การทำนาให้ได้ผลผลิตดี ชาวนาต้องดูแลใส่ใจกับนาข้าวตั้งแต่เริ่มปลูกกันเลยทีเดียว ไหนจะรบกับนก หนู ที่มากินข้าวที่เริ่มหว่าน วัชพืชที่ขึ้นในนาข้าวก็ไม่น้อยหน้า ซึ่งเจ้าวัชพืชนี่โตไว ปรับตัวได้ดี มีภูมิต้านทานสูงมาก กินเก่งอีกด้วย หากปล่อยไว้วัชพืชเหล่านี้จะแย่งอาหารของข้าวจนเกือบหมด ทำให้ต้นข้าวแคระแกร็น สุดท้ายแปลงนาผืนนั้นจะถูกยึดพื้นที่กลายเป็นแปลงวัชพืชแทน ชาวนาจึงต้องควบคุมมิให้เจ้าวัชพืชเหล่านี้เติบโตในแปลงนา ด้วยการใช้สารควบคุมทางชีวภาพ สารฆ่าแมลง

        พูดถึงการฉีดยาในนาข้าว มีการพัฒนาอุปกรณ์การฉีดยามาอย่างต่อเนื่อง ในยุคแรกๆ ที่ดิฉันจำความได้ จะมีถังฉีดยาแบบคันโยก ตัวถังเป็นอะลูมิเนียม เวลาจะฉีดก็เอาถังสะพายบ่า มือหนึ่งจับสายฉีด อีกมือหนึ่งจับคันโยก (คันโยกจะอยู่ด้านบนตัวถัง) เพื่อเป็นแรงดันให้น้ำยาในถังออกมาตามสาย เดินฉีดไปตามนาข้าว ต่อมาเป็นถังฉีดยาแบบถังพ่นยาที่เติมน้ำมันเบนซิน ถังแบบนี้จุยาได้ประมาณ 25 ลิตร ฉีดพ่นยาได้เร็ว และพ่นยาได้สม่ำเสมอ สามารถซื้อถังมาฉีดเอง และมีบางกลุ่มที่รับจ้างฉีดยา บางคนก็คิดราคานับเป็นถัง บางคนก็นับเป็นไร่ ส่วนใหญ่คิดราคาเป็นไร่จะง่ายกว่าไม่ต้องกังวลว่าจะนับถังผิดพลาด 
        ด้วยปัจจุบัน การว่าจ้างคนฉีดยาเริ่มหาได้ยากขึ้น เพราะคนที่ทำอาชีพรับจ้างนี้มีน้อยลง จองคิวยาวและขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วย เช่น ฝนตกก็ไม่สามารถฉีดยาได้ (น้ำฝนจะไปล้างยา ทำให้ยาเจือจาง) ทำให้กว่าจะถึงคิวเราก็ยาวไปอีก จึงมีการพัฒนาเป็นรถฉีดพ่นยาในนาข้าว ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ บ้านดิฉันได้จ้างรถพ่นยามาฉีดในนาข้าว  รถชนิดนี้ใช้ล้อแทรก ตัวถังบรรจุยาได้ถึง 300 ลิตร สามารถฉีดพ่นได้ประมาณ 18-20 เมตร ปรับระดับความสูงต่ำได้ ทำให้สะดวกรวดเร็วขึ้น 1 ไร่ ใช้เวลาฉีดไม่นาน รถฉีดพ่นยานี้เหมาะกับดินที่แห้ง จะเห็นรอยแทรกกดข้าวนิดหน่อย อีกสักระยะข้าวจะฟื้นตั้งตรงเหมือนเดิมได้ 
        จะเห็นได้ว่าเครื่องจักรและเทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของมนุษย์ ทำให้เราสะดวกสบายมากขึ้น ไม่แน่ในอนาคตเราอาจจะได้เห็นหุ่นยนต์ปลูกข้าวให้เรา

 
คลิปวีดิโอรถฉีดพ่นยาในข้าว