เมื่อสัปดาห์ที่แล้ววันที่ 17 -18 กุมภาพันธ์ 2561 ได้เดินทางกลับบ้านที่จังหวัดลพบุรี และโชคดีมากๆ ที่ครั้งนี้กลับไปตรงกับงานประจำปีของจังหวัด คือ งานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึงงานจัดขึ้นทุกช่วงเดือน มกราคม – กุมภาพันธ์ ของทุกปี สิ่งที่น่ารักและชื่นชอบมากๆเลยก็คือ เราจะได้แต่งชุดไทยกันทั้งเมือง ทั้งจังหวัด ตั้งแต่เกิดและจำความได้ก็รับรู้ว่าเราแต่งแบบนี้จนกลายเป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นและเป็นเรื่องที่เคยชินในชีวิตเราไปแล้ว เราใส่ชุดไทยไปเรียน ไปทำงาน ไปเที่ยว เราสามารถห่มสไบโหนรถเมล์ได้โดยไม่อายใคร และไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่แปลก

เราค้นพบความคิดอย่างหนึ่งเกี่ยวกับการแต่งชุดไทยของคนไทย จากทัศนคติของคนจังหวัดอื่นที่ไม่ใช่ลพบุรี แน่นอนว่าเป็นคนไทยส่วนใหญ่ และคนส่วนมากนี้ มองการแต่งชุดไทยว่า “เป็นของสูง” ในที่นี่เราไม่ได้จะดึงลงมาต่ำนะ แต่อยากให้มองกันเป็นปกติ คล้ายกับคนญี่ปุ่นใส่ยูกะตะ ใช่ค่ะ ชุดของญี่ปุ่น มียูกะตะและกิโมโน ยูกะตะคือกิโมโนแบบง่าย แบบสำเร็จ ชุดไทยเราก็มีแบบนั้น แต่คนไทยที่อื่นมองว่ามันสูงส่ง เคยอ่านโพสต์บน facebook ของรุ่นน้องที่เรียนด้วยกันว่าเค้าลองนุ่งโจงกระเบนกับเสื้อยืด ก็มีคนหัวเราะและขำว่ามันไม่เข้ากัน เลยใส่โจงกระเบนกับเสื้อยืดขึ้นรถไฟฟ้า ก็มีคนทักว่าไม่แน่ใจว่าโจงกระเบนสีดำนั้นคือโจงกระเบนหรือเปล่า จากนั้นก็ลองนุ่งโจงกระเบนสำเร็จไปวัดพระแก้ว ก็โดนเจ้าหน้าที่วัยรุ่นหน่อยไล่ให้ไปเปลี่ยนเพราะมันเหมือนกางเกง พอจะไปเปลี่ยน เจ้าหน้าที่อาวุโสท่านหนึ่งพูดเลยว่า “ไม่ต้องเปลี่ยน เข้ามาเลย นี่แหละคนไทยแท้” มันทำให้เรารู้ถึงเหตุผลที่ว่า ทำไมคนรุ่นใหม่ถึงไม่เข้าใจการใส่ชุดไทย เพราะเขามองว่ามันแปลก มันไม่เหมือนเสื้อผ้าสุภาพในยุคนี้ ทั้งที่มันก็คือชุดประจำชาติของเรา บทสรุปก็คือคนไทยมองเรื่องการแต่งชุดไทยเป็นเรื่องไม่ปกติ ถ้าเขาลองมองเป็นปกติแบบคนลพบุรี วัฒนธรรมการแต่งชุดไทยจะไม่ใช่เรื่องตลก และไม่ใช่เรื่องอ่อนแออีกต่อไป
 
สำหรับปีนี้งานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 31 แล้ว ในปีนี้งานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จัดขึ้นในวันที่ 10 – 18 กุมภาพันธ์ 2561 และกำหนดวันที่ 9 มกราคม – 18 กุมภาพันธ์ 2561 เป็นช่วงเวลากิจกรรมรณรงค์แต่งไทยทั้งเมือง โดยการแต่งกายจะใช้ผ้าไทยและผ้าพื้นเมือง หรือจะแต่งไทยย้อนยุคสมเด็จพระนารายณ์มหาราชหรือแต่งไทยประยุกต์ก็ได้

และแม้ว่างานประจำจังหวัดของเราจะจัดกันมาอย่างยาวนาน แต่ก็น่าแปลกที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเท่าไรนักและที่ทำให้รู้สึกแปลกใจคือ มีคนเห็นเราใส่ชุดไทยแล้วถามเราว่า “ไปงานอุ่นไอรักมาใช่ไหม?” เราก็สงสัยว่าอะไรคืองานอุ่นไอรัก ก็เลยไปหาข้อมูลดู พบว่า “งานอุ่นไอรัก คลายความหนาว” ที่จัดขึ้น ณ พระลานพระราชวังดุสิต และสนามเสือป่า ระหว่างวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ถึง 11 มีนาคม 2561 (แหม…จัดช่วงเวลาเดียวกันเลย) โดยมีคอนเซ็ปต์การจัดงานที่โดดเด่น เนรมิตบรรยากาศให้ย้อนกลับไปสมัยรัชกาลที่ 5 ทั้งซุ้มต่าง ๆ และการแต่งกายของคนร่วมงานก็พาให้ย้อนไปสู่โลกสมัยก่อนได้ไม่ผิดเพี้ยน (โห…อะไรจะเหมือนกันขนาดนี้) ก็ไม่น่าแปลกใจที่คนจะรู้จักมากกว่างานประจำปีของเรา เพราะสถานที่จัดงานอยู่ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ และการเดินทาง การเข้าถึงกิจกรรมก็ง่ายกว่าจังหวัดที่อยู่ห่างไกลเมืองหวัดกว่า 200 กม. แต่สิ่งที่อยากจะแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างกันของงานก็คือ ความเป็นเอกลักษณ์และวัฒนธรรมที่ยาวนาน ซึ่งเราไม่รู้หรอกว่างานอุ่นไอรักนี้จะจัดขึ้นอีกกี่ปี แต่ที่แน่ๆงานประจำปีของเราที่กลายเป็นส่วนหนึ่งในการดำรงชีวิตจะคงอยู่กับเราไปอีกนานแน่นอน