วัดผลงาน
KPI คือ Key Performance Indicators แปลว่า ดัชนีชี้วัดผลงาน
เป็นเครื่องมือประเมินผลงานของหน่วยงาน ตั้งแต่หน่วยใหญ่ๆ
ลงไปถึงหน่วยย่อยที่สุด จนถึงระดับบุคคล และวัดได้ทุกเรื่อง
ที่นำมาทำเป็นตัวเลขได้
จึงเป็นที่ชัดเจนว่า ชี้และวัดผลงานเท่านั้น ไม่ได้วัดอย่างอื่น
เพราะทุกคนถูกคาดหวังให้สร้างผลงาน งานใดที่เราทำก็จะได้รับ
การประเมินจากผลของงานนั้น ไม่ได้ถูกประเมินจากความพยายาม
เช่น การเรียนสูง การอยู่ดึก การมาทำงานเช้า การไม่ลาพัก การไม่มาสาย
เพราะนั่นเป็นความพยายามเท่านั้น การทุ่มเทเต็มที่ แต่ไม่ได้ดูว่า
ผลของงานเป็นอย่างไร เหมือนร้านอาหารที่พยายามอย่างเต็มที่
ดีที่สุด วัตถุดิบดีเยี่ยม แต่รสชาติไม่อร่อยหรืออาหารออกมาช้า
ก็ย่อมจะถูกประเมินว่าไม่ดีแน่นอน
ผู้ประเมินก็อาจหลงประเด็นได้ ถ้าเห็นความพยายามของคนหนึ่ง
ด้วยความใกล้ชิด แต่ไม่เห็นของคนอื่นๆ ให้คะแนนความพยายามด้วย
ผลของการประเมินก็จะเบี่ยงเบนไป
แต่ก็มีบางงานที่ต้องวัดด้วยความพยายาม มิฉะนั้นจะสายเกินแก้
เช่น การพยายามไม่ให้เกิดอุบัติเหตุเครื่องบินตก ไฟไหม้ เป็นต้น
KPI นั้นสร้างจากพันธกิจ ถ้าไม่รู้พันธกิจของหน่วยงานก็ไม่สามารถ
จัดทำ KPI ได้ และการจ้างใครสักคนมาทำงาน ย่อมไม่ได้จ้างมาเพื่อให้
มาทำงานตรงเวลา ไม่กลับก่อนเวลา ไม่ป่วย ไม่หยุด แต่ไม่ได้สร้างผลงาน
ให้ตรงกับตำแหน่งของงาน
นี่คือทัศนคติหนึ่งของ KPI ในแง่มุมของธุรกิจ
(เก็บความจาก Productivity World 18, 107 (2556))
…………………….+
“คนส่วนใหญ่
มักจะไม่ฟังด้วยความพร้อมที่จะเข้าใจคู่สนทนา
แต่มักจะฟังด้วยความพร้อมที่จะตอบโต้
คือ ถ้าไม่ได้กำลังพูด ก็เตรียมที่จะพูด
พวกเขามักจะกลั่นกรองทุกถ้อยคำที่ได้ยิน
โดยอาศัยกรอบความคิดของตนเอง
ใช้ชีวประวัติของตนเองตัดสินชีวิตของผู้อื่น”
(คำสอนสุดท้าย Stephen R. Covey ดนัย จันทร์เจ้าฉาย หน้า 82)