เปิดบ้านห้องสมุด ครั้งที่ 3
เปิดบ้านห้องสมุด ครั้งที่ 3 ครั้งนี้มีธีมงานว่า Next step ปีนี้ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้น้องๆ ในกลุ่ม Young Gen. ได้คิดกันตั้งแต่แรก เริ่มจากหาประธานและเลขาฯ คิดกิจกรรม วิธีการและให้นำเสนอต่อที่ประชุม
การบริหารจัดการหรือการเรียนทุกอย่าง ทฤษฎีที่ร่ำเรียนมาไม่พอ คนเราจึงต้องแสวงหาทั้งจากการอ่าน หรือการฝึกฝนจากสนามจริงเป็นเรื่องจำเป็น ประสบการณ์ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ต้องสะสม คนที่เก็บงำทุกอย่างได้มากที่สุด แล้วรู้จักนำออกมาใช้ได้จริงถือว่าประสบผลสำเร็จในชีวิต
เราอาจพบกับประสบการณ์ที่คนที่พูดเก่งโน้มน้าวใจคนได้ แต่ความจริงไม่ได้เป็นสิ่งที่จริง เรื่องนี้เป็นตำราปรัชญากันเลยทีเดียว หรืออาจพบกับคนที่สามารถเขียนรายงานเป็นเอกสารหนาๆ แต่ล้มเหลวเมื่อต้องนำสิ่งที่เขียนมาปฏิบัติจริง ในขณะเดียวกันก็มีคนที่พูดไม่เก่ง เขียนไม่ได้ แต่ทำงานได้ดี และก็มีบางคนก็ทำได้ดีไปซะทุกอย่าง
ทุกองค์กรอยากได้คนที่เก่งและดี ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับทรัพยากรมนุษย์จึงพยายามหาเครื่องมือไปวัดผล ประเมินผล หาลู่ทาง จัดทำแผนต่างๆ เพื่อให้คนในองค์กรอยู่แบบมีความสุข แต่ร้อยทั้งร้อย ล้านทั้งล้าน ทุกข์น้อยทุกข์มากมักเกิดขึ้น ในองค์กรเดียวกันการรู้สึกถึงดีกรีความทุกข์ยังต่างกัน ปัญหาบางเรื่องที่เกิดจากคน บางครั้งต้องอยู่ไปจนบ้ายบายตามเงื่อนไขของเวลาหรืออื่นๆ ดิฉันชอบยกตัวอย่างเพื่อชโลมจิตใจว่า เมื่อประมาณสิบปีก่อนผู้บริหารท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า หากคนนั้นเกษียณอายุปัญหาก็จะหมด!!!
คำถามในใจของเราคือ เจ้าตัวรู้ไหมว่าคือปัญหา คำตอบของเราคือ รู้ แต่….. เว้นไว้สำหรับเหตุผลที่เรามักมีให้ตัวเอง
จะรู้ได้อย่างไร? คนนั่งข้างๆ ถาม ดิฉันบอกก็คงต้องฟัง ฟังไม่ใช่หมายถึงเสียงที่ใช้แต่หูอย่างเดียว หากหมายถึงทุกอย่างที่คนเราสามารถรับรู้ได้ รู้จักกลั่นกรองสาระของเสียงและทำความเข้าใจที่อีกฝ่ายหนึ่งพยายามสื่อสาร
คำหรือประโยคซ้ำๆ ที่พบ เช่น
เสร็จยัง เมื่อไร ถึงไหนแล้ว ทำไมยังไม่เสร็จ ธุระเยอะ หมายถึง การจัดการเรื่องเวลา 💡
คุยกันยัง แผนล่ะ ผลว่าไง ดูแล้วยัง ให้ใครดูยัง ลองคิดดู แปลว่า ต้องการถามถึงวิธีการทำงาน 👿
แล้วไงต่อ ทำแล้วยัง นานไปป่าว เคยบอกแล้ว ทำๆ กันบ้าง แปลว่า กำลังติดตามงาน 😳
ปรับใหม่ แก้อีกนิด หรือตรงๆ แบบ ลอกมาป่าว ทำไมจึงเขียน หรืออ้อมโลกพูดเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ ความหมายคือ แก้ไขงานชิ้นนั้น
สดๆ ร้อนๆ เพิ่งเปิด email จากหน่วยงานหนึ่งที่มีผู้ชักชวนให้เขียนบทความ แก้ไป 2 ครั้งแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ได้รับข้อความว่า ขอให้แก้ไขตามที่ reader ได้อ่านด้วยค่ะ ส่งภายในวันที่ ……………. นับได้ว่าอีก 7 วันข้างหน้า ครั้งที่แล้วนำต้นฉบับมาดูพบว่าแตกต่างแบบหน้ามือหลังมือ ก้มหน้าแก้ไขไปค่ะ 😥 คิดถึงคนที่บอกให้เราแก้ไขซึ่งไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด แต่ผลงานนั้นเป็นชื่อของเราตลอดไป
สำหรับงานนี้ Next step ครั้งนี้ พยายามถอยแล้วมองคนรุ่นใหม่ ด้วยความที่อยากเห็นภาพชัดๆ ภาพแรกพวกเรามักเห็นคือความทุ่มเทของพวกเราในทุกงานที่ทำ ความพยายาม ความกล้า ความเพียรและเห็นพลัง
มีเรื่องที่อยากจะบอกคือเห็น senses การทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ลีลาของการทำหน้าที่เชิญชวนแขกเข้าไปดูงาน วิธีการบิ้วท์ลูกค้า การอุทิศเวลาการพักที่ล่วงเลยไปจนบ่ายสองสำหรับอาหารกลางวัน หรือบางคนแว้บไปกินข้าวแล้วรีบกลับมาประจำหน้าที่ สัมผัสได้กับความกระตือรือร้นขงอน้องๆ ที่รายงาน ขอหรือแจ้งข้อมูล บางครั้งดิฉันส่งตัวอย่างงานบางอย่างงานไปให้ในยามดึก บอกว่าให้ลองคิด ลองทำ สารที่ได้รับกลับมาคือการตอบสนองอย่างรวดเร็ว การทดลอง และการทำจริง เห็นการสรุปการทำงานของแต่ละวันแล้วพร้อมช่วยกันแก้ไขในวันรุ่งขึ้น เห็นความสนุกและการคิดต่อไปถึงอีเว้นท์ในอนาคต
สุดท้ายที่อยากจะบอกคือเห็นพี่ทำหน้าที่พี่ แม้บางคนจะดุ แต่พี่คนนั้นก็พร้อมทำหน้าที่ปลอบประโลมและเข้าช่วยเหลือ
บ่ายแก่ๆ ของวันที่สามฝนตก ต้องย้ายบูธและของเข้ามาด้านใน น้องๆพี่ๆบอกว่า เราผู้ไม่แพ้ เราจะทำต่อไป !!!!
นอกจากเพิ่มบันไดในโปสเตอร์ที่น้องวีถามว่าจะใส่ไรดี น้องแอนบอกว่าอยากได้คำโปรยในบอร์ด จึงหยิบหนังสือเรื่อง 35 ปี หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ หนังสือเล่มนี้โดยส่วนตัวแล้วชอบตรง “คำนำ” เพราะตอนที่เขียนทั้งน้ำตา พลิกไปในหน้าสุดท้ายพบประโยคว่า … เราต้องก้าวอยู่เสมอไม่ว่าจะผ่านไปสักกี่ปี เขียนเมื่อ 2546 #อมตะ#
ชอบอกชอบใจ หาชื่อคนเขียน พบแล้ว สมปอง มิสสิตะ นั่นเอง!!! #อวยตัวเองชัดๆ#
Step ต่อไปของคณะกรรมการชุดนี้คือ การทำ AAR ลองอ่านแล้วทำตามกันได้ที่นี่ค่ะ http://www.oic.go.th/km/contents/oickm09.htm
ก้าวของทุกคนจะต้องมี!!! ที่ยืนของทุกคนต้องมั่น!!! Love you all.