไม่ค่อยจะมี) แต่ก็พอจะเอาตัวรอดได้พอประมาณ (เฉพาะสถิติพื้นๆ) ส่วนสถิติอื่นๆ หมดฝีมือ ไม่ใช่หมดฝีมือใช้โปรแกรมนะ แต่หมดฝีมือที่จะเข้าใจสถิติมากกว่า
แต่สรุปว่า Openstat ก็ใช้งานได้โอเคนะคะ…ยังไงยังไง ใครที่ต้องใช้โปรแกรมในการทำสถิติ ก็อย่าลืมนึกถึงโปรแกรมฟรีฟรีตัวนี้ก็แล้วกันค่ะ ส่วนโปรแกรมเสียเงินหากไม่ได้ซื้อหามา แต่ใช้ยาแก้ไอ ก็ระวังระัวังกันหน่อยแล้วกันค่ะ สำหรับการใช้กับงานวิจัย เพราะท่านอาจจะมีความทุกข์กับการใช้ยาแก้ไอได้ เนื่องจากงานวิจัยเป็นงานเผยแพร่ เพราะฉะนั้น SPSS คงตรวจสอบได้ว่าโปรแกรมที่ท่านนำมาคำนวณนั้น ถูกหรือผิดลิขสิทธิ์… 🙂
4 thoughts on “Openstat vs SPSS”
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.
ที่ให้ไปอบรม ก็เพราะเรื่องโปรแกรมนั่นแหละ (สถิติค่อยมาว่ากัน) สำคัญยิ่งคือ การสอนต่อ(แบ่งปันความรู้)แก่บรรณารักษ์ นักวิชาการ เจ้าหน้าที่ที่สนใจในหอสมุด ประสานงานกับงานวิชาการ กำหนดวัน อาจวันเดียวกับบรรณารักษ์ up date หรือวันเดียวกับ IT update หรือ แล้วแต่สะดวกของทุกคน อย่าๆๆๆๆๆๆๆๆบ่น
“เห็นไหม ชำนาญการ (ยังไม่ได้เชี่ยวชาญนะ) หัวหน้าหอสมุดยังใช้ขนาดนี้” ก็นี่แหละ เพิ่มเข้าไปอีกสักเรื่อง จากที่ทำอยู่แล้ว(เก็บไว้ด้วยล่ะที่ทำๆไว้น่ะ)จะเป็นไร ดีกับตัวเอง การทำงานทุกอย่างที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อองค์กร ต่อเพื่อนร่วมงาน จากองค์ความรู้ที่มีในตัวเรา ซึ่งนอกจากบุคลากรมีความเข้มแข็งในความรู้ต่างๆที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังทำให้องค์กรของเราเข้มแข็ง เจริญรุดหน้าไปอย่างทันต่อเหตุการณ์ และส่งผลให้องค์กรศิลปากรเข้มแข็งขึ้นอีกด้วย
พี่แมวเชื่อว่า การแบ่งปันความรู้ ถือเป็นกุศลยิ่ง ช่วยให้ตนเองและคนรอบตัวเฉพาะอย่างยิ่งสายเลือดของเราเจริญรุ่งเรือง
ใช่ค่ะพี่แมว…หากร่วมด้วยช่วยกันแบ่งปันความรู้ทุกคนก็จะยิ่งพอกพูนไม่มากก็น้อย give และ get ควรมาด้วยกัน ไม่ถึงกับต้องเท่าเทียมแต่ควรมีบ้าง เพราะนานๆ ไปคนที่ give มากๆ พอถึงจุดๆ หนึ่งอาจถอดใจ แล้วต่อไปก็จะไม่มีทั้ง 2G ผลสุดท้ายก็ต้องมาพึ่งที่ระบบ ซึ่งก็ไม่ใช่วิสัยของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
การเรียกประชุม หรือเข้ามาอบรมพร้อมๆ กัน หาเวลาตรงกันค่อนข้างจะยาก หรือบางทีนัดได้แล้วพอถึงเวลาจึงก็จะหายๆ ว่อบๆ แว่บๆ หายไปทั้งตัว หรือบ้างก็สมาธิหายไปกับเสียงโทรศัพท์ หรือ ฯลฯ แต่การเขียนไว้ใน blog ทิ้งไว้ ทำให้เรามีโอกาสได้อ่าน เป็นตัวเสริมขึ้นมาหลังจากที่คุย พูด ประชม บอกกล่าวเล่าสิบ ย่อ หรือขยายข้อความ
ที่คณะเภสัชศาสตร์ฯ มีการพูดเรื่อง Open Sources กันค่อนข้างมาก มี blog ที่มีเนื้อหาหลากหลายเช่นเดียวกับของเรา แต่ผู้เขียนมาจากหลายหลายตำแหน่งเนื่องจากเป็นคณะวิชา ความรู้จึงมีหลายมุมมอง เป็น blog ที่น่่าติดตามและน่าสนุกทีเดียว
เ่ท่าที่ทราบ ที่คณะเภสัชศาสตร์มีการเซ็น MOU เรื่องการใช้งาน Open Source ค่ะ จากการสังเกตคอมพิวเตอร์ที่ห้อง Lab โปรแกรมเกือบทั้งหมดเป็น Open Source เช่น Open Office, GIMP, PDF Creator เป็นต้น
ในอนาคตคงต้องเป็นแบบนี้ แล้วก็หนีไม่พ้น การทำตัวให้ปรับตัวให้ง่ายเป็นเรื่องที่ดีที่สุด ตอนนี้พี่เริ่มให้ลูกใช้พวกนี้ไปเรื่อยๆ ถึงไม่ใช้ก็ให้รู้ไว้ใช่ว่าแบกหาม