LipCamp#3 สัมมนาเครือข่ายบรรณารักษ์ยุคใหม่

😯 เมื่อวันอาทิตย์(28ตุ.ค.)มีโอกาสได้ไปเที่ยวเชิงวิชาการและความรู้แบบมีสาระ ที่สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยเป็นแม่งานใหญ่ คือโครงการสัมมนาเครือข่ายบรรณารักษ์ยุคใหม่ Libcamp#3 จัดโดยเครือข่ายจิดอาสา ชุมชนบรรณารักษ์ออนไลน์ แผนงานICT ของ(สสส.) และสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย ตั้งแต่เวลา9.00-17.00น. ซึ่งจัดขึ้นที่ห้องสมุดเสริมปัญญา ถนน.อาคารสงเคราะห์5 คลองจั่น บางกะปิ กรุงเทพฯ แว่วว่าเป็นของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
เนื่องด้วยไปอ่านเจอในทวิตเตอร์ของคุณพี่สมปองว่าเขาจะมีการจัดlibcamp#3ขึ้น หลังจากที่ได้มีการจัดlibcamp#1 มาแล้วเมื่อเดือนเมษายน และlibcamp#2 เมื่อเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา ซึ่งพี่ปองเขาได้ไปมาไม่มีพลาด ครั้งนี้จึงขออาสาไปเป็นคณะทัวร์ด้วยอีก1คน และก็ไม่ผิดหวังกับสิ่งที่ได้รับกลับมาเลย เพราะได้ไปเห็นไปฟังในสิ่งที่เราไม่คิดว่า1คนเขาสามารถทำได้มากมายกว่าที่เรามองเห็นด้วยตาปล่าวเลยทีเดียว!
การสัมมนาในครั้งนี้จัดรูปแบบไม่เป็นทางการ ซึ่งเป็นการร่วมกันเสวนา พูดคุยกันอย่างเป็นกันเองมากกว่า โดยทีมงานที่ร่วมจัดสัมมนาได้นำประสบการณ์ที่ได้ทำโครงการมาเล่าสู่กันฟังพร้อมให้ผู้เข้าร่วมฯแสดงความคิดเห็น เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ต่อกัน การสัมนาครั้งนี้ ศาสตราจารย์ คุณหญิงแม้นมาส ชวลิต นายกสมาคมห้องสมุดฯเป็นผู้กล่าวเปิดงานพอเป็นพิธี จากนั้นจึงเริ่มการเสวนา เรื่องแรก ในหัวข้อ “กว่าจะได้ห้องสมุดหนึ่งแห่งต้องทำอย่างไร” โดยคุณสุจิตร สุวภาพ ประธานชมรมห้องสมุดเฉพาะ ผู้สร้างและพัฒนาห้องสมุดมารวย ศูนย์การเรียนรู้ TK Park บ้านจิตอาสา และศูนย์การเรียนรู้เอสพานาด ฯลฯ  มาเล่าถึงประสบการณ์การทำงานอย่่างประทับใจ โดยเนื้อหาในการเสวนาพูดถึง แนวทางการพัฒนาห้องสมุดยุคใหม่ และปัจจัยที่นำมารวมไว้ในห้องสมุด โดยท่านให้แนวคิดว่า การจะกำหนดนโยบายการสร้างห้องสมุดขึ้นมาสัก1แห่งอยากให้มองรูปแบบความต้องการก่อน แล้วจึงค่อยกำหนดงบประมาณ นอกจากนึ้ยังฝากถึงการพัฒนาบุคลากรซึ่งถือเป้นสิ่งสำคัญที่อยู่คู่กับห้องสมุดว่า ต้องปรับทัศนคติของบรรณารักษ์ให้เป็นบวก มีการอบรมตั้งแต่บุคลิกภาพ การแต่งกาย แต่งหน้า นิสัยในการต้อนรับ วาจา รอยยิ้ม และเข้าถึงผู้ใช้อย่างเป็นมิตร สุดท้ายก่อนจบการเสวนาคุณสุจิตร ได้ให้ข้อคิดสร้า้งกำลังใจในการทำงานมาอีกหลายข้อทีเดียว
เป็นกำลังใจในการทำงาน
1.ต้องเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย หากต้องการข้อมูลที่ลึกซึ้ง
2.ต้องมีความมั่นใจ เชื่อมั่นในการพัฒนางาน
3.อุปสรรค์คือแรงขับเคลื่อน
4.การมีเครือข่ายเป็นสิ่งที่ดี ที่จะทำให้เราทำงานร่วมกัน
5.การทำงานต้องกำหนดรูปแบบ หรือตีโจทย์ให้แตก
6.มีความสามารถแล้วต้องมีประสิทธิภาพด้วย
7.ให้กำลังใจบรรณารักษ์รุ่นน้องๆว่าอย่าท้อในวิชาชีพฯ เพราะเราจะก้าวหน้าด้วยผลงานเป็นตัวชี้วัด เมื่อทำงานแล้วมีประสิทธิภาพความก้าวหน้าก็จะเกิด
จากนั้นในช่วงบ่ายหลังจากที่พักรับประทานอาหารแล้วจึงได้เข้าสู่การเสวนาอีกครั้งด้วยเรื่องเบาๆแต่มีสาระเริ่มจาก
เสวนากับนศ.วิชาชีพบรรณารักษ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถึงกรณีศึกษา:การทำกิจกรรมของนศ.เอกบรรณารักษ์ฯ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
การเสวนาในหัวข้อนี้เป็นการเปิดโอกาสให้เราบุคลากรที่ทำงานเกี่ยวกับห้องสมุดได้เข้าใจนศ.บรรณารักษ์มากขึ้นว่าเขาคิดอะไร ทำอะไรเพื่อวิชาชีพ ดังเช่นที่น้องเขาทำคือ จัดโครงการความร่วมมือระหว่างวิชาเอกบรรณารักษ์กับวิศวกรรมศาสตร์ ร่วมกันสร้างสมุดในถิ่นที่ขาดแคลน เพื่อพัฒนาห้องสมุดที่อยู่ห่างไกลให้เข้าถึงความเจริญมากขึ้น เป็นต้น
สื่งที่ควรนำมาร่วมกันพัฒนาในวิชาชีพร่วมกับวิชาเรียน คือ
1.อยากให้มีการแลกเปลี่ยนนศ.ระหว่างสถาบัน เพื่อเรียนรู้หลักสูตรการเรียนการสอนที่ต่างกัน
2.มีการรวมกลุ่มของนศ.วิชาเอกบรรณารักษ์ให้มาทำกิจกรรมร่วมกัน ดังเช่นหากเป็นระดับบุคลากรวิชาชีพก็ัจะมีการรวมกลุ่มบรรณารักษ์ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ร่วมกัน
3.จัดกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือสังคมให้มากขึ้น เช่นจัดโครงการช่วยเหลือ ปรับปรุงห้องสมุดโรงเรียน ส่งเสริมการอ่านให้เยาวชน
จากนั้นต่อด้วยการเสวนา”การสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับองค์กรด้านห้องสมุด” ซึ่งในหัวข้อนี้จะมุ่งเน้นไปที่การสร้างเครือข่ายฯ เพื่อพัฒนาห้องสมุดและการเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศได้สะดวกยิ่งขึ้น ต่อมาเป็นการแนะนำ”โครงการอ่านสร้างชาติ” ของมูลนิธิกระจกเงา จัดทำขึ้นเพื่อนำสิ่งของบริจาค จากผู้มีจิตศรัทธาส่งมอบให้กับผู้ยากไร้ หรือขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กๆอยากอ่านหนังสือแต่ไม่มีหนังสือให้อ่าน โดยโครงการนี้จะมอบหนังสือฟรีให้กับผู้ที่ประสงค์ ตามเงื่อนไขที่มูลนิธิกำหนดขึ้น (อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.read4thai.org) โครงการ”เปลี่ยนดินสอให้เป็นห้องสมุด” โครงการนี้เน้นให้ความช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสตามแนวทางรักบ้านเกิด คือพัฒนาจากแหล่งภูมิลำเนาของสมาชิก เนื่องจากจะได้สะดวกในการเข้าถึงพื้นที่และรู้ความต้องการของท้องถิ่นได้มากกว่า โครงการนี้เริ่มจากแนวคิดที่ว่าต้องการหาเงินทุนมาสร้างห้องสมุด แต่จะทำอย่าไรให้ได้เงินมาโดยที่ไม่ได้ขอใครฟรีๆ จึงเกิดไอเดียว่าขายของให้ได้เงิน แล้วจะขายอะไร? แต่เมื่อคิดไปคิดมาแล้ว จึงไปลงที่ขายดินสอ เนื่องจากดินสอมีความเกี่ยวข้องกับการเรียนรู้และมีความจำเป็นในการใช้ ต้นทุนไม่สูงมาก ขายผ่าน3ช่องทาง คือ 1.สโมสรศิษย์เก่าท่ีตนสังกัด 2.ผ่านสื่อให้โฆษณาให้ 3.ตั้งบูทขายที่จตุจักร จากการฟังเสวนาในหัวข้อนี้จึงได้หลักการทำงานมา1.ข้อที่สนใจคือ สิ่งที่เรานำเสนอต้องแปลก ใหม่ มีจุดเด่นกว่าของอื่นๆ เพื่อให้เป็นที่สนใจและขายได้หากเป็นสิ่งที่พื้นๆมันก็จะดูไม่น่าสนใจ
สำหรับโครงการสุดท้ายในการเสวนาคือ โครงการเครือข่ายจิตอาสา ทำโดยเครือข่ายจิตอาสา โครงการนี้เป็นโครงการที่เข้าไปช่วยเหลือ ปรับปรุงห้องสมุดเล็กๆให้มีระบบในการจัดเก็บหนังสือมากขึ้น หยิบง่าย หายรู้ ดูก็เห็น นั่นเอง ก่อนจะจบประเด็นเพื่อเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการแลกเปลี่ยนทัศนะระหว่างกัน และเยี่ยมชมส่วนต่างๆของห้องสมุดเสริมปัญญา ซึ่งเป็นห้องสมุดเล็กๆไม่ใหญ่มาก มีการแบ่งโซน และมุมอ่านหนังสืออย่างเป็นสัดส่วน หนังสือที่มีให้บริการมีหลายประเภท และส่วนที่มากหน่อยก็เห็นจะเป็นทางการตลาดการเงิน เพราะเป็นของตลาดหลักทรัพย์ฯเอง การบริการเชิงรุกในการกระตุ้นการอ่านของผู้ใช้ทำได้น่ารักมาก เช่น จัดแนะนำหนังสือระหว่างพื้นที่ว่างตรงราวบันได ติดบทความที่น่าอ่านไว้ตามสันชั้นหนังสือ ผนังห้องน้ำ เรียกได้ว่านำเสนอทุกส่วนที่คิดว่าผู้ใช้จะชายตามองเลยทีเดียว มีบริการที่คั่นหนังสือน่ารักๆไว้คอยบริการ เพื่อแก้นิสัยการกางหนังสือแล้วคว่ำลงบนโต๊ะ ซึ่งน่าสนใจมาก
การเดินทางเที่ยวไปออกจานครปฐมนั่งรถตู้ลง เซ็นทรัลปิ่นฯ  จากนั้นต่อแท็กซี่ไปลงท่าเรือท่าผ่านฟ้าลีลาศ นั่งไปต่อเรือที่ท่าเรือประตูน้ำ ก่อนจะนั่งยาวไปจนสุดสายที่ท่าวัดศรีบุญเรือง จากนั้นต่อแท็กซี่ไปถึงห้องสมุดเสริมปัญญา
การเดินทางเที่ยวกลับ นั่งแท็กซี่ไปลงที่คิวรถตู้ (ปลายทางไปสายใต้)บริเวณฝั่งตรงข้ามห้างเดอะมอลบางกะปิ นั่งยาวไปจนถึงจุดหมายเซ็นทรัลปิ่นฯแล้วจึงต่อรถตู้ข้างห้างเซ็นทรัลปิ่นฯ กลับมศก. โดยสวัสดิภาพ 😉

2 thoughts on “LipCamp#3 สัมมนาเครือข่ายบรรณารักษ์ยุคใหม่

  • ตั้งใจพาน้องยาไปหาเพื่อนซึ่งคาดว่าเวทีนั้นน่าจะเป็นกลุ่มเล็กๆ และรู้จักกันง่ายกว่ากว่ากลุ่มใหญ่ๆ ซึ่งเด็กๆ ไปจะรู้สึกเอ๋อ และที่นั่นส่วนใหญ่น่าจะเป็นวัยทีใกล้เคียงกัน อย่างน้องวายเจ้าของ http://www.libraryhub.in.th/ ซึ่งเป็นโต้โผก็รุ่นพี่ไม่กี่ปีเอง

  • วันหลังยาหยีหากทราบข่าวจากพี่ปองอีก อะไรที่จะทำให้ตนเองกว้างขึ้นลองชวนพี่เขียด กรุณาไปด้วย วัยไม่ต่างกัน บอกเขียดด้วยทำนาทำเมื่อไหร่ก็ได้ บ้านเราเอง ต้องได้ทำตลอดชีวิตที่อยากทำ (ถ้าไม่ขายนาเสียก่อน)

Leave a Reply

Tags

blog CONSAL KPI PULINET การจัดการความรู้ การดูแลสุขภาพ การทำงาน การท่องเที่ยว การบริการ การปฏิบัติงานล่วงเวลา การประชาสัมพันธ์ การพัฒนาตนเอง การพัฒนาบุคลากร การลงรายการ การศึกษาดูงาน การอ่าน การเรียนออนไลน์ กิจกรรมสำหรับเด็ก กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน กิจกรรมห้องสมุด ความสุข ค่ายห้องสมุด งานบริการ ธรรมะ นวนิยาย นักเขียน บรรณารักษ์ บริการชุมชน ประกันคุณภาพ ภาพถ่าย ภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยศิลปากร ระบบห้องสมุดอัตโนมัติ วัด วันสำคัญ วารสาร สัมมนา สุขภาพ หนังสือ หนังสือบริจาค หนังสือและการอ่าน หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ ห้องสมุด ห้องสมุด 24 ชั่วโมง อาหาร