เกือบจะเป็น talk of the library

31 January 2016
Posted by thitima

กรณีศึกษางานบริการยืม-คืน  ครั้งนี้เป็นเรื่องหนังสือแจ้งหาย/ชำรุด  ว่าด้วยการแจ้งกลับผู้ใช้, การรับเงิน, การออกใบเสร็จรับเงิน  ผู้ใช้บริการที่เกี่ยวข้องมี 3 คน คือเจ้าของบัตร (คนที่ 1) และเพื่อน อีก 2 คน ครั้งแรกที่มาติดต่อแจ้งหาย/ชำรุด ผู้ใช้มาด้วยกัน 2 คน (คนที่ 2, 3) เจ้าของบัตรไม่ได้มาด้วย
วันนี้ .. ม.ค. 59 เจ้าของบัตรมาด้วยตนเอง พร้อมเพื่อนคนที่ 2 อีกคนหนึ่งไม่ได้มา (คนที่ 3) เพื่อชดใช้หนังสือชำรุด  เจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ล่วงเวลาได้เชิญดิฉันให้มาดูหนังสือนี้ว่าจะรับไว้ได้หรือไม่ ดิฉันตรวจสอบแล้วเห็นว่าปีพิมพ์หนังสือเล่มนี้เก่า อยู่ในช่วง พ.ศ. 2510 ต้น ๆ ก็คิดว่าปีเก่าแบบนี้สภาพเล่มคงดีได้เท่านี้ แต่ที่จะรับไว้ไม่ได้คือขอบตัวเล่มดำเก่ามากอีกทั้งขอบในตัวเล่มด้านหน้าและด้านหลังมีรอยคราบเปื้อน กลิ่นจากตัวเล่มเหม็นอับมาก สอบถามผู้ใช้บริการว่าซื้อมาจากไหน แจ้งว่าซื้อจากร้านหนังสือมือสอง ราคา 2XX บาท
ดิฉันจึงจดเลขเรียกและขอให้ผู้ใช้บริการขึ้นไปหยิบตัวเล่มหนังสือชื่อนี้ที่อยู่บนชั้นมาเพื่อเปรียบเทียบสภาพตัวเล่มของหอสมุดฯ กับที่ซื้อมาว่าเป็นอย่างไร  ผู้ใช้บริการก็ขึ้นไปหยิบตัวเล่มมาหนึ่งเล่ม (ชื่อนี้มีทั้งหมด 5 เล่ม) ดิฉันตรวจสอบแล้วบอกว่าสภาพตัวเล่มของหอสมุดฯ ดีกว่าเล่มที่ผู้ใช้ซื้อมาคือไม่มีคราบเปื้อนและไม่มีกลิ่นเหม็นอับ ขอไม่รับตัวเล่มชดใช้ เพราะถ้ารับไว้เท่ากับรับหนังสือชำรุดที่มีคราบเปื้อนไว้ ขอให้ชดใช้เป็นเงิน
ผู้ใช้บริการแจ้งว่าเจ้าหน้าที่บอกให้ซื้อเล่มมาชดใช้ ดิฉันบอกว่าเริ่มแรกเจ้าหน้าที่มักจะบอกให้กลับไปหาที่หอ/บ้านเผื่อจะพบเล่มเดิม และอาจบอกเบื้องต้นว่าให้ซื้อตัวเล่มชดใช้  แต่จะแจ้งผลการพิจารณาชดใช้ให้ผู้ใช้บริการทราบอีกครั้งหนึ่งโดยนัดมาฟังผลการชดใช้ หรือแจ้งให้ทราบทางเมล์ หรือโทรศัพท์ พร้อมกับหยิบใบแจ้งหายให้ดูว่าเล่มนี้ผลการพิจารณาให้ชดใช้เป็นเงิน (ตรวจสอบแล้วไม่มีจำหน่าย อีกทั้งหอสมุดฯ มีเล่มนี้บริการถึง 5 เล่ม)
ผู้ใช้บริการเจ้าของบัตรก็ยินยอมจ่ายค่าหนังสือชดใช้ตามข้อกำหนดของหอสมุดฯ พร้อมค่าดำเนินการทางเทคนิค แต่พอคิดรวมค่าปรับหนังสือค้างส่งด้วย จำนวน 1XX บาท ผู้ใช้บอกว่าเพื่อน (คนที่ 3) มาจ่ายแล้วเมื่อวันที่ 1x ม.ค. 59
ดิฉันได้ขอให้หัวหน้างานบริการยืม-คืน ซึ่งเลิกงานแล้วแต่ยังไม่ได้กลับบ้าน นำใบเสร็จวันที่กล่าวถึงมาตรวจสอบร่วมกับผู้ใช้บริการ ก็ไม่พบในสำเนาใบเสร็จดังกล่าว จึงแจ้งว่าโดยหลักการทำงาน เจ้าหน้าที่จะไม่เก็บเงินค่าปรับเกินกำหนดจนกว่าการชดใช้หนังสือสิ้นสุดลง เพราะบางทีผู้ใช้อาจพบเล่มเดิมและนำมาคืน ค่าปรับเกินกำหนดจะคิดถึงวันที่นำตัวเล่มเก่ามาส่งคืนถือว่าเป็นการส่งช้า และถ้าซื้อเล่มใหม่มาชดใช้ ค่าปรับเกินกำหนดจะนับถึงวันที่มาแจ้งหาย ดังนั้นกรณีนี้ยังไม่จบกระบวนการทำงานจึงยังไม่เก็บค่าปรับหนังสือเกินกำหนดไว้ ระหว่างนี้ผู้ใช้และเพื่อน โทร.หาคนที่แจ้งว่าจ่ายแล้ว โดยเพื่อนทางโทร. และคนที่มาด้วยกันวันนั้น (คนที่ 2, 3) ยืนยันว่าจ่ายแล้วแน่ ๆ และบอกใหม่ว่าจ่ายวันรุ่งขึ้น หัวหน้างานบริการยืม-คืน จึงนำสำเนาใบเสร็จวันถัดมาให้ดูด้วยกันอีกก็ไม่พบ
ต่อมาผู้ใช้บริการเจ้าของบัตรบอกว่าเจ้าหน้าที่จะส่งเมล์แจ้งให้ทราบว่าต้องชดใช้อย่างไร แต่ไม่ส่งให้ เขาจึงไปซื้อตัวเล่มมาชดใช้ดิฉันได้พาผู้ใช้ทั้งสองรายนี้เข้ามาตรวจสอบเมล์ของฝ่ายบริการพบว่าส่งไปจริง แต่เมล์ถูกตีกลับ และถามว่านี่ใช่เมล์เพื่อนที่คุยอยู่ทางโทรศัพท์แจ้งไว้ไหม ผู้ใช้ 2 คนนี้ตอบว่าใช่ และโทร.แจ้งเพื่อนว่าเจ้าหน้าที่ส่งเมล์ให้จริง
แต่เพื่อนที่คุยทางโทรศัพท์ และคนที่มาด้วยในวันนั้น (คนที่ 2, 3) ยืนยันว่าจ่ายเงินค่าปรับให้เจ้าหน้าที่คนหนึ่งแน่นอน โดยคนที่มาวันนี้บอกว่าเห็นเพื่อนหยิบเหรียญบาทให้ 6 เหรียญ ตามเศษของจำนวนเต็ม แต่เจ้าหน้าที่รับเงินแล้วไม่ออกใบเสร็จรับเงินให้
ดิฉันได้ชี้แจงผู้ใช้ว่าการเก็บเงินจากผู้ใช้หากมีการหลงลืมไม่ออกใบเสร็จให้ตอนนั้น เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบได้ว่ามีเงินเกินมาจากไหนอย่างไรในแต่ละวัน และจะติดต่อผู้ใช้มารับใบเสร็จภายหลัง
ผู้ใช้บริการคนที่ 1  แจ้งว่าเพื่อนคนที่ 2, 3 ยืนยันว่าจ่ายเงินแล้วแน่นอน แต่เจ้าหน้าที่รับเงินแล้วไม่ออกใบเสร็จให้  ดิฉันคิดว่าเอาไงดี คำพูดผู้ใช้น่าเชื่อถือมาก เพราะมีคนที่มาวันนั้นเป็นพยานบุคคลได้  ดิฉันจึงโทร.หาผู้ดูแลระบบความปลอดภัยของห้องสมุดเพื่อขอใช้ตัวช่วยระบบนี้มายืนยันการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ถูกกล่าวถึง โชคดีที่ผู้ดูแลระบบยังไม่ได้กลับบ้าน แต่แจ้งว่าข้อมูลอาจไม่อยู่แล้ว สักพักหนึ่งก็บอกให้ดิฉันนำไดร์ฟไป save ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการบริการในวันนั้นมาให้ผู้ใช้ดู เมื่อผู้ใช้ดูแล้วไม่มีการจ่ายเงินจริง ทั้ง 2 คน คิดสักพักหนึ่งบอกใหม่ว่าวันนั้นเขามาติดต่อที่เคาน์เตอร์ 2 รอบ และยืนยันเหมือนเดิมจ่ายเงินแล้วแน่นอนพร้อมคุยกับเพื่อนทางโทรศัพท์ตลอดว่าเป็นอย่างไร
ดิฉันโทร.ไปหาผู้ดูแลระบบอีกครั้งเวลาประมาณ 20.30 น. โชคดีที่ผู้ดูแลระบบยังไม่กลับบ้าน  ขอให้ช่วยตรวจสอบตามที่ผู้ใช้แจ้งว่าเข้ามาติดต่อเคาน์เตอร์ 2 ครั้ง  ขอดูครั้งแรกเวลาประมาณ 11.40 น.  แล้วให้เจ้าหน้าที่ที่ถูกพาดพิงเอาไดร์ฟไป save ข้อมูลมาให้อีกรอบ
ระหว่างรอการไป save ข้อมูลรอบสอง ผู้ใช้บริการแจ้งเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ว่าให้คุยกับญาติผู้ใหญ่ของตน เจ้าหน้าที่แจ้งว่ายังไม่คุยต้องเคลียร์เรื่องนี้ให้เรียบร้อยก่อน  ต่อมาผู้ใช้จะขอจ่ายเงินให้เลยจะได้จบ ๆ กันไป เจ้าหน้าที่บอกว่ากรณีนี้เงินไม่สำคัญ สำคัญที่ต้องมีข้อมูลยืนยันให้แน่ใจก่อนว่าเจ้าหน้าที่ที่ถูกพาดพิงไม่ได้รับเงินจริง ไม่งั้นเจ้าหน้าที่เสียหาย หน่วยงานจะเสียชื่อเสียงไปด้วย
ขณะเดียวกันดิฉันเอาตัวเล่มที่ผู้ใช้หยิบมาจากชั้นจะส่งขึ้นชั้น พอเปิดดูใบกำหนดส่งด้านหลังพบว่ามีประทับวันกำหนดส่งแต่ไม่มีผู้รับคืน (รอบแรกที่ผู้ใช้หยิบมาไม่ได้ดูว่า ฉ.ไหน ดูแต่สภาพเล่ม) จึงให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบในใบแจ้งหายกลายเป็นเล่มที่ผู้ใช้บริการแจ้งหายไว้ เมื่อตรวจกับประตูอัตโนมัติพบว่ายังไม่มีการรับคืน  ผู้ใช้บริการแจ้งว่าเพื่อนคงเอามาใช้ในห้องสมุดแล้วลืมไว้
เมื่อได้ข้อมูลมาให้ผู้ใช้ดูอีกรอบพบว่าผู้ใช้หยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาจริงแต่ไม่ได้จ่ายเงินแล้วก็เก็บกระเป๋าเงินใส่ในกระเป๋ากระโปรงตัวเองไป  ระหว่างที่ดูภาพผู้ใช้ทั้ง 2 คน ได้โทร.หาเพื่อนคนที่ 3 เป็นระยะ ๆ เมื่อเห็นว่าไม่ได้มีการจ่ายเงินตามอ้างจึงบอกว่าเพื่อนคงลืมและยกมือไหว้ขอโทษทุกคน  แล้วมาจ่ายเงินค่าปรับหนังสือเกินกำหนดเมื่อเวลาประมาณเกือบ 21.00 น.
เรื่องนี้จบลงด้วยดี เจ้าหน้าที่ที่ถูกกล่าวหาไม่ติดใจอะไร คงดีใจที่ไม่เป็นดังที่ถูกกล่าวหา ดิฉันบอกผู้ใช้บริการอีกครั้งว่าเจ้าหน้าที่คงไม่แลกอนาคตการทำงานกับเงินร้อยกว่าบาทนี้หรอก  ซึ่งเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งได้กล่าวกับผู้ใช้ทั้งสองนี้อาจหมายรวมถึงเพื่อนที่ไม่ได้มาว่าขอให้ระวังหากต่อไป ไปทำแบบนี้ที่อื่นอาจจะโดนฟ้องกลับคดีหมิ่นประมาทได้
เหตุการณ์ครั้งนี้ต้องขอขอบคุณผู้ดูแลระบบที่ยังอยู่ทำงานจนมืดค่ำ ยังไม่กลับบ้าน ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ข้อมูลยังคงมีอยู่ไม่ทำให้ผู้ปฏิบัติงานเสียชื่อเสียง และอาจพลอยทำให้หน่วยงานเสียชื่อเสียงไปด้วย และจะกลายเป็น talk of the library ไม่รู้จบ
สุดท้ายได้ย้ำเตือนเจ้าหน้าที่ที่ติดตามหนังสือค้างส่งให้สุ่มตรวจสอบที่ชั้นหนังสือให้มากขึ้นด้วยแล้ว

Leave a Reply

Tags

blog CONSAL KPI PULINET การจัดการความรู้ การดูแลสุขภาพ การทำงาน การท่องเที่ยว การบริการ การปฏิบัติงานล่วงเวลา การประชาสัมพันธ์ การพัฒนาตนเอง การพัฒนาบุคลากร การลงรายการ การศึกษาดูงาน การอ่าน การเรียนออนไลน์ กิจกรรมสำหรับเด็ก กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน กิจกรรมห้องสมุด ความสุข ค่ายห้องสมุด งานบริการ ธรรมะ นวนิยาย นักเขียน บรรณารักษ์ บริการชุมชน ประกันคุณภาพ ภาพถ่าย ภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยศิลปากร ระบบห้องสมุดอัตโนมัติ วัด วันสำคัญ วารสาร สัมมนา สุขภาพ หนังสือ หนังสือบริจาค หนังสือและการอ่าน หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ ห้องสมุด ห้องสมุด 24 ชั่วโมง อาหาร