วังเวียง เวียงจันท์
ทริปนี้เป็นทริปเที่ยวตอนปลายปี 60 มีหลายที่ที่อยากจะไป สุดท้ายมาลงที่วังเวียง ประเทศลาว เริ่มต้นคือการรวมกลุ่มกัน ประมาณ 1 รถตู้ จัดโดยพี่คนหนึ่ง ซึ่งในรถมีทั้งมาแบบเป็นกลุ่ม เป็นคู่และฉายเดี่ยวก็มี มารวมตัวกัน นัดแนะวันเวลาเดินทาง เมื่อพร้อมเรียบร้อยก็นั่งรถตู้จากกรุงเทพฯไปที่ หนองคายข้ามฝั่งลาว จากนั้นเช่ารถถตู้ลาวเที่ยว ซึ่งรถยนต์ที่ลาวพวงมาลัยจะอยู่ทางซ้ายคนละฝั่งกับรถบ้านเราที่พวงมาลัยอยู่ทางขวา ทริปนี้เริ่มที่ประตูชัย เข้าไหว้พระธาตุหลวงที่ถือเป็นศูนย์รวมใจของชาวลาวทั้งประเทศ เดินทางไปแลกเงินกีบกัน ซึ่งตนเองไม่ได้แลกเงินมามากนักเพราะที่นี่ใช้เงินไทยจ่ายได้แต่อาจจะจ่ายแพงกว่านิดหน่อย (ได้จับเงินล้าน (กีบ)มันดีอย่างนี้นี่เอง)
ต่อไปเดินทางไปที่เวียงธารา วิลลา ห้องพักที่มีมุมทุ่งนา ภูเขา และทางเดินไปกระท่อมเล็กๆ เราแวะเก็บภาพยามเย็นที่นี่ แต่ด้วยความที่มาถึงเย็นมาก แสงไม่ได้ จึงได้ภาพมานิดหน่อย กินข้าวเย็นเวียงธารา เมื่อกินข้าวเสร็จก็เดินทางกลับที่พัก ที่นี่จะต้องจ่ายค่าข้ามสะพานใหญ่ (สะพานที่รถยนต์วิ่งได้)ทุกครั้ง เป็นสะพานข้ามแม่น้ำซอง ยกเว้นสะพานข้ามเฉพาะรถมอเตอร์ไซต์ ไม่ต้องจ่ายค่าผ่านทาง จากนั้นเดินชมบรรยากาศยามค่ำคืน ที่นี้มีนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศมาเที่ยวกันมาก โดยเฉพาะชาวเกาหลี สังเกตได้จากป้ายต่าง ๆ จะมีภาษาเกาหลีกำกับด้วย
วันที่สอง เวลาตีห้าทุกคนรีบตื่นเพื่อไปเก็บภาพทะเลหมอกที่ผาเงิน ตอนแรกที่คิดไว้ว่าจะมาเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก เอาเข้าจริงได้เก็บภาพแค่พระอาทิตย์ขึ้นเท่านั้น เพราะกว่าจะขึ้นไปถึงปีนเขาเยอะทีเดียวแต่ก็คุ้มกับความเหนื่อยเพราะเห็นภาพทะเลหมอกที่สวย นักท่องเที่ยวขึ้นมาเยอะเหมือนกัน เมื่อชมทะเลหมอกเต็มอิ่มแล้ว ลงมาขึ้นรถเพื่อกลับไปกินข้าวเช้าที่ที่พัก ทุกคนต่างพร้อมใจกันตอบเป็นเสียงเดียวว่าเอาแค่พระอาทิตย์ขึ้นก็พอแล้ว จากนั้นไปเที่ยวตามโปรแกรมวันเดย์ทริป เริ่มที่
ไปล่องห่วงยางลอดถ้ำ แต่ละคนจะมีไฟฉายแบบใช้กรีดยาง และถือห่วงยางจากนั้นทิ้งตัวนอนบนห่วงยาง จะมีเชือกขึงเป็นเส้นทางให้เราดึงเชือกตามเข้าไปข้างในนึกว่าจะมีอะไร พอเข้าไปพบแต่ก้อนหินเรียงเป็นชั้นๆ จากนั้นจึงออกมา เสร็จแล้วจึงไปพายเรือคายัคกันต่อ อากาศค่อนข้างร้อนเพราะเรามาพายกันตอนบ่าย มีคนพายจำนวนมากเพราะเป็นวันหยุด ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ปิดท้ายโปรแกรมที่ BLUE LAGOON ไฮไลท์ของทริปนี้ที่ทุกคนอยากมาคือ การเล่น ซิปไลน์นั่นเอง เป็นการโหนสลิง (อารมณ์คล้ายตอนเรียนลูกเสือ เนตรนารีที่ต้องเข้าข่ายโดดหอประมาณนั้น) ที่นี่มีด้วยกัน 12 ฐาน โซนแรกฐานที่ 1-7 โซนที่สองฐานที่ 8-12 ต้องใส่ชุดที่ทางร้านเตรียมไว้ จากนั้นปีนขึ้นเขาอีกนิดหน่อย ต้องขอบอกว่าเล่นแล้วต้องเล่นให้ตลอดเพราะย้อนกลับไม่ได้ค่ะ ที่นี่เขาจะจัดเจ้าหน้าที่ติดตามเราไป 2 คน คนแรกไปรออยู่ที่จุดรับ (จุดต่อไปที่จะเล่น)ส่วนอีกคนจะอยู่ที่จุดปล่อยตัวของแต่ละฐาน จะสอนวิธีเล่นและวิธีหยุดเมื่อถึงจุดหมาย และคอยปล่อยตัวผู้เล่นแต่ละคนจนกว่าจะหมดจากนั้นจึงตามมาเพื่อปล่อยตัวในจุดต่อไป ส่วนคนรับก็เช่นกัน เป็นอย่างนี้ไปทุก ๆ ฐาน ในแต่ละฐานความสนุกก็จะมีต่างกัน บางฐานระยะทางสั้นๆ บางฐานยาว บางฐานเฉียงมากเฉียงน้อยแล้วแต่ ทั้ง 12 ฐานสำหรับตัวดิฉัน มีฐานแรกที่เริ่มเล่นจะหวิวหน่อยๆ เนื่องจากเป็นฐานแรก พอฐานต่อ ๆ ไปเริ่มชิน มาถึงฐานสุดท้ายนี้แหละ ฐานที่ใจหวิวที่สุดเพราะทิ้งตัวแนวดิ่งลงมา เมื่อเล่นฐานสุดท้ายเสร็จ เจ้าหน้าที่จะมาปลดล็อคให้และเช็คสภาพร่างกายของเราว่าโอเคไหม เดินไหวไหม ก่อนที่จะปล่อยกลับไป จากนั้นจึงไปที่จุดกระโดดน้ำ ซึ่งมีคนเล่นเยอะมาก เมื่อเล่นจนหนำใจแล้วก็กลับที่พัก เดินชมบรรยากาศริมแม่น้ำซอง ซึ่งช่วงที่ไปเที่ยวเป็นช่วงน้ำลด เช้าวันรุ่งขึ้นก็ไปเดินตลาดเช้าชมวิถีชีวิตตลาดของที่นี่จะเป็นการขายของแบบไม่ใหญ่มาก ผักต่าง ๆ จัดขายเป็นกองๆ ที่แปลกตาก็คือมีค้างคาวขายด้วย จากนั้นจึงเดินทางกลับ ซึ่งสำหรับทริปนี้เป็นช่วงเทศกาลวันชาติลาวและวันหยุดราชการของลาว จึงมีค่าบัตร 50 บาท( ทั้งขาไปและขากลับ รวมแล้ว 100 บาท)
สำหรับคนที่จะไปเที่ยว ควรเช็คพาสปอร์ตให้ดีก่อนค่ะ เพราะพาสปอร์ตจะหมดอายุก่อนวันที่แจ้งหมดอายุ 6 เดือน ฉะนั้นคำนวณให้ดีก่อนเดินทางมิฉะนั้นอาจจะพลาดการเดินทางได้ค่ะ
![]() |
![]() จุดชมวิวผาเงิน |
![]() |
![]() เพื่อนร่วมทริป |
![]() เบอร์เกอร์ ที่ลาว |
![]() ที่พัก |