เตือนภัยใกล้ตัว
เป็นเรื่องเล่าจากประสบการณ์ตนเองที่ได้ประสบมา คือ เมื่อประมาณช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 นี้ ครอบครัวดิฉันได้เดินทางไปห้างสรรพสินค้าวัสดุก่อสร้างแห่งหนึ่ง เพื่อไปเลือกดูวัสดุในการทำบ้าน เนื่องจากการก่อสร้างอยู่ระหว่างการติดตั้งประตู ปูกระเบื้องพื้น ชักโครก อ่างล้างหน้า หลอดไฟ ฯลฯ โดยช่างขอให้เลือกแบบมาโดยให้ถ่ายภาพแล้วนำภาพส่งไลน์มา เพื่อช่างจะได้ไปจัดการซื้อต่อไป ในตอนแรกของการเลือกดู วัสดุตกแต่ง ดูไปถ่ายภาพไป จนกระทั่ง “ชักโครกเจ้าปัญหา” ในระหว่างที่ดูยี่ห้อแรก ก็มีเจ้าหน้าที่ชาย มายืนจ้องดูพฤติกรรมเราอยู่ห่างๆ พอเริ่มขยับไปดูยี่ห้อต่อไป ก็ยังคงจ้องดูเราต่อเรื่อย ๆ จนเริ่มคิดในใจว่า มองเราขนาดนี้ กลัวอะไร กลัวเราจะขโมยชักโครกเหรอ ทำไมไม่มาให้การช่วยเหลือลูกค้า หากเป็นห่วงหรือสนใจลูกค้าจริงตามกริยาที่แสดงออก สามารถสอบถามหรืออธิบายประสิทธิภาพของแต่ละรุุ่น/ยี่ห้อของชักโครกให้ลูกค้าฟังได้ จนกระทั่งดิฉันได้เคลื่อนย้ายไปถึงยี่ห้อที่มีปัญหา เจ้าหน้าที่ก็ยังคงหันมองตามอยู่ ปรากฎว่ายี่ห้อนี้ สามีอ่านประสิทธิภาพที่ติดไว้คือ มีระบบหน่วงฝาชั้นใน จึงทดลองเปิดเพื่อดูความหน่วง ปรากฎว่า “ไม่หน่วง” เปิดปุ๊ปหล่นปั๊บดังโครมใหญ่ เจ้าหน้าที่หันมามอง พอขยับดูพบว่าขยับได้และมีการหลุดออกมาจากตัวยึดด้านใน จึงเข้าใจพร้อมกันว่า ที่แท้มันพังแล้ว คงจะมีใครทำพังก่อนหน้านี้ แต่เจ้าหน้าที่ไม่เปลี่ยนสินค้าตัวใหม่มาโชว์ และเดินดูชักโครกชิ้นอื่น ๆ ต่อไป โดยไม่ได้สงสัยอะไร
ในระหว่างที่เดินดูไปจนถึงกระเบื้องปูพื้น ก็มีเจ้าหน้าที 2 ท่าน เดินตรงเข้ามาหา โดยมีเจ้าหน้าที่ท่านที่ดูเราตลอดการดูแผนกเครื่องสุขภัณฑ์เป็นผู้เดินนำเจ้าหน้าที่อีกท่านมา ดิฉันมองเห็นก่อนคนแรก ในขณะที่บุคคลในครอบครัวกำลังเลือกดูลายกระเบื้องอย่างสบายใจ ดิฉันก็ตกใจว่าเดินมาหาพวกเราทำไม ในตอนแรกเข้าใจว่า สงสัยผิดกฎเนื่องจากบริษัท ห้ามถ่ายภาพ คงจะมาตักเตือนเราเป็นแน่ แต่เมื่อเดินเข้ามาใกล้ๆ ก็เห็นในมือเจ้าหน้าที่ถือฝาชักโครกเข้ามาด้วย ก็ยิ่งงงว่า ถือมาทำไม หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ก็เริ่มกล่าวหาว่า
เจ้าหน้าที่ : เมื่อกี้ที่คุณดูชักโครกแล้วทดลองเปิดใช่หรือไม่
สามี : ใช่ครับ
เจ้าหน้าที่ : น้องเค้าไปตรวจดูพบว่าฝามันพังมีรอยแตกหักครับ
สามี : ผมเพียงทดสอบเปิดดูระบบหน่วง ก็ตัวนี้ติดไว้ว่ามี ระบบหน่วงไม่ใช่เหรอครับ
เจ้าหน้าที่ : ใช่ครับ
สามี : อ้าว แล้วไม่เห็นมีระบบนี้ พอผมเปิดแล้วปิดระบบก็ต้องทำงานไม่ใช่เหรอครับ แต่ระบบหน่วงไม่ทำงาน+หล่นลงมาทันที ผมผิดตรงไหน พอขยับดูก็เห็นว่ามีการหลุด/แตกหักอยู่แล้ว จึงไม่ได้สนใจ เข้าใจว่าของเสียหายอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่ก็มองมา ถ้าคิดว่าผมทำพัง ทำไมไม่เดินเข้ามาสอบถามตั้งแต่ตอนนั้นเพื่อจะได้ยืนยัน เจ้าหน้าที่มองแต่ไม่สนใจ แต่ทำไมมาดูตอนหลังโดยที่พวกผมไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ แถมพวกคุณได้ไปถอดฝาออกมาเป็นที่เรียบร้อย ไม่คิดจะให้คนถูกกล่าวหาไปดูภาพตามที่ถูกคุณกล่าวหาบ้างเหรอครัับ หมายความว่าอย่างไร
เจ้าหน้าที่ : ปกติคนทำเสียหายต้องรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่เปลี่ยนอะไหล่ (ฝา) นะครับ แต่ต้องยกชุดเลยครับ
สามี : ถ้าผมทำผิด ยินดีรับผิดครับ แต่นี่ไม่ได้เป็นคนทำจริงๆ ไม่ได้ทำหล่นจนแตกหักอะไรเลย แค่ทดสอบเปิดฝาแล้วปิดตามฟังก์ชั่นที่คุณติดไว้ ก็เท่านั้นเอง
ดิฉัน : ขอถามหน่อยว่า ถ้าคิดว่าพวกเราทำพัง เจ้าหน้าที่ของห้างก็ยืนมองอยู่ ทำไมไม่รีบเข้ามาตรวจสอบหน้างาน แต่กลับไปคุยกันเอง แถมมีการถอดฝาชักโครกออกมาทันที คืออะไร และถ้าคิดว่าเราผิดจริง งั้นก็ขอดูกล้องวงจรปิดแล้วกัน เพื่อยืนยันพฤติกรรมเรา ก็แค่เปิดแล้วปล่อยให้ปิดเอง จะถึงกับพัง ก็แสดงให้เห็นว่าสินค้าของคุณ มีคุณภาพเป็นอย่างไร แล้วที่พวกคุณเดินมาก็ยังไม่คิดว่าเราจะถูกกล่าวหาแบบนี้ เข้าใจว่าเราจะถูกติประเด็นถ่ายภาพสินค้าของคุณ แต่เกินคาดถูกเป็นผู้ต้องหาทำชักโครกเสียหายโดยไม่ทันรู้ตัว ที่รู้ตัวคือการถ่ายภาพกลับไม่ใช่ประเด็น
สามีดิฉันจึงทดลองเอา “กล้องส่องพระ” ในกระเป๋าที่ีติดตัวตลอดเวลา มาส่องรอยแตกที่ชักโครก พบว่า มีฝุ่นละอองฝังในรูแตกหักนั้น จำนวนมาก
สามี: ถ้าของเพิ่งแตกหักจริง ก็ไม่น่าจะมีฝุ่นละอองในรูเล็กๆ เหล่านี้ ถ้าสภาพนี้ คือ แตกหักมานานแล้วครับ จึงเอากล้องพร้อมฝาชักโครกยื่นให้เจ้าหน้าที่ทดลองส่องดู เจ้าหน้าที่ไม่ยอมดู ทำหน้าซีดๆ เงียบไปพักหนึ่ง
มีเจ้าหน้าท่านที่ 3 เดินมาเรียกว่า ไปเถอะๆ เหมือนให้ยุติ
เจ้าหน้าที่ท่านที่ 2 (คนที่เห็นเหตุการณ์+ไปฟ้อง) บอกว่า ไปเถอะๆ ครับ แต่คนที่มากล่าวหายังคงไม่ไป แต่พูดไม่ออก หน้าซีดๆ
ดิฉัน : เอางัยดีคะ หากจะยืนยันให้เราผิดและรับผิดชอบให้ได้ งั้นคงต้องขอดูกล้องจะได้ไหมคะ
เจ้าหน้าที่ : ไม่มีกล้อง
ดิฉัน : จะไม่มีได้อย่างไร ห้างใหญ่โตขนาดนี้ แถมวัสดุประเภทนี้ ลูกค้าย่อมต้องทดลองใช้โดยการ เปิด-ปิด สัมผัส ยิ่งต้องมีในมุมนี้ หากเกิดปัญหาขึ้นมาแบบนี้ คุณก็จะกล่าวหาลูกค้าแบบนี้และให้ลูกค้าเป็นผู้รับผิดชอบทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นผู้กระทำอย่างนี้เหรอ
เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงเงียบ มองหน้ากันแล้วพากันเดินกลับไปแบบไม่มีคำขอโทษ
จากเหตุการณ์นี้ ทำให้แอบคิดไม่ได้ว่าเป็นการวางแผนของเจ้าหน้าที่เอง (ทางห้างไม่ทราบเรื่อง) ซึ่งวัสดุอาจมีการชำรุดอยู่แล้ว แต่ไม่ทราบว่าใครทำ ไม่มีผู้รับผิดชอบ ต้องการหาผู้รับผิดชอบ และเจ้าหน้าที่ท่านนี้ได้เดินตามดูครอบครัวดิฉันมาตลอดเวลา ไม่เข้ามาสอบถาม มาให้ข้อมูลใด ๆ จนดิฉันรู้ตัวและสังเกตุเห็นก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นี้เสียอีก หลังจากเกิดเหตุการณ์ฝาชักโครกหล่นลงโดยไม่หน่วงกลับไม่เดินมาดูในขณะท่ี่เราอยู่ในเหตุการณ์ ปล่อยให้ผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่อมาไม่ทราบว่าไปถอดฝาชักโครกออกมาตอนไหน และรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้าเพื่อมาจัดการกับครอบครัวเราทันที ซึ่งเป็นเหมือนพฤติกรรมที่มีการวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว พอถูกลูกค้ามีเหตุผลย้อนกลับก็ยอมจำนน สุดท้ายนี้ จะขอเตือนภัยเพื่อนๆ เวลาไปเดินชมสินค้าโปรดสังเกตและระวังภัยแนวใหม่นี้ด้วยค่ะ
ปล. ด้วยความโมโหจึงทำให้ลืมไปแจ้งผู้จัดการฯ เพื่อการสืบสวนหาสาเหตุให้กระจ่าง เพื่อจะได้เป็นการตักเตือนพนักงานที่มีพฤติกรรมส่อทุจริตเหล่านี้