จุดไต้ตำตอ (หนังสือบริจาค)
เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ดิฉันได้ยินเรื่องเล่าจากป้า ๆ ที่ทำงานในห้องสมุดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องสมุดคณะฯ ในสมัยนั้นห้องสมุดยังไม่มีระบบป้องกันหนังสือเหมือนกับทุกวันนี้ เป็นการยืม-คืนแบบติดใบกำหนดส่งไว้ด้านหลัง มีการเขียนชื่อในใบยืม เมื่อมีการยืมก็จะเขียนชื่อและเก็บบัตรยืมไว้ และจะประทับวันที่กำหนดส่งแจ้งไว้ด้านหลังตัวเล่ม เมื่อส่งคืนก็จะประทับวันที่รับคืน อยู่มาวันหนึ่ง ได้มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น โดยมีผุู้ปกครองของนักศึกษารายหนึ่งได้ขนหนังสือจำนวนมากมาบริจาค ณ ห้องสมุดแห่งนี้ (ประมาณเกือบ 1 รถเข็นหนังสือ) ส่วนใหญ่เป็น Textbook เจ้าหน้าที่ห้องสมุดได้รับบริจาคและขอบคุณเป็นที่เรียบร้อย ในขณะที่กำลังดำเนินการตรวจสอบหนังสือบริจาคเหล่านี้เพื่อจัดส่งฝ่ายวิเคราะห์ฯ ต่อไป ก็พบว่า หนังสือเหล่านี้มีประทับตราของห้องสมุดแห่งนี้ทุกเล่ม สรุปคือ หนังสือที่นำมาบริจาคเป็นของห้องสมุดแห่งนี้ทั้งหมด เจ้าหน้าที่จึงสอบถามคุณพ่อคุณแม่ว่า นำหนังสือเหล่านี้มาจากที่ไหน ผู้ปกครองตอบว่าเป็นหนังสือของลูกชายตอนเรียน และขณะนี้ลูกชายได้เสียชีวิตแล้ว จึงไม่อยากเก็บหนังสือเหล่านี้ไว้ที่บ้าน จึงมีความคิดว่าหากนำมาบริจาคให้กับทางห้องสมุดน่าจะเป็นประโยชน์กับห้องสมุดและนักศึกษารายอื่นๆ ไม่น้อย
จากเหตุการณ์นี้ ผู้ปกครองถึงกับช็อค เพราะตนเองนำหนังสือของลูกชายมาบริจาคเพื่อให้ลูกชายได้บุญ แต่หลังจากที่ทราบว่าหนังสือเหล่านี้เป็นของห้องสมุดทั้งหมด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าสมัยที่ลูกชายเรียนได้นำหนังสือเหล่านี้ออกจากห้องสมุด โดยไม่ผ่านการยืม (พูดแบบเพราะ ๆ) อาจจะตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ตาม จากบุญจึงกลายเป็นบาปโดยไม่รู้ตัว แต่ตนเองไม่ทันได้อายเพราะเสียชีวิตไปก่อน กลายเป็นผู้ปกครองต้องมารับบาปและความอับอายที่ไม่ได้เป็นผู้ก่อ นอกจากจะเป็นบาปกับผู้ปกครองแล้ว ยังทำบาปกับเจ้าหน้าที่ห้องสมุดและผู้ใช้บริการท่านอื่น ๆ ทุกครั้งที่ผุู้ใช้ท่านอื่นมาแจ้งว่าหนังสือเล่มนี้ “หาไม่พบ” แต่มีความจำเป็นต้องใช้ เจ้าหน้าที่ก็จะต้องพยายามสืบเสาะแสวงหา หาสาเหตุ ค้นหาทุกวิถีทาง เพื่อให้พบตัวเล่ม ซึ่งเป็นการเสียเวลา เสียสุขภาพจิตของผุู้ปฏิบัติงานและผู้ใช้บริการท่านอื่นๆ
2 thoughts on “จุดไต้ตำตอ (หนังสือบริจาค)”
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.
ในส่วนตัวของดิฉันคิดว่า เมื่อได้อ่าน Blog นี้จุดประสงต์ในการเขียน คืออะไร แต่ส่วนตัวของดิฉันคิดว่าไม่น่าจะนำมาเปิดเผย
เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ณ ห้องสมุดแห่งหนึ่ง แต่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้เขียนเพียงต้องการสื่อให้เห็นประเด็นหนึ่งของการหาตัวเล่มไม่พบ