แม่เตือนต้องฟัง แม่สอนต้องจำ
วันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม 2560 ตอนประมา 9 โมงเช้า อยู่ว่างๆ เลยไปถางหญ้า ตัดต้นไม้ แล้วนำไปกองสุมรวมกับหญ้า เศษไม้ใบไม้ที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ ซึ่งมีจำนวนมากเพื่อที่จะนำมันไปเผา พอเสร็จก็จุดไฟเผาและนั่งดูอยู่พักหนึ่งเพื่อรอดูกลัวไฟมันจะลามไปที่อื่น จนมั่นใจว่าไม่น่าจะลามไปที่อื่น และไฟน่าจะมอดดับไปเอง และก็ไมได้กลับไปดูอีกเลยว่าไฟที่จุดเอาไว้ดับหรือไม่ จนแม่ทักว่าให้ไปดูไฟที่จุดเผาเอาไว้ว่ามอดดับไปหรือยัง อย่าประมาท ไปดูให้ไฟมันดับสนิทนะเพราะมันยังมีไม้และหญ้าแห้งๆ ที่อยู่บริเวณนั้นมันอาจจะติดไฟขั้นมาอีกก็ได้ ตัวเองไม่ทำตามที่แม่บอกแม่ให้ไปทำ แถมยังบอกกับแม่ต่อไปอีกว่า น่าจะดับแล้ว แม่ยังบอกอีกว่าแน่ใจนะว่าดับ ตอนนั้นก็ประมาณซัก 3 โมงเย็นแล้ว
พอตกเย็นขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านไปที่เราจุดไฟเผาก็ไม่เห็นมีอะไร ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรและก็ไปนั่งกินข้าวบ้านป้าจนถึงประมาณสองทุ่ม ผ่านจุดเดิมเชื่อไหมว่าไฟกำลังลุกลามเป็นบริเวณกว้างกว่าที่เราจุดไฟเผาไว้ทีแรก 2 คนกับแม่ช่วยกันตักน้ำสาดเข้ไปในกองไฟที่กำลังโหมไหม้อยู่และไม่มีทีท่าว่าจะดับแถมยังจะลามไปเรื่อยๆ อีก เหนื่ยแทบเป็นลมเลยไปตามน้องกอล์ฟบอกว่ามาช่วยแม่ดับไฟหน่อยแม่จุดไฟเผาหญ้าแล้วมันเกิดครุขึ้นมาเอง น้องกอล์ฟบอกแม่ว่า แม่ไม่มีอะไรทำหรือไงแล้วไปเผามันทำไม เลยตอบไปว่ามันรกเลยเผา ได้กำลังเสริมมาอีกหนึ่ง 3 คนช่วยกันดับ ไฟก็เริ่มมอด และต้องพยายามเกลี่ยกองไฟและเอาน้ำราดจนเห็นว่าไฟไม่น่าจะครุขึ้นมาอีก บริเวณนั้นก็มืดด้วย มองอะไรก็ไม่ค่อยเห็น แม่บ่นบอกแล้วไม่เชื่อ อย่าไว้ใจ ผลเป็นยังไงล่ะ แม่พูดขึ้นมาอีกว่าคืนนี้สงสัยจะนอนไม่หลับแน่ๆ เลยถามว่าทำไมแม่บอกว่ากลัวไฟมันครุขึ้นมาอีกโชคดีฝนตก แรงพอควร ก็คิดว่าไฟมันต้องดับสนิทแน่นอน และก็ไม่ได้กลับไปดู พอตอนเช้ากลับไปดูอีกทีเชื่อไหมว่ายังมีควันไฟออกมาจากกองไฟที่เราใช้ทั้งน้ำดับและฝนตกซ้ำมาอีกรอบไฟยังไม่ดับสนิทเลย ถ้าฝนไม่ตกไม่อยากคิดเลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ในช่วงที่ทุกคนหลับสนิทไปแล้ว
เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์เลยว่าอย่าประมาทกับเรื่องจุดไฟเผาอะไรก็ตาม ต้องทำให้ไฟที่เราจุดดับสนิทจริงๆ อย่าใช้คำว่า (น่าจะ) ผู้ใหญ่เตือนต้องฟังและทำตามเพราะเขาผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มาก่อนเรา ม่ีประสบการณ์มากกว่าเรา