28 กรกฏาคม กิจกรรมของโครงการ The Space@SU ก็เริ่มขึ้น พบว่าตัวเองไม่รอบคอบหลายอย่างเป็นเหตุให้พี่น้องต้องเดือดร้อน อย่างแรกคือเวทีที่ต้องเป็น 4 ตัว อย่างงานวันเด็ก ก็ดันลืมคิดว่าเป็นสองตัว จึงต้องรบกวนพี่น้องกันอีกรอบ ครั้งหน้าต้องใช้ความจำอย่างเดียวคงไม่ได้ คงต้องจดด้วย
เรื่องต่อไปคือคือ ป้าย ที่คิดจะไปแฝงกับของน้อง แต่น้องๆ เกิดเปลี่ยนใจแบบกระทันหัน คาดว่าจะเป็นเรื่องของงบประมาณทีุ่ทุ่มไปกับเครื่องเสียงกับงานครั้งแรก ที่กะว่าใครเห็นก็ร้อง ว้าว! แต่เรากลับอ้าว! ไม่มี ดังนั้นต้องคิดทำเสียตั้งแต่พรุ่งนี้ เพื่อเดือนต่อไป
แต่เดือนหน้าน้องๆ ขอพักผ่อนเก้บเอาแรง เราจึงต้องทำหน้าที่แมวมองหาแนวร่วมกันอีกต่อไป ได้น้องที่เป็นนักเขียนตอนได้คุยแล้วสองสามคน กับน้องชมรมต่างๆ ที่บอกว่าจะเข้ามาช่วยจัดกิจกรรมแบบนี้
สถานการณ์ตามเวลาของวันนี้คือ
ตั้งแต่บ่ายสองพี่น้องชายฉกรรจ์หลายคนเข้ามาช่วยทำงาน ขณะที่ฝนเริ่มตกหยิมๆ ลุงมานิตย์ พี่ไมค์ น้องกอล์ฟ ลุงเพชร ลุงพงษ์  ลุงมน น้องพิทั้งสอง น้องนาจ ฯลฯ มาช่วยกันขนเวทีและขนเก้าอี้ ท่ามกลางฝนปรอย น้องเอกับน้องปูผ่านมาจึงขอให้ช่วยขนหนังสือ พี่ตาทำหน้าที่ขอทั้งรถและช่วยเจรจา น้องน้องช่วยผลิตของขวัญจากหอสมุดฯ ไปเข้าร่วมกิจกรรม หนู่ใหญ่เป็นฝ่ายโอเค น้องเอ๋กับพี่จุ๋มช่วยผลิตป้าย น้องอ้อปล้ำกับโปสการ์ดของ ศต. ส่วนพี่แมวเป็นฝ่ายอนุมัติ
น้องวิรุฬห์วันนี้ไม่มีเครื่องเสียงต้องดูแล แต่ต้องไปเก็บทั้งภาพนิ่งและเคลือ่นไหว คงมีภาพสวยๆ ให้เราได้ดูกัน น้องมาร์คช่วยดูแลร้าน พี่ติ๋วไปช่วยตกแต่งหน้าร้าน มีพี่น้องที่อยู่เวรแวะไปดูสถานการณ์มากมาย บอกว่าอยากมาอยู่ด้วยกันจังเลย นักศึกษานี่เวลาเขาจัดงาน แควนๆ เยอะจริงๆ
วันนี้เจ้าภาพใหญ่คือน้องๆ จากชมรมสื่อสร้างสรรค์เป็นโต้โผ ภายใต้แนวคิด คนมีของ ต้องมาโชว์ ขนนักศึกษามาหมดเกือบทุกคณะวิชา งานส่วนใหญ๋อยู่ที่การแสดงดนตรีของนักศึกษามีทั้งเดี่ยว ทั้งกลุ่มและเป็นวง นักศึกษาของเรามีความสามารถมากมายด้านดนตรี และความสามารถในการทำมาค้าขาย มีตั้งแต่สินค้าทำมือแบบไอเดียล้วนๆ กับสินค้ามือสอง และสารพัดของ แนวๆ ศิลปากร
บ่ายสี่โมงฝนตกหนักมาก ไปติดฝนที่เต็นท์ฝนสาดเข้ามาจนท่วมเกือบถึงข้อเท้า จึงได้ถ่ายรูปอาคารหอสมุดท่ามกลางสายฝน สวยไปอีกแบบ ขณะที่ช่างไฟก็ต้องเก็บของแบบอลหม่าน ปลอบใจกันเองกับน้องๆ ว่า ฟ้าใสแบบนี้  อีกไม่นานฝนก็จะหายและก็เป็นจริงๆ น้องอ้อแม้จะเป็นหวัด ทั้งไอและจาม แต่ใจสู้แม้จะไม่สบายก็ยังวิ่งกลับไป-มา หากระดาษไปคลุมหนังสือ
ตอนเปิดบูธแรกๆ ไม่ได้ออกไปดู เพราะมีภารกิจในหอสมุดฯ กลับออกไปอีกที เอ๊ะ นักศึกษาสนใจมากมาย หนังสือที่ฝ่ายวิเคราะห์ฯ ส่งมาให้แบ่งกันอ่าน เนืองแน่นไปด้วยนักศึกษาที่สงสัยใคร่ถาม มีพี่ติ๋วกับน้องอ้อคอยอธิบายความเป็นมาและเป็นไป ว่าเป็นหนังสือเล่มซ้ำที่เราได้รับบริจาคมาจึงอยากแบ่งให้นักศึกษาได้นำไปอ่าน  หลายคนบอกว่าอยากให้มีกิจกรรมแบบนี้ทุกเดือน ส่วนพวกเรากะว่าครั้งหน้าจะเริ่มขายลูกชิ้นปิ้งด้วการอุดหนุนผลิตภัณฑ์ที่บ้านน้องสมจิตร์  น้องกอล์ฟบอกว่าจะแคะขนมครก เพราะบ้านมีกะทะ แต่ไม่มีเตา ส่วนบ้านพี่ติ๋วมีเตา แต่ไม่มีกะทะ พี่ติ๋วว่าเราน่าจะขายขนมจีบ
เราคุยกันงานนี้มีข้อปรับปรุงอย่างไร พี่ติ๋วทำนห้าแม่บ้านคอยจดรายละเอียด ในวงหลายๆ คน ช่วยออกความคิด เพื่อแก้ไขครั้งต่อไป วันนี้ดูท่าแล้วเด็กๆ คงจะกลับดึก พวกเราหลายคนบ้านอยู่ไกล จึงขอกลับบ้านไปก่อน เราคงอยู่ได้ถึงสี่ทุ่มดึกกว่านี้ไม่ไหว จึงมอบหมายให้น้องพิชัยเป็นผู้ดำเนินการต่อไป ลูกแม่น่ารักตรงนี้แหละ ทำให้ดุไม่ลงสักที…… แต่ตอนนี้คุณแม่น้องเอ๋เหลาไม้เรียวมาให้ขนาบเจ้าลูกโอ๊ตตามคำขอของป้า ก็นะ…กะว่าจะมาใช้กับคนแถวนี้บ้าง พวกเราอยู่ตรงนั้นหลายคน คงมาเล่าในมุมให้ฟังกันนะตามสัญญา
เป็นดังคาดเด็กๆ ขอเลิกสี่ทุ่มครึ่งตามเวลาหอปิด นั่นหมายความว่าสี่ทุ่มหน่อยๆ คงเลิก ยิ่งดึกคนยิ่งเยอะ เสียงดนตรีแบบร๊อคๆๆ ดังตามสไตล์ของนักศึกษา
เกือบๆ สีุ่ทุ่ม พวกเราเริ่มเก็บของที่เหลือแค่นิดหน่อย เก้าอี้และโต๊ะ ขอบคุณพี่น้องที่อยู่เวรแล้วยังอยู่เป็นเพื่อนช่วยกันจนถึงสีุ่ทุ่มครึ่ง และขอบคุณน้องภาม… เจ้าตัวเล็กของน้องวิรุฬห์ที่บอกว่าไม่เป็นไรครับป้าอีกแป๊บเดียว ขอบคุณและขอบคุณทุกคนที่เป็นเบื้องหน้าและเบื้องหลัง
ตอนเลิกงานมีนักศึกษาซึ่งไม่เคยรู้จักมาก่อนเดินเข้ามาบอกว่า… ขอบคุณหอสมุดฯ ครับที่ทำพื้นที่ตรงนี้ให้มากกว่าที่นั่งอ่านหนังสือ แค่นี้ก็ดีใจแล้ว