สมเด็จพระสังฆราชและสมเด็จพระราชาคณะรูปแรก ในรัชกาลที่ 10
ประเทศไทยของเรามีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติและเป็นหนึ่งในสามสถาบันหลักสำคัญของชาติไทยเรา พระสงฆ์ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญในพระพุทธศาสนา เป็นผู้สืบทอดพระธรรมคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งเป็นศาสดาสูงสุดแห่งศาสนาพุทธ ในประเทศไทยมีวัดวาอารามมากมายและมีพระสงฆ์นับแสนๆรูป เมื่อมีพระสงฆ์มากมายก็ต้องมีการปกครองและดูแลเป็นธรรมดา และผู้ปกครองสูงสุดในสถาบันสงฆ์ของไทยเราที่มีมาแต่โบราณกาลก็คือตำแหน่ง “สมเด็จพระสังฆราช” ซึ่งถือเป็นสมณศักดิ์สูงสุดของพระสงฆ์ไทย ที่พระมหากษัตริย์จะเป็นผู้สถาปนาขึ้นมา ส่วนสมณศักดิ์ของพระสงฆ์ที่รองลงมาจากสมเด็จพระสังฆราช คือ สมเด็จพระราชาคณะ ซึ่งมีทั้งหมด 8 รูป เป็นฝ่ายมหานิกาย 4 รูปและฝ่ายธรรมยุต 4 รูป เป็นสมเด็จพระราชาคณะ ชั้นสุพรรณบัฏ และสมณศักดิ์ชั้นรองลงมาจากสมเด็จพระราชาคณะคือ พระราชาคณะ ชั้นหิรัญบัฏ
ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจัาอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 นั้น มีการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช รวมทั้งหมด 6 พระองค์ด้วยกัน (เป็นลำดับที่ 14-19 ของสมเด็จพระสัฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์) คือ
1. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปลด กิตฺติโสภโณ ป.ธ.9 – สกุลเดิม > เกตุทัต) วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร สถาปนาเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2503 สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2505 – พระชันษา 73 ปี (ทรงดำรงตำแหน่ง 2 ปี 1 เดือน 18 วัน)
2. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทโย ป.ธ.9 – สกุลเดิม > ไม่ปรากฎ) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร สถาปนาเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2506 สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2508 – พระชันษา 90 ปี (ทรงดำรงตำแหน่ง 2 ปี 11 วัน)
3. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฏฺฐายี ป.ธ.9 – สกุลเดิม > ศิริสม) วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สถาปนาเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2508 สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2514 – พระชันษา 74 ปี (ทรงดำรงตำแหน่ง 6 ปี 22 วัน) >พระองค์ถือกำเนิดที่ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
4. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริ ป.ธ.4 – สกุลเดิม > สุขเจริญ) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร สถาปนาเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2516 – พระชันษา 77 ปี (ทรงดำรงตำแหน่ง 1 ปี 4 เดือน 17 วัน) >พระองค์ถือกำเนิดที่ อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี
5. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน ป.ธ.4 – สกุลเดิม > นิลประภา) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร สถาปนาเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2517 สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2531 – พระชันษา 91 ปี (ทรงดำรงตำแหน่ง 14 ปี 2 เดือน 5 วัน)
6. สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวฑฺฒโน ป.ธ.9 – สกุลเดิม > คชวัตร) วัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร สถาปนาเมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2532 สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556 – พระชันษา 100 ปี (ทรงดำรงตำแหน่ง 24 ปี 6 เดือน 3 วัน) >พระองค์ถือกำเนิดที่ อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
ส่วนสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ปัจจุบันเป็น พระองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์แรก ในรัชสมัยของ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 คือ
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (อัมพร อมฺพโร ป.ธ.9 – สกุลเดิม > ประสัตถพงศ์) วัดราชบพิตรสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร สถาปนาเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 – ปัจจุบันพระชันษา 90 ปี >พระองค์ถือกำเนิดที่ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี
นอกจากนี้ ยังเกิดปรากฏารณ์สำคัญในแวดวงพระเถรานุเถระเมื่อ พระพรหมคุณาภรณ์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) แห่งวัดญาณเวศกวัน อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ได้รับพระราชทานสถาปนาเลื่อนและตั้งสมณศักดิ์เนื่องในวาระวันคล้ายวันพระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2559 ที่ผ่านมา โดยท่านได้เลื่อนสมณศักดิ์จากเดิมที่เป็น พระราชาคณะชั้นหิรัญบัฏ เป็น สมเด็จพระราชาคณะ ชั้นสุพรรณบัฏ มีพระราชทินนามว่า สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) นับเป็นสมเด็จพระราชาคณะรูปสุดท้ายในรัชสมัยรัชกาลที่ 9 และเป็นสมเด็จพระราชาคณะรูปแรกในรัชสมัยรัชกาลที่ 10 แล้วยังเป็นสมเด็จพระราชาคณะรูปแรกที่เป็นพระสงฆ์จากวัดธรรมดาสามัญในต่างจังหวัด ที่มิได้สังกัดหรือจำพรรษาอยู่ในวัดสำคัญๆและมีชื่อเสียงในกรุงเทพมหานครแต่ประการใด เพราะเท่าที่ผ่านมานั้นการสถาปนา สมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ ซึ่งมีเพียง 8 รูปนั้น จะเป็นพระเถรานุเถระชั้นผู้ใหญ่ที่จำพรรษาอยู่ในวัดสำคัญๆในกรุงเทพฯทั้งสิ้น จึงเป็นนิมิตรหมายอันดีและมีความเหมาะสมอย่างยิ่งในฐานะที่ท่านเป็นพระนักปราชญ์แห่งวงการพุทธศาสนาของไทยมาช้านาน มีผลงานการเขียนหนังสือมากมาย โดยเฉพาะหนังสือ “พุทธธรรม” ได้รับการยกย่องว่าเป็นเพชรน้ำเอก ของวงการพุทธศาสนา ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก นอกจากนั้นท่านยังเป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลการศึกษาเพื่อสันติภาพ จากองค์การยูเนสโก เมื่อปีพ.ศ. 2537 ท่านมีวัตรปฏิบัติเรียบง่ายจึงได้รับการกราบเคารพยกย่องท่านอย่างสนิทใจตลอดมา
จะขอกล่าวถึงภูมิหลังของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) สักเล็กน้อยค่ะ ท่านเกิดเมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2481 ที่ตลาดศรีประจันต์ริมน้ำสุพรรณบุรี (แม่น้ำท่าจีน) อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี สกุลเดิมคือ อารยางกูร บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดบ้านกร่าง อำเภอศรีประจันต์ เมื่อปีพ.ศ. 2494 ต่อมาได้เข้ามาจำพรรษาอยูที่วัดพระพิเรนทร์ กรุงเทพฯ ท่านสอบได้นักธรรมเอกและเปรียญธรรม 9 ประโยค ขณะเป็นสามเณร (นับเป็นสามเณรรูปที่ 2 ในสมัยรัชกาลที่ 9 และเป็นรูปที่ 4 ในสมัยรัตนโกสินทร์) ได้อุปสมบทโดยเป็นนาคหลวงในพระบรมราชานุเคราะห์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2504 ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช(ปลด กิตฺติโสภโณ)เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากนั้นท่านได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์ตามลำดับดังนี้ พระศรีสุทธิโมลี(ปี 2512) > พระราชวรมุนี(ปี 2516) > พระเทพเวที(ปี2530) > พระธรรมปิฎก(ปี 2536) > พระพรหมคุณาภรณ์(ปี 2547) > สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(ปี 2559) – ปัจจุบันอายุ 79 ปี และเป็นเจ้าอาวาสวัดญาณเวศกวัน อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม นอกจากนี้จังหวัดนครปฐมของเรายังมีพระเถรานุเถระเป็น พระราชาคณะ ชั้นหิรัญบัฏ อีก 1 รูปด้วยคือ ท่านพระพรหมเวที (สุเทพ ผุสฺสธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร ได้รับสถาปนาสมณศักดิ์เมื่อปีพ.ศ. 2557 ทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่าในแถบจังหวัดภูมิภาคตะวันตกของเราทั้งแปดจังหวัดนั้นเป็นถิ่นกำเนิดของพระอริยสงฆ์และพระเถรานุเถระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีตั้งแต่สมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระราชาคณะ และพระราชาคณะหลายรูปด้วยกัน ทั้งในจังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี และนครปฐม
ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ พระประวัติสมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 19 พระองค์ เลขหมู่ BQ843พ45 2552 ; จากเว็บข่าว manager online ; thaipost.net และเว็บวิกิพีเดีย