ในห้องสัมมนา
หัวข้อของการสัมมนาปีนี้คือ KPI รายบุคคล โดยมีท่านผู้อำนวยการเป็นผู้ให้ความกระจ่าง แต่จะใสแจ๋วแหนวแบบทะลุลวงคงต้องใช้เวลาสักพักใหญ่
เรื่องนี้เป็นนโยบายที่ให้มาตั้งแต่ปีก่อน ก็ค่อยๆ ทำกันเงียบ ข้อมูลส่วนใหญ่ได้มากจากการสัมมนาครั้งที่ผ่านๆ มา ที่ไ้ให้แต่ละคนเขียนกันคนละนิด คนละหน่อย บางคนอาจคิดว่าไม่มีอะไร แต่สำหรับผู้ที่รับผิดชอบทุกข้อความที่เขียนต้องนำมาเรียง มาคิดต่อ หาสาเหตุความเป็นมา ซึ่งได้คำตอบบ้างไม่ได้บ้าง เรื่องไหนที่ได้ก็ทำไป เรื่องไหนที่ยังไม่ได้ก็ต้องรอเวลา อันนี้คือภาพรวม
แต่ในเรื่องใกล้ตัวคือในฝ่่ายบริการ มีพี่นก พี่ติ๋ว และพี่พัช เป็นแกนนำของพี่น้องจึงขอขบอคุณมา ณ ที่นี้อีกหลายๆครั้ง ซึ่งได้เล่ารายละเอียดไว้ที่ http://202.28.73.5/snclibblog/?p=7762 แต่ทำกันนานจนลืม
วันสัมมนาผู้อำนวยการ มาพูดให้ฟังมากมาย จึงขอแบ่งออกเป็นสองประเด็นย่อยคือความจำเป็นของหน่วยงานที่ต้องมีสารพัดระบบมาใช้กับบุคลากร และการปรับตัว ปรับใจยอมรับกับระบบดังกล่าวให้ได้ เพราะถ้าอยู่กับสารพัดระบบได้ดีเราก็จะมีความสุข หากหงุดหงิด เบื่อ เซ็ง เครียด ก็คงจะสุขน้อยหน่อย ในเมื่่อทางเลือกมีอยู่สองทางจึงขอเลือกแบบสุข เรื่องแบบนี้เลือกข้างได้ง่ายกว่าเรื่องสีเหลืองสีแดง
หลังจากนั้นมีการประชุมกลุ่มย่อยเพื่อเสวนากับผู้อำนวยการฯ แบ่งเป็นสองกลุ่มตามทีมการทำงานที่หัวหน้าหอสมุดฯ ได้กำหนดให้ กลุ่มแรกประกอบก้วยฝ่ายวิเคราะ์ห์ฯ กับฝ่ายโสตฯ แถมงานไอทีไปด้วยอีกหนึ่งคน กลุ่มสองเป็นฝ่ายบริการ งานธุรการแลงานศต.เราอยู่กลุ่มสองจึงขอเล่าบรรยากาศให้คือเราจะแยกคุยกัน ฝ่ายบริการคนเยอะสูสีกับงานธุรการอยู่กันคนละซีก นั่งที่พื้น ส่วนโต๊ะกลางเก็บไว้ให้สองศรีพี่น้องงาน ศต.หนุงหนิงคุยกันสองคน งานธุรการหนูใหญ่เข้ามาแจกแจงแล้วสลายตัว ตามด้วยสองสาว ส่วนพวกเรานั้นเรื่องมากแต่ไม่มากเรื่ื่อง เพราะคนลดไปหนึ่งคน ไม่มีอัตราเพื่มจึงต้องปรับงานและปรับคนทั้งในเวลาและซักซ้อมความเข้าใจเรื่องราวของการทำงานทั้งในเวลาและขอความร่วมมือจากเพื่อนในช่วงล่วงเวลา
ส่วนเรื่อง KPI นั้นอาศัยว่าทำกันมานานจนลืมคิดว่าเป็นของใหม่ รำลึกความเป็นมาได้ที่ วันนี้ทุกคนจึงพอจะมี KPI ประจำตัวกัน เหลือแต่ปรับนิดๆ หน่อยๆ ให้ชัดเจน รวมถึงหลักฐานที่จะนำมาสนับสนุน อันนี้ก็คงเป็นการบ้านให้ช่วยกันคิดต่อไป
หลังจากนั้นก็จะไปสลับกัยกลุ่มแรกที่เสวนากับผู้อำนวยการ พอพร้อมก็เกริ่นว่าจะเสวนาเรื่องอะไรกันดีโดยเล่าให้ฟังสั้นๆ ว่ากลุ่มแรกพูดเรื่องความสุข ก็เลยคุยกันเรื่องนี้แล้วกัน เนื่องจากเรายังอาจไม่ชินกับการเสวนา จึงกลายเป็นสัมมนาโดยมีท่านผู้อำนวยการฯ เป็นวิทยาการ ฟังไปฟังมาจะหนักไปทางธรรมะ อาจารย์สรุปว่าผมมีความรู้สึกว่ากำลังนั่งเทศน์ สรุปก็คือทุกเรื่องอยู่ที่ใจและอยู่ที่ตัวเราเอง ซึ่งต้องหาเหตุให้ได้พร้อมทั้งจัดการให้ได้ จึงจะมีความสุข
มีการพุดถึงเรื่องการประเมินเพื่อเลื่อนขั้นเงินเดือนในรูปแบบของเอกชน ซึ่ง KPI อาจเข้ามาบทบาท แต่ทุกเครื่องมือต่างมีข้อเสียทั้งนั้น ดังนั้นอาจจะต้องใช้ทุกระบบเข้าไปจับเช่น KPI Competency รวมถึงลักษณะส่วนบุคคล ซึ่งอาจมีสัดส่วนลดหลั่นกันไปว่าควรจะเป็นเท่าใด และย้ำเรื่องสุดท้ายคือความสุขต้องมีทั้งความสุขของตนเอง ซึ่งต้องไม่ขัดแย้งกับความสุขขององค์กร
จบลงเที่ยงตรงท่านข้าวกล่อง แล้วขึ้นรถไปเมืองกาญจน์ อ่านต่อไ้ด้จากที่เพื่อนๆ เขียนไว้