Read to success ประสบความสำเร็จเพราะอ่านหนังสือ

         
 เป็นหนังสือที่แนะนำการอ่านเพื่อมุ่งสู่การเรียนรู้ เพราะการอ่านเปรียบเสมือนการเรียนที่ไม่มีวันสิ้นสุด เป็นการเพิ่มความรู้ เปิดโลกทัศน์ ผู้แต่งจึงเห็นความสำคัญของการอ่าน จึงรวบรวมเทคนิค วิธีการ ข้อแนะนำในการอ่าน เพื่อให้ทุกคนตระหนักและเห็นความสำคัญของการอ่าน จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ มีเนื้อหาที่น่าสนใจหลายข้อ แต่ขอสรุปออกมาที่คิดว่าสามารถนำปรับใช้กับการทำงาน การดำเนินชีวิตประจำวันได้
ประสบความสำเร็จเพราะอ่านหนังสือ
1. เข้าไปอยู่ในกลุ่มคนอ่านหนังสือ พฤติกรรมการอ่านหนังสือหรือไม่อ่านหนังสือ อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล เพราะการพูดคุยกับคนที่อ่านหนังสือจะทำให้เรามีเรื่องคุย สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์ง่ายขึ้น
2. ไม่ใช้เวลากับการอ่านมากเกินไป การอ่านหนังสือแบ่งเป็น 2 แนวทาง
             1). อ่านเพื่อใช้ในการทำงาน ซึ่งไม่ควรอ่านนานเกินไป
             2). อ่านเพื่อความบันเทิง สามารถใช้เวลาอ่านเต็มที่ เพราะการอ่านเพื่อความบันเทิง เราค่อยๆ อ่านเพื่อเพิ่มอรรถรส แต่การอ่านเพื่อใช้ในการทำงาน เราควรอ่านคร่าวๆ ไม่ใช้เวลามาก แต่เทคนิคการอ่านขึ้นอยู่กับลักษณะนิสัยการอ่านคนนั้นๆ ด้วย
3. พยายามใช้เวลาการอ่านให้น้อยลง ช่วงแรกๆ ที่อ่านหนังสือใหม่ๆ ก็จะอ่านหนังสือช้าทุกคน แต่ถ้าใครอ่านเป็นประจำ สามารถลดเวลาในการอ่านหนังสือได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะเป็นความเคยชินทำให้อ่านได้เร็ว คล่องแคล่ว
4. อ่านระหว่างรอ ในการรอใครสักคนเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ ถ้ารอนานก็เกิดความเหนื่อยหน่ายใจ แต่ถ้าเราพลิกเวลารอให้เกิดประโยชน์ แถมเพิ่มพลังสมองให้กับตัวเอง
5. เชื่อมโยงการอ่านกับการกระทำ การผสมผสานการอ่านและการลงมือทำให้ควบคู่กันไปอย่างรวดเร็วว่องไว จนเกิดความรู้สึกว่า อ่านหนังสือแล้วอยากลงมือทำ และเมื่อลงมือทำ ก็อยากกลับไปอ่านเรียนรู้เพิ่ม
6. กลับมาอ่านซ้ำอีกครั้งถ้าอ่านไปแล้ว 1 ปี นำกลับมาอ่านใหม่ การอ่านไม่จำเป็นต้องเข้าใจเนื้อหาหนังสือทันทีที่อ่านรอบแรก แต่เมื่อผ่านไป 1 ปี หากกลับไปอ่านอีกครั้ง อาจจะเจอจุดที่เราไม่เคยเห็นตอนที่อ่าน   ครั้งแรกก็ได้
7. อย่ายอมเสียโอกาสสำคํญ การอ่านหนังสือระหว่างฟังบรรยาย จะทำให้พลาดเนื้อหาที่ผู้บรรยายต้องการถ่ายทอด ซึ่งไม่ได้เขียนไว้ในหนังสือ ก่อนไปฟังบรรยายถ้าอ่านหนังสือมาก่อน จะช่วยให้เรามีข้อมูลก่อนเข้าฟัง  และเกิดความคิดว่าเรื่องราวเป็นแบบนี้นี่เอง เป็นต้น
หนังสือคือโอกาส
1. อ่านแล้วลงมือทำ คนที่อ่านหนังสือจนจบเล่ม จะแพ้คนที่อ่านหนังสือแล้วลงมือทำทันที เพราะการอ่านเพื่อหาวิธีแก้ปัญหา ไม่จำเป็นต้องอ่านจบทั้งเล่ม สามารถอ่านแค่จุดที่ต้องการแก้ปัญหา หรือ ประเด็นที่เราสนใจ
2. เรียนรู้อยู่เสมอด้วยหนังสือ การที่ไม่ประสบความสำเร็จในการทำงาน หรือทำงานไม่ราบรื่น ส่วนหนึ่งเกิดจากการเรียนรู้ที่ยังไม่พอ ซึ่งการอ่านจะทำให้เรามีความรู้เพิ่มเติม แม้หนังสือเล่มนั้นไม่เกี่ยวกับงานก็ตามแต่สามารถสะสมเป็นประสบการณ์เผื่อวันข้างหน้า สามารถนำมาปรับใช้ได้
3. เตรียมตัวให้พร้อมก่อนสัมมนา อ่านเพื่อเตรียมตัวมาสัมมนาเท่าไหร่ เราก็ได้กลับไปเท่านั้น เพราะการเตรียมตัวก่อนไปสัมมนา คือ การอ่านหนังสือของวิทยากรนั้นๆ ก่อนเข้าฟังสัมมนา การอ่านหนังสือก่อนที่เข้าฟัง จะช่วยให้การเข้าฟังบรรยายมีประสิทธิภาพดีกว่า เข้าไปฟังบรรยายแล้วก็อ่านไปด้วย
4. อ่านไว้ล่วงหน้า ก่อนถึงเวลาจำเป็น เพราะการอ่านในยามจำเป็น วงจรความคิดจะทำงานได้เพียง 60%
ไม่สามารถทำความเข้าใจเนื้อหาได้ทั้งหมด เช่น มีปัญหาการเงิน แล้วนำหนังสือมาอ่าน นั่นแหละที่บอกว่าจะได้เพียง 60% เพราะไม่สามารถทำความเข้าใจเนื้อหาได้ ฉะนั้นจึงควรอ่านหนังสือในช่วงไม่เร่งรีบ ช่วงชีวิตปกติและไม่จำเป็นต้องนำไปใช้ทันที เพราะสมองจะทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพมากกว่า
สร้างพลังงานบวกด้วยการอ่าน
1. เพิ่มทักษะการทำงานด้วยการอ่าน การอ่านจะช่วยให้เราเลือกใช้คำพูดและปฏิบัติตนได้อย่างเหมาะสมคนที่ทำงานเป็น คือ คนที่ทำงานรวดเร็ว การอ่านสามารถเพิ่มคำศัพท์ในหัวเราได้ เห็นได้ชัดว่า ถ้าคนมีคำศัพท์ในหัวน้อย ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ก็ทำให้ชีวิตดูติดขัดไปหมด ฉะนั้นการอ่านจะเพิ่มความรู้ในเรื่องคำศัพท์ ช่วยให้เราถ่ายทอดเรื่องราวหรือนำเสนองานได้ดี
2. อ่านหนังสือเพื่อเพิ่มคำศัพท์ การอ่านหนังสือเป็นการเพิ่มคำศัพท์ที่ดี เพราะเมื่ออ่านหนังสือ เราจะคุ้นชินกับคำศัพท์ และสามารถจดจำคำศัพท์ต่างๆ ได้เพิ่มทวีคูณ ถ้าเรารู้คำศัพท์มาก และพูดคุยกับคนที่มีคำศัพท์หลากหลาย จะทำให้เรามีคำศัพท์เพิ่มขึ้น เมื่อเรารู้คำศัพท์เพิ่มขึ้น ความสามารถในการรับรู้เรื่องต่างๆ ก็จะดีขึ้น
3. สำหรับคนที่ถูกชักจูงได้ง่าย เพราะไม่ได้มีกระบวนการคิดมากเหมือนคนอ่านหนังสือ เช่น ข้อความเชิญชวน “ฝากเงินวันนี้ 1,000,000 เยน เดือนหน้าได้รับเงินคืนถึง 2,000,000 เยน” ถ้าเป็นคนกลุ่มนี้อาจหลงเขื่อได้ทันที แต่ถ้าเป็นคนอ่านหนังสือ เราจะสร้างกระบวนการคิดอยู่เสมอ ทำให้เราไม่ถูกชักจูงง่ายๆ และจะตั้งคำถามที่สงสัย เช่น มีเงื่อนไขอะไรบ้าง เป็นต้น
4. เรียนรู้สิ่งที่ไม่รู้ เขลายังดีกว่า ไม่รู้ เพราะไม่เอาใจใส่ คือ ไม่รู้ตัวเองไม่รู้อะไร เพราะคิดว่าไม่รู้ก็ไม่เป็นไร

มนุษย์มี 3 ระดับ คือ ทำได้ดี ยังไม่เข้าท่า และ ไม่เอาไหน

 คนที่ไม่เอาไหน คือ คนที่ไม่รู้ตัวเองว่าไม่เข้าท่า แต่เราสามารถปรับจากระดับ จาก ไม่เอาไหน ขึ้นสู่

ระดับ ทำได้ดี ได้ด้วยการอ่านหนังสือ เพราะหนังสือเป็นตัวช่วยให้เรารู้ตัวว่า ตัวเองทำเรื่องที่ไม่เข้าท่าอยู่ แต่ถ้าเป็นคนไม่เอาไหน และไม่ค้นหาคำตอบ ก็จะคิดเพียงอย่างเดียวว่าตัวเองถูก

ประโยชน์จากการอ่าน
งานที่ปฏิบัติเป็นประจำ สิ่งที่สำคัญคือ การอ่าน Cataloger ต้องอ่านหนังสือแล้วจับประเด็นให้ได้ ถ้าอ่านเร็ว อ่านแล้วเข้าใจได้เร็ว การทำงานก็จะรวดเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงต้องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีสถิติการทำงานดีขึ้น

Leave a Reply

Tags

blog CONSAL KPI PULINET การจัดการความรู้ การดูแลสุขภาพ การทำงาน การท่องเที่ยว การบริการ การปฏิบัติงานล่วงเวลา การประชาสัมพันธ์ การพัฒนาตนเอง การพัฒนาบุคลากร การลงรายการ การศึกษาดูงาน การอ่าน การเรียนออนไลน์ กิจกรรมสำหรับเด็ก กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน กิจกรรมห้องสมุด ความสุข ค่ายห้องสมุด งานบริการ ธรรมะ นวนิยาย นักเขียน บรรณารักษ์ บริการชุมชน ประกันคุณภาพ ภาพถ่าย ภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยศิลปากร ระบบห้องสมุดอัตโนมัติ วัด วันสำคัญ วารสาร สัมมนา สุขภาพ หนังสือ หนังสือบริจาค หนังสือและการอ่าน หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ ห้องสมุด ห้องสมุด 24 ชั่วโมง อาหาร