Slow Life…Slow Like
เห็นชื่อเรื่องแล้ว หลายคนก็คงคุ้นเคยกับคำนี้ดี แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถมีชีวิตแบบนี้ ในเวลาอันแสนเร่งรีบไม่แต่ละวันได้ แต่สามเหตุที่ทำให้ตั้งชื่อเรื่องเช่นนี้คงเป็นเพราะ เหตุเกิดจากวันหนึ่งที่ฝนตกหนัก อากาศเย็นสบายลูกก็หลับอยู่ ในขณะที่เดินกลับมาจากการทิ้งขยะ ก็หันไปเห็นเจ้าหอยทากตัวหนึ่งกำลังเดินด้วยความเร็วในแบบของมัน ซึ่งหลายๆคนอาจจะพูดว่าเดินช้าเหมือนหอยทาก ในมุมกลับกัน เรากลับคิดว่าจริงๆแล้วหอยหากมันอาจจะกำลังวิ่งอยู่ก็เป็นได้ มันอาจจะรีบ…ในแบบของมันก็เป็นได้ ความช้า…เร็วของแต่ละคนอาจไม่เท่ากัน ในขณะที่เรากำลังวิ่ง…ในแบบของเรา แบบที่เราคิดว่านี่ก็เร็วที่สุดในชีวิตแล้ว แต่เพื่อนเราอาจจะมองว่าช้าจัง…เร็วกว่านี้ได้ไหม หรือในขณะที่เราคิดว่าสิ่งนี้ดีที่สุดแล้ว แต่เพื่อนของเราอาจจะบอกว่า…เฉยๆ ซึ่งเราไม่สามารถจะวัดค่าของอะไรก็ตามได้ ในเมื่อมาตรฐานความพึงพอใจต่างกัน
ซึ่งกลับมาที่หอยทากตัวเดิมที่เราใช้เวลาอยู่พักใหญ่ๆ ในการนั่งมองดูว่ามันจะเดินไปที่ไหน หากใครนึกภาพไม่ออกให้นึกถึงบรรยากาศหลังฝนตก อากาศเย็นๆ เวลาเย็นๆ ท้องฟ้าครึ้มๆ ลมพัดเอื่อยๆ ในขณะที่มอง ใจก็คิดโน่นนี่ไปเรื่อยต่างๆนานา ซึ่งจะบอกว่าบรรยากาศมันพาไปก็ไม่ผิด ฮ่าๆๆๆ มันชวนให้เศร้า เหงา และเพ้อเจ้อ ทำให้นึกถึงหนังสือเล่มหนึ่งที่ชื่อ “ในเวลาที่หม่นเศร้าชีวิตก็ยังเป็นของเรา” (Call No. : BF637C5ค65) ที่ว่า
“ความกังวลใจก็เหมือนเก้าอี้โยก มันทำให้คุณเคลื่อนที่ไม่หยุด แต่ก็ไม่ได้พาคุณไปไหน” แทนที่เราจะหวาดวิตกหรือปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งลงสู่ความกลัวและความมืดมนของอนาคต ก็จงนึกถึงแรงโน้มถ่วงที่ผู้คนรอบกายดึงดูดตัวเราเอาไว้ สาเหตุที่ดอกบัวหวั่นเกรงความสกแรกของหนองน้ำเพราะมันตั้งมั่นประคองตัวให้ผละพ้นจากผิวน้ำอย่างสุดกำลัง พวกเราจึงควรละทิ้งความกังวลใจ ดังเช่นดอกบัวที่กล้าชูช่อท้าทายสายฝน(หน้าที่6 – 7)
พอหลุดจากภวังค์กลับมาพบโลกแห่งความเป็นจริงก็ได้แต่บอกลาเจ้าหอยทากตัวน้อย และอวยพรให้มันเดินทางอย่างปลอดภัย สำหรับใครสนใจอยากจะอ่านหนังสือสักเล่มเพื่อนปลดล็อคความคิดและต้องการกำลังใจก็ลองไปหยิบอ่านดูได้ที่
Call No. : BF637C5ค65
Location : 3rd fl.