CONSAL ตอนไม่โมเม

บนเครื่องพบอาจารย์ ดร.สุจินต์ จาก ม.มหาสารคาม ตอนลงถึงจะเห็นน้องแตน และพบคนไทยอีกสองสามคน แต่ไม่ได้คุยกันเพราะไปกันเป็นกลุ่ม
กว่าจะถึงโรงแรมก็บ่าย มีเจ้าหน้าที่มารับลงทะเบียนเราต้องจ่ายไปอีกสิบเหรียญแต่ป้ายชื่อยังไม่ได้นะ ไปเก็บของ แล้วก็ลงมาเพื่อเดินเที่ยวป้ายชื่อเสร็จเพราะจ่ายเงินครบแล้วทุกอย่างเป็น invoice หมด
และโรงแรมเช็คอินโดยขอเก็บพาสปอร์ตไว้ เราได้แต่สงสัยว่าเก็บไว้ทำไม หากเราไปเฟอะฟะที่ไหนทำอย่างไรเกียรติบอกว่าเคยพบแบบนี้ที่เมืองจีนให้เราจำชื่อโรงแรมไว้ หากมีปัญหาเขาคงตรวจสอบกับโรงแรม แต่บอกว่าไปว่าพี่สำเนามาด้วยแล้ว (ฉันรอบคอบ)
วันแรกเรายังไม่พบใคร น้องแตนขอพัก ส่วนเราก็เดินและเดินไปเรื่อยๆ จนไม่รู้จะไปไหนก็เดินกลับ เกียรติไปถามเจ้าหน้าที่จัดงานแจ้งว่าให้ไปที่นี่ ที่นั่นเขียนชื่อถนนให้
ถนนที่นี่ดูง่ายเพราะจะมีป้ายชื่อ แต่การข้ามถนนนี่ซิยิ่งสนุ็กกว่าเพราะเราต้องเดินอย่่างเดียวห้ามว่อกแว่ก ห้ามหันไปสบตามเพราะเขาจะไม่หยุด เราสองคนสรุปอย่างขำๆว่าคนเวียดนามเป็นคนมองไปข้างหน้าและต่างทำหน้าที่ของตน
ส่วนคนไทยเป็นคนมองข้างๆ ดูว่าเพื่อนทำอะไร เราข้ามถนนกันไปมาจนชำนาญเดินไปเรื่อยๆเพราะอยากไปพิพิธภัณฑ์ ถามกระทั่งมีคนใจดียกแผนที่ี่ให้และเราก็ใช้จนคุ้ม กว่าจะกลับเราก็เดินซะรอบใจกลางกรุงฮานอย เสียดายที่มีเวลาน้อยเพราะยังมีอีกหลายที่ที่อยากไปแต่สังขารกับเวลาไม่อำนวยและพรุ่งนี้ก็ต้องออกแต่เช้า
เช้าพิธีเปิดมีอย่างอลังการคนเยอะมากถือเป็นงานที่สร้างความภาคภูมิใจให้ชาวเวียดนาม ชอบที่ช่วงนี้่ให้เด็กประถมเป็นพิธีกรทั้งภาษาอังกฤษและภาษาเวียดนาม เรานั่งอยู่คนเดียวเพราะที่เรารู้จักต่างเป็น speaker สักพักได้ยินเสียงคนไทยมานั่งแถวหลัง หันไปมีคุ้นหน้าอยู่หนึ่งคนคือพี่เจน สหัทยา คล้ายหาญ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  จึงแนะนำตัว
ส่วนที่เหลือมาจากกรมวิทยาศาสตร์บริการและหอสมุดแห่งชาติ ส่วนกลุ่มอื่นยังไม่เห็น ดูจากรายชื่อแล้วมีอยู่หลายคนส่วนใหญ่มาจากห้องสมุดโรงแรียนนานาชาติ และเป็นชาวฟิลิปปินส์ ภายหลังพบหนึ่งคนและคุยกันเนื่องจากเขารู้จักและสนิทกับอาจารย์ที่เราสนิทด้วยและเรารู้เรื่องราวของเขาในบางเรื่อง (ประมาณว่าโลกกลม) กว่าจะเลิกงานก็เย็นไปส่งที่โรงแรมก่อน พอหนึ่งทุ่มจะรับไปงานกาลา (ที่ไม่มีดินเนอร์) ที่โอเปร่าเฮาส์สวยมาก ดูการแสดงของเวียดนามจนเกือบจะหลับ
หลังจากนั้นเป็นการแสดงของประเทศต่างๆ ท่ามกลางเสียงเรียกร้องการแสดงของ Thailand Thailand ให้ได้ยินจนขำๆ แต่เราทั้งสามคนไม่สามารถเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงในนามของประเทศไทยได้ เพราะใส่เสื้อยืดและเสื้อสีดำ
การแสดงของเราใช้เพลงลอยกระทงเวอชั่นน์ภาษาอังกฤษ ซึ่งพี่ๆ รำวงได้อย่างสวยงาม ในชุดที่มีสีสันสดสวย ห้าทุ่มงานจึงเลิก สมเกียรติถามหาอาหาร บอกไปว่าไปให้มางานกาลา ไม่ใช่กาลาดินเนอร์ ดังนั้นเมื่อกลับจากโรงแรมจึงยกครัวซองต์และน้ำให้ไปสองขวดและโรงแรมก็มอบพาสปอร์ตคืนให้ ส่วนเราสำทับไปว่าดูตั๋วเครื่องบินด้วยล่ะ เพราะจำเลขที่นั่งไม่ได้แต่ถึงหายฉันก็ถ่านเก็บไว้แล้ว (ฉันรอบคอบ) เช้าตกลงว่าจะเดินไปกันเอง
การ present งานและแนวคิดในการพัฒนาของหอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยมีคนเข้าไปฟังมากและที่สำคัญไม่มีคนลุกหนี  บรรณารัีกษ์ข้างๆ เป็นชาวเวียดนามหันมามองเราบ่อยๆ จนเราต้องยิ้มกลับไป แล้วเขาถามว่าที่ทำงานคุณใช่ไหม ก็ตอบว่าใช่เขาก็บอกว่าดีจังและชม
ส่วนพี่ๆ ชาวไทยถามเราว่าห้องสมุดเราทำงานกันมากมายขนาดนั้นเลยหรือเราบอกว่าใช่ บอกไปว่าวัฒนธรรมองค์กรของสนามจันทร์ เป็นหน่วยงานที่บุคลากรขยันทำงานมาก มีคนถามว่าจะทำอย่างไรกับคนที่ไม่ทำงาน ก็บอกว่านอกจากงานประจำแล้วที่นี่่่ทำงานโดยให้ทุกคนมีโปรเจ็คในมือให้รับผิดชอบ
และงานส่วนใหญ่เป็นงานที่พวกเราคิดกันขึ้นมาว่าแต่ละฝ่ายจะทำอะไร มีพี่บางคนถามว่าดีจริงที่โปรเแกรมเมอร์มาเข้าใจงานเรา เรื่องนี้ต้องอธิบายกันยาวว่างานของห้องสมุดมีอยู่แล้ว เพียงแต่เรานำเทคโนโลยีเข้าไปจับให้มันอยู่ถูกที่ถูกทาง และไอทีแมนก็มีหลายแบบซึ่งมีความชำนาญต่างกันออกไป ซึ่งสมเกียรติเขามีข้อดีตรงนี้คือเข้าใจการทำงานและให้บริการแบบ social networking โดยไม่ติดกับซอฟแวร์หรือฮาร์ดแวร์และที่สำคัญคุยกับเรารู้เรื่อง และเข้าใจถึงทิศทางความเป็นไปในโลกแบนๆ ฯลฯ พอลงจากเวทีสมเกียรติจึงถูกอยู่ในวงล้อมของหลายๆ คน และยกให้็เป็นขวัญใจของป้าๆ พี่บางคนเล่าว่าคนข้างๆ บอกว่าที่นี่มีอะไรหมดเลย อยากจะให้พูดอีก
นับว่าเรื่องราวของพวกเราชาวหอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ไม่เบาทีเดียว ก็คงเหมือนกับเรามั้งที่เวลาฟังอะไร อะไรในฐานะบรรณารักษ์แล้วอยากได้อะไร อะไรที่จับต้องได้ ไม่ใช่มาฟังทฤษฏี เราคุยเรื่องนี้กับเกียรติซึ่งเห็นตรงกันว่าการสัมมนาควรเป็นเวทีที่ใช้สำหรับนำเสนองาน ไอเดียต่างๆที่เราทำ บอกถึงความสำเร็จ ความล้มเหลวและความเป็นไป แบ่งปันให้เพื่อนร่วมวิชาชีพ วันแรกพี่ถามถึงเรื่องที่นำเสนอว่าเป็นไง บอกกลับไปว่าเรื่องของพวกหนูฮาเฮมีแต่วิชาเกิน แต่ทำจริง…ไม่โมเมค่ะ

2 thoughts on “CONSAL ตอนไม่โมเม

  • ไม่ได้โม้…………………………จริงทั้งนั้น ขี้คุยตั้งแต่หัวหน้ายันลูกน้อง ไม่ได้ว่าใครนะ ว่าตัวเองและหนูปอง ดีใจจัง บอกได้เลยว่าหัวกะได….ไม่แห้งอีกแล้ว พวกเรา งานเข้าอีกแล้ว เชื่อเถอะ

Leave a Reply

Tags

blog CONSAL KPI PULINET การจัดการความรู้ การดูแลสุขภาพ การทำงาน การท่องเที่ยว การบริการ การปฏิบัติงานล่วงเวลา การประชาสัมพันธ์ การพัฒนาตนเอง การพัฒนาบุคลากร การลงรายการ การศึกษาดูงาน การอ่าน การเรียนออนไลน์ กิจกรรมสำหรับเด็ก กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน กิจกรรมห้องสมุด ความสุข ค่ายห้องสมุด งานบริการ ธรรมะ นวนิยาย นักเขียน บรรณารักษ์ บริการชุมชน ประกันคุณภาพ ภาพถ่าย ภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยศิลปากร ระบบห้องสมุดอัตโนมัติ วัด วันสำคัญ วารสาร สัมมนา สุขภาพ หนังสือ หนังสือบริจาค หนังสือและการอ่าน หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ ห้องสมุด ห้องสมุด 24 ชั่วโมง อาหาร