Lean กับการบริหารจัดการในองค์กร
ในอดีตเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นในการทำงาน เจ้าของกิจการ ผู้บริหารและพนักงานจะช่วยกันหาวิธีแก้ปัญหานั้น ๆ วิธีการแก้ไขปัญหาบางอย่างก็ใช้ได้แค่ในช่วงเวลานั้น ๆ วิธีการบางอย่างก็สามารถนำมาปรับใช้ได้ทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่ง Lean ก็เป็นแนวคิดในการแก้ไขปัญหาและปรับปรุงการทำงานที่เกิดขึ้นตั้งแต่ประมาณ ค.ศ. 1990 และในปัจจุบันก็ยังมีการนำแนวคิดดังกล่าวมาปรับใช้
Lean กำเนิดขึ้นในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ โดยบริษัท Toyota ผู้ผลิตรถยนต์ของประเทศญี่ปุ่น ได้นำแนวคิดด้านการบริหารจัดการผลิตรถยนต์ของอเมริกาคือบริษัท Ford มาปรับปรุงระบบการผลิตรถยนต์ของ Toyota ให้เป็นระบบการผลิตแบบทันเวลาพอดี (Just in Time Production System : JIT) โดยมีหลักการสำคัญคือ การผลิตเฉพาะสินค้าหรือชิ้นส่วนที่จำเป็น ตามปริมาณที่ต้องการ ภายในเวลาที่ต้องการ โดยมุ่งเน้นกำจัดความสูญเปล่าที่เกิดขึ้นในกระบวนการทำงาน และให้ความสำคัญทางด้านคุณภาพควบคู่กันไปด้วย
Lean แปลเป็นภาษาไทยว่า “ผอมหรือบาง” เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพในการขจัดของเสียทุกชนิด ทำให้ไม่มีของเสียเกิดขึ้น ทุกกระบวนการ ในระบบต้องมีแต่การเพิ่มคุณค่าให้กับการผลิตหรือบริการ และต้องตัดกิจกรรมใดก็ตามที่ไม่มีประโยชน์ สูญเปล่า ไม่มีการเพิ่มคุณค่าในกระบวนการออกไป
แนวคิดของ Toyota ได้แบ่งสิ่งที่ทำให้เกิดความสูญเสียออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
- MUDA คือ ความสูญเปล่าหรือ (Wastes) มีด้วยกัน 7 ชนิด ได้แก่ (1) การมีของเสีย (2) การผลิตที่มากเกินไปโดยไม่จำเป็น (3) การมีสินค้าคงคลังมากเกินความต้องการ (4) การมีกระบวนการที่ทำแล้วไม่เกิดคุณค่า (5) การเคลื่อนไหวร่างกายที่ไม่จำเป็น (6) การเคลื่อนย้ายชิ้นส่วน งานระหว่างทำหรือผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปโดยไม่จำเป็น และ (7) การรอคอยทั้งในการปฏิบัติงานของพนักงานและในกระบวนการผลิต
- MURA คือ ความไม่สม่ำเสมอ ทั้งปริมาณงาน วิธีการทำงาน ภาวะทางอารมณ์ของพนักงาน ทำให้งานออกมาไม่ได้มาตรฐานหรือด้อยประสิทธิภาพ
- MURI คือ สภาวะที่เกินกำลัง ทั้งกำลังคน กระบวนการผลิตและเครื่องจักร
ในสภาวะปัจจุบันความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ทั้งด้านเทคโนโลยี การเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร การติดต่อสื่อสาร การคมนาคม และยังมีการทำธุรกรรมออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย ทำให้ผู้คนสามารถตอบสนองความต้องการของเขาได้อย่างรวดเร็ว ได้ทุกที่ ทุกเวลา ความต้องการของลูกค้าจึงเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เราจึงพบสินค้าหรือบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นรายบุคคล หรือสินค้าที่ทำตามสั่ง หรือที่เรียกว่า Made to order หรือ Custom made อยู่เป็นจำนวนมากในท้องตลาด ซึ่งทำให้ผู้ผลิตไม่ต้องสต๊อกสินค้าไว้เป็นปริมาณมากซึ่งอาจเสี่ยงกับการขายไม่ได้ การผลิตสินค้าหรือบริการจะทำตามที่ลูกค้าต้องการ ทำให้ผู้ผลิตสามารถแสดงความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญในการผลิตสินค้าซึ่งสามารถสร้างความแตกต่างในสินค้าและบริการได้ตลอดเวลา ทำให้สินค้าและบริการเกิดความแตกต่างจากคู่แข่ง
จากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว อีกทั้งทุกองค์กรก็มีการปรับลดบุคลากรให้น้อยลงเพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร และนำเอาเทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้มีบุคลากรน้อยแต่ทำงานได้มากขึ้น การจัดการกระบวนการแบบ Lean จึงเหมาะสมที่จะนำมาปรับใช้ในองค์กร เนื่องจากเป็นวิธีการที่พิจารณาคุณค่าในการดำเนินงาน สิ่งใดที่ทำแล้วไม่ก่อให้เกิดคุณค่าหรือผลประโยชน์ต่อองค์กรหรืออาจเรียกว่าไม่ตอบสนองยุทธศาสตร์หรือภารกิจของหน่วยงานก็ไม่ควรทำ กระทำในสิ่งที่มุ่งตอบสนองให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ฟังเสียงของลูกค้าว่าต้องการอะไร เขาต้องการให้เราทำอะไรให้เขาบ้าง ดูว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้นลูกค้าต้องการหรือไม่ ทำให้พอดีกับความต้องการ เราต้องสร้างคุณค่าในตัวสินค้าหรือบริการ ให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้าหรือบริการที่มีคุณภาพ มีมาตรฐาน ลดขั้นตอนหรือกระบวนการในการผลิตสินค้าหรือบริการให้กระชับ รวดเร็วขึ้น กำจัดความสูญเปล่าที่เกิดขึ้นตลอดทั้งกระบวนการอย่างต่อเนื่อง และปรับภาระงานให้เกิดความเท่าเทียมกันในกลุ่มพนักงาน เพื่อให้องค์กรมีความยืดหยุ่นสูงและรองรับกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วได้ จึงจะทำให้องค์กรหรือธุรกิจของเราอยู่รอดได้
บรรณานุกรม
เกียรติขจร โฆมานะเสิน. (2550). Lean : วิถีแห่งการสร้างคุณค่าสู่องค์ที่เป็นเลิศ. กรุงเทพฯ : สถาบันการเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ.
นิพนธ์ บัวแก้ว. (2547). รู้จัก…ระบบการผลิตแบบลีน (Introduction to Lean Manufacturing). กรุงเทพฯ : สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น).
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร. (2552). ลีนอย่างไรสร้างกำไรให้องค์กร = Profitable Lean Manufacturing. กรุงเทพฯ : สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น).