กระจกหกด้าน
กระจกหกด้าน เป็นรายการโทรทัศน์ประเภทสารคดีสั้น ออกอากาศทุกเย็นวันจันทร์-วันอังคาร เวลา 16:00 – 16:15 น. ย้ายเวลาออกอากาศไปเป็นพฤหัสบดี – ศุกร์ เวลา 11:15 – 11:30 น. ย้ายเวลาออกอากาศไปเป็นพุธ – พฤหัสบดี เวลา 15:45 – 16:00 น. ปัจจุบัน ย้ายเวลาออกอากาศไปเป็นพฤหัสบดี – ศุกร์ เวลา 17:00 – 17:15 น. ทางช่อง 7 HD เริ่มออกอากาศครั้งแรก เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2526[1] , [2] , [3]นับเป็นรายการสารคดีที่มีระดับความนิยมสูงสุด[4] ชื่อรายการ กระจกหกด้าน มาจากคำสอนของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ที่ว่า คนเราทุกวันนี้ ดีแต่ส่องกระจกด้านหน้าแต่เพียงด้านเดียว ให้เอากระจกหกด้านมาส่องเสียบ้าง แล้วจะเห็นเอง
สารคดีสั้นทุกชุดของรายการ นางสุชาดี มณีวงศ์ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทผู้ผลิตรายการ รับหน้าที่บรรยายและคัดสรรข้อมูลที่นำมาผลิต นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546 ยังมีการเปิดเว็บไซต์ที่รวบรวมสารคดีที่ออกอากาศไปแล้ว โดยแบ่งเป็น 6 หมวดหมู่ ได้แก่ ศิลปวัฒนธรรม ชีวิตและสิ่งแวดล้อม อาหารและโภชนาการ สุขภาพและวิทยาศาสตร์ บุคคลและสังคม รวมถึงปกิณกะสาระคติ
นับตั้งแต่การออกอากาศเป็นครั้งแรกมาจนถึงปัจจุบันนี้ เพลงประกอบไทเทิลของรายการใช้เพลง Dancing Flames ของวง Mannheim Steamroller โดยภายหลังยังคงใช้เพลง Dancing Flames มาใส่ทำนองในแนวอินเดียแต่ยังคงทำนองเดิมไว้ แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงภาพกราฟิก ขึ้นอยู่กับการปรับเปลี่ยนรูปแบบรายการ
ต่อมาในวันที่ 28 สิงหาคม 2558 รายการ กระจกหกด้าน ได้เพิ่มรายการใหม่ ในรูปแบบสมัยใหม่ (รวมถึงภาพ เสียง และกราฟิกแบบสมัยใหม่) เพื่อได้สาระอีกส่วนหนึ่ง ในชื่อ กระจกหกด้านบานใหม่ [5]
https://th.wikipedia.org/wiki/กระจกหกด้าน
เชื่อว่าหลายๆคนต้องเคยดูรายการดังกล่าว เป็นสารคดีสั้นๆเพียง 15 นาที ยกเรื่องราว สิ่งของต่างๆมาบอกเล่าให้ความรู้ สุดท้ายตอนจบก็หักมุมเปรียบเปรย ให้แง่คิด และแนวทางการประพฤติปฏิบัติตนตามแนวทางพระพุทธศาสนา
คำสอนของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ที่ว่า คนเราทุกวันนี้ ดีแต่ส่องกระจกด้านหน้าแต่เพียงด้านเดียว ให้เอากระจกหกด้านมาส่องเสียบ้าง แล้วจะเห็นเอง “กระจกหกด้าน” ในความหมายถ้าจะเปรียบเทียบกับการประเมินคุณค่าต่างๆ โดยเฉพาะคน สามารถนำมาปรับใช้ได้เป็นอย่างดี ทุกๆคนมั่นใจในสิ่งที่ตนเองทำว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม โดยเชื่อมั่นในตนเอง เหมือนเป็นการส่องกระจกด้านหน้าแต่เพียงด้านเดียว เห็นแต่ความคิดของตน เชื่อว่าเป็นสิ่งที่ถูก ไม่ได้มีการมองหรือรับความคิดเห็นจากรอบด้าน ทำให้ขาดข้อมูลที่ควรจะเป็น หรือมีอคติในใจ ไม่ยอมรับความจริงว่า ยังมีสิ่งที่เรายังไม่รู้ไม่เห็นอีกหลายอย่างหลายด้าน ความคิดเห็นของผู้อื่น เปรียบเหมือนกระจกอีกหลายๆบาน หลายๆมุม ที่จะส่องสะท้อนให้เราเห็นด้านอื่นๆที่เราไม่เคยมอง การเปิดความคิดเปิดใจ รับฟังความคิดเห็นจากรอบด้าน จะทำให้เรารับรู้และเข้าใจในสิ่งที่ไม่เคยรู้เคยเห็นมาก่อน