ฟังนักเขียน
ขึ้นชื่อว่า “นัก” พจนานุกรมบอกว่าเป็นคำนาม ใช้ประกอบหน้าคําอื่นหมายความว่า ผู้ เช่น นักเรียน ผู้ชอบ เช่น นักดื่ม นักท่องเที่ยว ผู้ชํานาญ เช่น นักเทศน์ นักดนตรี นักคํานวณ นักสืบ ผู้มีอาชีพในทางนั้น ๆ เช่น นักกฎหมาย นักแสดง นักเขียน. (ข.).ว. อย่างยิ่ง มากหรือหนักไปในทางใดทางหนึ่ง เช่น หนาวนัก ร้อนนัก (http://dictionary.sanook.com/search/dict-th-th-royal-institute/%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81)
ทุกปีที่จัดบุ๊คแฟร์ผู้จัดงานจะเชิญนักเขียนและนักคิดมาเล่าประสบการณ์ของการเขียนให้กับผู้ฟัง เสียดายมากหากใครพลาดโอกาส เพราะคนที่จะเขียนหนังสือได้เป็นเล่มๆ นั้นเป็นต้องผ่านอะไรมากมาย
การฟังนักเขียนพูดจึงเป็น moment ที่รู้สึกว่าเป็นกำไรของชีวิต
แต่ขณะที่เราฟังก็ยังเป็นช่วงที่กำลังทำงาน จึงต้องทำงานด้วยการคิดต่อว่าจะนำสิ่งที่เราได้ไปถ่ายทอดให้คนอื่นได้อย่างไร เพราะยุคสมัยเป็นเรื่องของ content marketing ที่ต้องดิ้นกันไปเพื่อให้องค์กรอยู่รอด อะไรที่ทำอยู่จำเป็นต้องพัฒนา ซึ่งหมายถึง เดิมๆ ต้องมีเพิ่มเติม
ดิฉันทดลองทำเรื่องการเก็บสาระจากนักเขียนครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 โดยให้เป็นงานของนักศึกษาฝึกงาน เพราะคิดว่าพวกเขาควรได้ฝึกฝนทั้งการฟัง การเขียน การจับประเด็น ความอดทน การตรวจสอบ กระทั่งค้นคว้าหาต่อ หารูปประกอบ ฯลฯ ความเป็นนักศึกษาฝึกงาน เมื่อได้รับคำสั่งจึงต้องทำ เมื่อให้แก้ไขก็ต้องแก้ ที่สำคัญคือ ทำตามกำหนดเวลา ไม่ใช่สั่งแล้วหายกับสายลมและแสงแดดและเต็มไปด้วยเหตุผลที่ไม่ทำ
นักศึกษารุ่นนั้นได้ประสบการณ์ที่ต่างบอกว่าไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะทำได้ ดิฉันยังจำได้ถึงอากัปกริยาที่เด็กๆ ลูบต้นฉบับที่บอกว่า “ผ่าน” แล้วเปิดอ่านทีละหน้า ต่างน้ำตาไหลพราก พึมพำว่าพวกหนูไม่คิดว่าชีวิตนี้จะมีผลงานเป็นเล่มๆ แบบนี้
สะท้านใจ 😀 อดคิดไม่ได้ว่า หากพวกเขาดื้อดึง หรือถือดีไม่ยอมทำแล้วจะทำอย่างไร? หรือ ผลจะเป็นอย่างไร?
ครั้งนี้นอกจากโจทย์ทำแบบครั้งที่ 1 แล้ว สิ่งที่ให้ทำคือ ต้องการวาทะนักเขียน เพราะปีที่แล้วส่วนนี้ทำไม่สำเร็จ
นิสัยส่วนตัวนั้นจะรู้สึกอึดอัดใจกับขั้นตอนของการ “รอ” แบบไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอน สรุปคือทำเองดีกว่า
ดิฉันทำงานด้วยการใช้วิธีตั้งสเตตัสในไลน์แบบอ่านคนเดียวว่านักเขียนแต่ละคนพูดว่าอย่างไรและเราถูกใจประโยคไหน วันหนึ่งนั่งใกล้น้องกาญจน์ที่ใช้วิธีจดโน๊ตลงในมือถือ ดิฉันทำแบบน้องไม่เป็นจึงต้องไปขอความรู้ทำอย่างไร รู้สึกถึงความเป็นคนไทย 4.0 ขึ้นมาทีเดียว
เมื่อการ “รอ” เป็นทุกข์ และอยาก “เอาที่สบายใจ” ระหว่างฟังดิฉันจึงถ่ายรูปนักเขียน เลือก แต่งภาพ ตัดภาพ เซฟแล้วก็ส่งในข้อความในเฟสบุ๊คของลูก เพราะโหลดรูปออกมาง่าย เมื่อนักเขียนพูดเสร็จ แล้วเราได้คำพูดแล้ว ขออนุญาต ก็เข้ามาทำงานที่โต๊ะ สร้างรูปแบบสำเร็จรูปเอาไว้เมื่อวันแรก วันต่อๆไปก็แค่โหลดรูป เปลี่ยนรูป เปลี่ยนข้อความ เปลี่ยนวันที่ อ่านทวน ถ้าไม่มีเรื่องอะไรเข้ามาแทรกก็จะใช้เวลาแค่สิบนาที ทำเสร็จส่งอีเมลให้คนที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการต่อ พร้อมทั้งตามงานโดยใช้มือถือจาก 3 ที่ เฟสบุ๊ค อินสตาแกรม และเว็บไซต์
รู้สึกสบายใจ เพราะคงทุกข์มากหากอยู่ในสภาวะ “ดีลช้า” “ตื่นสาย” “ตลาดวาย”
บ่ายของวันอังคารดิฉันนำข้อความของนักเขียนทุกท่านมาเรียงต่อๆ กัน อ่านแล้วชอบมาก เพราะสามารถร้อยเรียงกันเป็นเรื่องที่เตือนใจ ให้เราฉุกคิดขึ้นมาได้ ขอบคุณครูผู้สอนวิชาสุนทรียศาสตร์ที่ให้คิดทุกคำที่อ่าน 🙂
สุดท้ายขอบคุณนักเขียนทุกท่านที่ให้เกียรติทับแก้วบุ๊คแฟร์ ขอบคุณร้านหนังสือและสื่อต่างๆ รวมถึงร้านอาหาร และสุดท้ายที่ต้องขอบคุณมากๆ คือพวกเราทุกคนที่ช่วยกันจัดงานครั้งนี้รวมถึงงานอื่นๆ ในห้องสมุด 😀